ภารตนาฏลีลา
Main Article Content
บทคัดย่อ
ภารตนาฏลีลา" เป็นบทความทางวิชาการที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อและศรัทธาในศาสนาฮินดูแสดง ให้เห็น ความสัมพันธ์ระหว่างศาสนากับวิถีชีวิตของชาวภารตะตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันซึ่งศาสนาเข้ามา มีบทบาทที่สําคัญและมีอิทธิพลต่อการดําเนินชีวิตตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตาย โดยมีพระศิวะที่ถือเป็นเทพเจ้า สูงสุดของศาสนาฮินดูที่ชาวภารตะให้ความเคารพยกย่องเป็นเทพผู้ให้กําเนิดการฟ้อนรําองค์แรกของโลก การแสดงในยุคแรกเป็นการฟ้อนรําเพื่อบวงสรวงบูชาเทพเจ้าโดยใช้ผู้หญิงแสดงล้วน เรียกว่า “เทวทาสี" พระศิวะทรงประทานท่าร่ายรํา 108 ท่า เพื่อเป็นแบบแผนให้กับมนุษย์ ซึ่งพระภรตมุนี หรือภารตมุนี้ เป็นผู้บันทึกตําราการฟ้อนรํา เรียกว่า "คัมภีร์ภารตะนาฏยศาสตร์" โดยใช้เป็นแม่บทและหลักบังคับในการ แสดงนาฏศิลป์ของชาวภารตะจนมีอิทธิพลต่อศิลปะการแสดงในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ รวมถึงประเทศไทย ที่นําคัมภีร์นาฏยศาสตร์มาเป็นแบบแผนในการเรียนการสอนนาฏศิลป์ไทยและมีการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้อง กับศิลปวัฒนธรรมของไทยจนถึงปัจจุบัน
ภารตนาฏลีลาต้องอาศัยองค์ประกอบสําคัญหลายประการในการแสดง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแสดงออกทางอารมณ์ความรู้สึกของผู้แสดง เรียกว่า "นวรส" ซึ่งสามารถแสดงความรู้สึกได้ 9 ชนิด ความรู้สึกต่างๆ เหล่านี้เกิดมาจากธรรมชาติและเป็นตัวผลักดันให้แสดงออกมาภายนอก เรียกว่า "ภาวะ" นอกจากนี้ยังต้องอาศัย "ราคะ" หมายถึง ดนตรีหรือเพลงที่บรรเลง และ "ตาละ" หมายถึง จังหวะ พร้อมกับการสื่อความหมายเรียกว่า "มุทรา" หมายถึง ภาษามือ ซึ่งมีด้วยกัน 24 มุทรา แต่สามารถ ปรับเปลี่ยนการใช้ได้มากกว่า 500 มุทรา นาฎสัญลักษณ์ของชาวภารตะที่เก่าแก่มีอยู่ 4 แบบ คือ ภารตนาฏยัม กถูกฟ์ กถัก และมณีปุรี ซึ่งชุดการแสดงที่เก่าแก่ที่สุดคือ "ภารตนาฏยัม" อันเป็นแบบแผน ของการแสดงในยุคต่อมา การแสดงทุกชุดมีวัตถุประสงค์ เพื่อบวงสรวงบูชาเทพเจ้าที่เป็นที่เคารพยกย่อง ของชาวภารตะมาช้านาน
Article Details
ข้อความและความคิดเห็นที่แสดงในบทความ เป็นแนวคิดของผู้เขียน มิใช่ความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ และคณะผู้จัดทำแต่อย่างใด
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิเทศศึกษา ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิเทศศึกษา หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารวิเทศศึกษา ก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
การแสดงกลัก และภารตนาฏยัมของอินเดีย (ม.ป.ป.). (ออนไลน์) เข้าถึงได้จาก: http://www.dances.iloveindia.com (วันที่ค้นข้อมูล : 1 กันยายน 2553)
กัญญรัตน์ จิราสวัสดิ์ (2552), ล่าขุมทรัพย์สุดขอบฟ้าในอินเดีย, กรุงเทพ ฯ : H.N. Group
นาฏศิลป์อินเดีย(ม.ป.ป.).(ออนไลน์) เข้าถึงได้จาก:http://artindia.net-Indian (วันที่ค้นข้อมูล : 10 สิงหาคม 2553)
นาฏศิลป์อินเดีย(ม.ป.ป.).(ออนไลน์) เข้าถึงได้จาก:http://th.wikipedia.org (วันที่ค้นข้อมูล : 2 กันยายน 2553)
นาฏศิลป์อินเดีย (ม.ป.ป.).(ออนไลน์) เข้าถึงได้จาก:http://webhost.tsu.ac.th (วันที่ค้นข้อมูล : 2 กันยายน 2553)
นิยะดา สาริกภูติ (2515), ความสัมพันธ์ระหว่างละครไทยกับละครภารตะ วิทยานิพนธ์อักษรศาสตร์มหาบัณฑิต กรุงเทพ ฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
พระมหาประมวล ฐานทัตโต (2548), พาราณสี คือ อินเดียแท้, กรุงเทพ ฯ : ร่มธรรม.
มาลินี ดิลกวณิช. (2543), ระบําและละครในเอเชีย, กรุงเทพ ฯ : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดํารงราชานุภาพ. (2546), ละครฟ้อนรํา กรุงเทพฯ : บริษัทพิฆเณศ พริ้นท์ติ้ง เซ็นเตอร์,
สิริรัตน์ ประพัฒน์ทอง (2536), การศึกษาเครื่องดนตรีจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี ที่พบในประเทศไทยก่อนพุทธศตวรรษที่ 16.กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศิลปากร
อรุณ เฉตตีย์. (2539), อินเดีย แผ่นดินถิ่นมหัศจรรย์, กรุงเทพ ฯ : โรงพิมพ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
Bolland, David (1980). A Guide to Kathakali . New Delhi.
Devi, Ragini (2002). Dance Dialects of India. New Delhi.
Khokar, Ashish Mohan (2004). Classical Dance. New Delhi.