สร้างบ้านใหม่ให้หม่าม้าการบูรณะและสร้างที่อยู่อาศัยของคนพื้นเมืองบันนันผ่านการศึกษาประวัติความเป็นมาของชนเผ่า
Main Article Content
บทคัดย่อ
ศึกษานี้ใช้เวลา 6 ปีในการเก็บข้อมูลทางด้านวิชาการของกลุ่มตัวอย่างจำนวน 3 คนโดยเริ่มตั้งแต่พุทธศักราช 2547 กลุ่มตัวอย่างเป็นชนเผ่าบันนันดั้งเดิมในไต้หวัน การบันทึกภาพและเสียงได้นำมาใช้ในการเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างเพื่อบันทึกเรื่องราวจากความทรงจำและความเข้าใจลักษณะต่างๆของบ้าน ซึ่งกลุ่มตัวอย่างได้ย้ายถิ่นฐานละทิ้งบ้านเรือนของพวกเขาเนื่องจากการเข้าครอบครองของประเทศญี่ปุ่นในช่วงปีพุทธศักราช 2484 วิจัยนี้มีแนวคิดในการบูรณะที่อยู่อาศัยให้กับหมู่บ้านห่างไกลชนเผ่าภูมิลำเนาภูเขาสูงในแคว้นตาคิวาลาสและไลปัคนัคโดยรวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์เชิงลึกสำรวจพื้นที่เนินเขาและบันทึกลักษณะที่ตั้งของบ้านข้อมูลจากการสำรวจได้นำไปให้กลุ่มตัวอย่างทั้ง 3 คนใช้ควบคู่กับความทรงจำของพวกเขาเพื่อออกแบบและวาดโครงร่างพื้นบ้านจากการวิจัยนี้ยังพบว่าการบูรณะซ่อมแซมบ้านเรือนนั้นประกอบไปด้วยขั้นตอนต่างๆ 4 ขั้นตอนที่ให้ความรู้และเป็นแหล่งข้อมูลใหม่ที่สามารถนำไปใช้ได้อย่างมีประโยชน์ในการบูรณะบ้านรวมครั้งนี้ได้มีการเดินทางไปสำรวจพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของบ้านเป็นจำนวน 2 ครั้งก่อนที่จะลงมือบูรณะและสร้างบ้านจริงๆในพุทธศักราช 2550 และพุทธศักราช 2551 แต่อย่างไรก็ตามความพยายามในการสร้างบ้านขึ้นมาใหม่อีกครั้งนั้นไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากกำลังแรงของพายุไต้ฝุ่นมรกตในปีพุทธศักราช 2552 การวิจัยนี้มุ่งศึกษาวัฒนธรรมต่างประเทศที่มีบทบาทเข้มข้นและยังศึกษาการฟื้นฟูวัฒนธรรมและบูรณะบ้านเรือนของชนเผ่าบันนัน โดยนำบ้านมาใช้เป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูลโดยเรียบเรียงรายละเอียดและเรื่องราวในอดีตซึ่งบ้านเปรียบเสมือนตัวแปรสำคัญเชื่อมโยงความเป็นมาของเผ่าพันธุ์จากอดีตสู่ปัจจุบันประกอบกับการวิจัยเชิงสำรวจนี้ยังปล่อยให้เรื่องราวอันยาวนานเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาและประเพณีของชนเผ่าบันนันให้กับกลุ่มผู้อ่านภาษาอังกฤษได้อย่างเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
Article Details
ข้อความและความคิดเห็นที่แสดงในบทความ เป็นแนวคิดของผู้เขียน มิใช่ความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ และคณะผู้จัดทำแต่อย่างใด
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิเทศศึกษา ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิเทศศึกษา หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารวิเทศศึกษา ก่อนเท่านั้น