Community Participation in Cultural Management: A Case Study of Tradition of Ascending Kradong Volcano, Muang District, Buriram Province
Main Article Content
บทคัดย่อ
รายงานวจิยัน้ีมีวตัถุประสงคเ์พื่อศึกษาการมีส่วนร่วมของชุมชนในการบริหารจดัการ
ทางวฒั นธรรมทอ้งถิ่
นประเพณีข้ึนภูเขาไฟกระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ศึกษาคติความเชื่อในประเพณี
ข้ึนภูเขาไฟกระโดงจงัหวดับุรีรัมย์เพื่อสร้างจิตสา นึกใหก้ บั เยาวชนประชาชนในทอ้งถิ่
นใหต้ระหนกั
และเห็นคุณค่าในการอนุรักษม์ รดกทางวฒั นธรรมและสร้างความภาคภูมิใจในชุมชนทอ้งถิ่
น
ของตน พ้
ืนที่ในการวิจยั คือ ชุมชนที่อาศยัอยบู่ ริเวณรอบวนอุทยานภูเขาไฟกระโดงอา เภอเมือง
จงัหวดับุรีรัมย์เก็บขอ้ มูลโดยใชส้ ัมภาษณ์แบบเชิงลึกเฉพาะรายจดักลุ่มสนทนาเฉพาะประเด็น
การสังเกตการณ์เป็นการสังเกตแบบมีส่วนร่วม เป็นงานวิจยัเชิงคุณภาพ ผลการศึกษาพบวา่ การมี
ส่วนร่วมของชุมชนในการบริหารจดัการวฒั นธรรม:กรณีศึกษา ประเพณีข้ึนภูเขาไฟกระโดงจังหวัด
บุรีรัมย์ มี 5 ด้าน ประกอบด้วย 1) ด้านการรับรู้ และการแลกเปลี่ยนข้อมูล 2) ด้านการคิด ค้นหา
วเิคราะห์ปัญหา ร่วมวางแผน 3) ดา้นการร่วมดา เนินการตามแผนหรือร่วมกิจกรรม 4) ดา้นการร่วม
รับผลประโยชน์ ความภาคภูมิใจ และการมีรายได้ และ5) ด้านการติดตามประเมินผล โดยชุมชนมี
การรับรู้และการแลกเปลี่ยนข้อมูลมากที่สุด แต่ชุมชนมีส่วนร่วมนอ้ยที่สุดไดแ้ก่ ดา้นร่วมรับ
ผลประโยชน์ที่เป็ นรายได้ดา้นคติความเชื่อของคนในชุมชน พบวา่ เป็นความเชื่อที่เกิดจากความนึก
คิดของคนในอดีต และแสดงออกมาทางพฤติกรรม เป็นวฒั นธรรมพิธีกรรม จนเกิดเป็นวฒั นธรรม
ประเพณีที่สืบทอดโดยมีการปรับและประยกุ ตใ์หเ้หมาะสมกบัยคุ สมยัในเรื่องที่เหมาะสม ส่วนแก่น
หรือรากของวฒั นธรรมประเพณียงัคงอยู่นนั่ คือความเชื่อที่ทา ใหเ้กิดวถิีชีวติของคนที่ดา เนินการหรือ
ปฏิบตัิแลว้เกิดความเป็นสิริมงคล หากมนุษยป์ ราศจากความเชื่อแลว้สิ่งมีชีวติในสังคม พิธีกรรม
จารีตและวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามจะส่งต่อใหก้ บั เยาวชนคนรุ่นต่อไปตามความเหมาะสมกบัยคุ
สมัยโลกาภิวัตน์ดา้นการสร้างจิตสา นึกใหก้ บั เยาวชน พบวา่ เยาวชนที่เขา้ร่วมกระบวนเสริมสร้าง
จิตส านึกไดเ้กิดองคค์วามรู้เกี่ยวกบัวฒั นธรรมทอ้งถิ่
นของตนเกิดความรู้สึกความภาคภูมิใจสืบสาน
อนุรักษ์ และเผยแพร่ส่งต่อใหก้ บั เยาวชนรุ่นต่อไป
Article Details
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารทดสอบระบบ ThaiJo2 ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารทดสอบระบบ ThaiJo2 ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารทดสอบระบบ ThaiJo2 หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรจากวารสารทดสอบระบบ ThaiJo2 ก่อนเท่านั้น
References
บริหารจัดการวัฒนธรรม:กรณีศึกษา เครื่องสักการบูชาอีสานโบราณ บ้านปลาค้าว ต าบล
ปลาค้าว อ าเภอเมือง จังหวัดอ านาจเจริญ. สา นกังานคณะกรรมการวฒั นธรรมแห่งชาติ
กระทรวงวัฒนธรรม.
นวลลออ แสงสุข. (2552). จิตส านึกสาธารณะในเยาวชน : กรณีศึกษามหาวิทยาลัยรามค าแหง.
กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรามค าแหง.
นิภา เจียมโฆสิต และคณะ. (2551). การมีส่วนร่ วมของเครือข่ายวัฒนธรรมและชุมชนในการบริหาร
จัดการวัฒนธรรม: กรณีศึกษา ประเพณีบุญกลางบ้านอ าเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี.
สา นกังานคณะกรรมการวฒั นธรรมแห่งชาติกระทรวงวฒั นธรรม.
ประเวศ วะส. (2541). ยุทธศาสตร์ชาติเพื่อความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม. ปาฐกถา
พิเศษ ป๋วยอ้ึงภากรณ์.กรุงเทพฯ:หมอชาวบ้าน.
พวงคา ทองทวั่ และคณะ. (2551). การมีส่วนร่ วมของเครือข่ายวัฒนธรรมและชุมชนในการบริหาร
จัดการวัฒนธรรม :กรณีศึกษา พิธีแซนโดนตา อ าเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ. ส านักงาน
คณะกรรมการวฒั นธรรมแห่งชาติกระทรวงวฒั นธรรม.
มนัส สุวรรณ. (2532). การให้ความรู้ ความเข้าใจในเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในจังหวัด
น่าน. มหาวทิยาลยัเชียงใหม่ เชียงใหม่: มหาวทิยาลยัเชียงใหม่.
วฒั นธรรมพ้ืนบา้น คติความเชื่อ. (2530).วัฒนธรรมพื้นบ้าน:คติความเชื่อ(พิมพค์ร้ังที่3).โครงการ
ไทยศึกษาฝ่ ายวิชาการ โครงการเผยแพร่ผลงานวจิยั ฝ่ายวจิยั จุฬาลงกรณ์มหาวทิยาลยั.
สำนักศิลปากรที่ 11 อุบลราชธานี. ร่ วมด้วยช่วยกัน: การจัดการทรัพยากรวัฒนธรรมในชุมชน
ท้องถิ่น. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์เดือนตุลา.
อนันต์ ลิขิตประเสริฐและคณะ. (2553).การมีส่วนร่ วมในการบริการจัดการแหล่งท่องเที่ยวอุทยาน
ล าน ้ามาศ. สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์. บุรีรัมย์: มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์.