สถาบันการศึกษากับประเด็นสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย
คำสำคัญ:
สถาบันการศึกษา, สิทธิมนุษยชนบทคัดย่อ
บทความทางวิชาการนี้ มุ่งศึกษาสภาพปัจจุบันและข้อเสนอแนะในการพัฒนาของสถาบันการศึกษากับประเด็นสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยใน 3 กรณี คือ 1) ความรุนแรงต่อเนื้อตัวร่างกาย 2) ความหลากหลายทางเพศ และ 3) ความเห็นต่างทางการเมือง ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทยในขณะนี้ อันเป็นปัญหาทั้งในสถาบันครอบครัว สถาบันการศึกษา และสถาบันสังคม มีผลกระทบต่อประเทศอย่างรุนแรง และยังอยู่ในระหว่างการหาทางออก ที่ยอมรับได้ของทุกฝ่าย ซึ่งบทความนี้ได้จากการศึกษาจากตำรา หนังสือ เอกสารงานวิจัย รวมถึงข้อมูลข่าวสารที่ปรากฏตามสื่อโซเชี่ยลต่าง ๆ นำมารวบรวม วิเคราะห์ถึงปัญหาสาเหตุ และเสนอแนะแนวทางที่จะสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อให้สังคมไทยเป็นสังคมที่มีความสงบสุข
ผลการศึกษาพบว่า ปัญหาเหล่านี้มาจากเจตคติและหลักคิดพื้นฐานของบุคคล อีกทั้งขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม หรือสภาพสังคมที่หล่อหลอมความคิด ทำให้เกิดความแตกต่างกันระหว่างช่วงวัยของนักเรียน ครู อาจารย์ และพ่อแม่ ผู้ปกครอง รวมถึงเกิดความเหลื่อมล้ำในสังคม ทำให้เกิดความรู้สึกว่าไม่ได้รับความเท่าเทียม ไม่เสมอภาค ไม่ได้รับการยอมรับ จึงเป็นผลให้เกิดความคิดเห็นที่แตกต่างจนก่อให้เกิดความขัดแย้ง ความไม่เข้าใจกัน ทั้งยังทำให้ทราบถึงทัศนคติต่อสิทธิมนุษยชนด้านการศึกษา 4 ด้าน คือ บทบาทหน้าที่ ของครู อาจารย์ บทบาทหน้าที่ของครอบครัว บทบาทหน้าที่ของนักเรียน นักศึกษา และการวางแผนอนาคตของตนเอง ของกลุ่มบุคคลต่าง ๆ ได้แก่ ผู้เรียน ครู บุคลากรในสถาบันการศึกษา และบุคคลกลุ่มต่าง ๆ ในสังคม ความเข้าใจทัศนคติดังกล่าวสามารถนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ในการวางแผนส่งเสริมสิทธิมนุษยชนศึกษาในระบบการศึกษาของไทย ที่ภาครัฐควรมุ่งเน้นนโยบายการสร้างความเท่าเทียมกันทางการศึกษา การกระจายการศึกษาไปยังทุกกลุ่มในสังคมอย่างมีคุณภาพ เพื่อให้เด็กและเยาวชนสามารถเข้าถึงระบบการศึกษาได้อย่างเท่าเทียม และควรส่งเสริมรายวิชาสิทธิมนุษยชนศึกษาให้เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรภาคบังคับในระบบการศึกษาของไทย เพื่อสร้างความรู้ ปลูกฝังทัศนคติ ความคิด และพฤติกรรมของเยาวชนในการแสดงออกด้วยการเปิดใจพูดกันและรับฟังกันด้วยความรัก จะก่อให้เกิดความเข้าใจและหาทางออกร่วมกันอย่างมีความสุข
เอกสารอ้างอิง
กฤติมา คลังมนตรี. (2564). “เพราะเสื้อผ้าไม่มีเพศ” Amnesty International, 1 สิงหาคม 2564.
นิด้าโพล. (2566). ผลสำรวจแต่งชุดนักเรียนหนุนส่งเสริมวินัยบังคับใส่ควรมีต่อสิทธิในโรงเรียนสำหรับนักเรียน. เข้าถึงได้จาก https://www.posttoday.com/general-news/, 25 มิถุนายน 2566.
ทัฬหวิชญ์ ฐิติรัตน์สกุล และณัฐวุฒิ เพิ่มจิตร. (2566). “เสื้อผ้า-ทรงผม สร้างวินัยอย่างไม่กดทับสิทธินักเรียน” TDRI ชวนอ่าน. เข้าถึงได้จาก https://tdri.or.th>2023/03>school-uniform, 9 มีนาคม 2566.
ทินกร บุญสืบสกุล. (2563). ระเบียบวินัย เสรีภาพ และเพศ ความไม่สมดุลของสามสิ่งที่กระทบเด็กไทย. เข้าถึงได้จาก https://themodernist.in.th/category/playground/, 18 ตุลาคม 2563.
บ้านจอมยุทธ. (2566). สิทธิมนุษยชนด้านการศึกษา. เข้าถึงจาก https://www.baanjomyut.com/ library_2/extension-4/human_rights/04.html, 8 สิงหาคม 2566.
ปวริศร เลิศธรรมเทวี. (2565). “สิทธิมนุษยชนในรัฐธรรมนูญไทย” วารสารสถาบันพระปกเกล้า. ปีที่ 1 ฉบับที่ 3 (กันยายน-ธันวาคม 2565), หน้า 134-178.
ราชกิจจานุเบกษา. (2566). ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ. 2563. เข้าถึงได้จาก http://www.ratchakitcha.soc.go.th/.../2563/E/103/T_0006.PDF. 4 สิงหาคม 2566.
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน. (2563). ข้อสังเกตทางกฎหมาย : นักเรียนยังสามารถเข้าเรียนได้แม้แต่งไปรเวทไปโรงเรียน. เข้าถึงได้จาก https://tlhr2014.com>เรื่องเด่น, 1 ธันวาคม 2563.
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา. (2566). พระราชบัญญัติเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ. 2551 และระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน. เข้าถึงได้จาก http://web.krisdika.go.th/, 10 สิงหาคม 2566.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสาร มจร พุทธปัญญาปริทรรศน์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.