การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบเน้นภาระงานร่วมกับเทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือและห้องเรียนกลับด้าน เพื่อพัฒนาทักษะการพูดภาษาจีนและความเข้าใจทางวัฒนธรรม ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย

Main Article Content

ฐิติมุนินทร์ ชูประดิษฐ์
ชนสิทธิ์ สิทธิ์สูงเนิน

บทคัดย่อ

          การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและหาคุณภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบเน้นภาระงานร่วมกับเทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือและห้องเรียนกลับด้านเพื่อพัฒนาทักษะการพูดภาษาจีนและความเข้าใจทางวัฒนธรรมของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย วิธีดำเนินการวิจัยเป็นลักษณะของการวิจัยและพัฒนา กลุ่มเป้าหมายในการสัมภาษณ์ ได้แก่ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ อาจารย์ และครูผู้สอนภาษาจีน และกลุ่มเป้าหมายในการสอบถามความคิดเห็น  คือ นักเรียนแผนศิลป์ภาษาจีนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบวิเคราะห์เอกสาร 2) แบบสัมภาษณ์ 3) ประเด็นสนทนากลุ่ม 4) แบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียน และ 5) แบบประเมินคุณภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ สถิติที่ใช้ในการวิจัยคือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์เนื้อหา


         ผลการวิจัย พบว่า


         1. รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบเน้นภาระงานร่วมกับเทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือและห้องเรียนกลับด้าน เพื่อพัฒนาทักษะการพูดภาษาจีนและความเข้าใจทางวัฒนธรรมของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย มีองค์ประกอบของรูปแบบ 5 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ 3) กระบวนการจัดการเรียนรู้ 6 ขั้นตอน ขั้นที่ 1 ขั้นการศึกษาด้วยตนเอง (Self-study) ขั้นที่   2 ขั้นตรวจสอบความรู้ความเข้าใจ ขั้นที่ 3 ขั้นเตรียมความพร้อม ขั้นที่ 4 ขั้นดำเนินงานกิจกรรมกลุ่ม ขั้นที่ 5 ขั้นตรวจสอบ สรุปและประเมินการใช้ภาษาและความเข้าใจทางวัฒนธรรม และ ขั้นที่ 6 ขั้นสรุปและประเมินการทำงานกลุ่ม 4) การวัดและประเมินผล และ 5) ปัจจัยสนับสนุน


         2. ผลการประเมินคุณภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบเน้นภาระงานร่วมกับเทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือและห้องเรียนกลับด้านเพื่อพัฒนาทักษะการพูดภาษาจีนและความเข้าใจทางวัฒนธรรมของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในภาพรวมมีคุณภาพอยู่ในระดับมากที่สุด

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ชูประดิษฐ์ ฐ. ., & สิทธิ์สูงเนิน ช. . (2025). การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบเน้นภาระงานร่วมกับเทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือและห้องเรียนกลับด้าน เพื่อพัฒนาทักษะการพูดภาษาจีนและความเข้าใจทางวัฒนธรรม ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี, 14(2), 67–75. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/ajpbru/article/view/270995
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

จินตนา วิเศษจินดา และ สมพงษ์ จิตระดับ. แนวทางการจัดการเรียนการสอนภาษาจีนระดับมัธยมศึกษาตอน ปลาย. Veridian E-Journal. 2561; 2: 445-455.

Nunan, D. Designing tasks for the communicative classroom. Cambridge: Cambridge University Press; 1989.

Van den Branden, K. Task-based language teaching: from theory to practice. Cambridge: Cambridge University Press; 2006.

ชนสิทธิ์ สิทธิ์สูงเนิน. การพัฒนาการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือร่วมกับแนวคิดห้องเรียนกลับด้านเพื่อส่งเสริมความสามารถในการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นสำหรับนักศึกษาครู คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร. วารสารบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์. 2560; 3:1-12.

Kruse, Kevin. Instruction to Instructional Design and the ADDIE Model. [Internet]. 2008. Accessed 31 May 2021. Available from http://www.transformativedesigns.com/idsystems.html.

Willis, J. A. Framework for Task-based Learning. London: Longman; 1996.

Ellis, R. Task-based Language Learning and Teaching. New York: Oxford University Press; 2003.

Nunan, D. Task-based Language Teaching. Cambridge: Cambridge University Press; 2004.

ศศิณัฏฐ์ สรรคบุรานุรักษ์. การพัฒนารูปแบบการสอนที่เน้นภาระงานเพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านภาษาจีนเพื่อความเข้าใจ สำหรับนักศึกษาปริญญาตรี. [วิทยานิพนธ์ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต]. นครปฐม: มหาวิทยาลัยศิลปากร; 2559.

พรนภัส ทับทิมอ่อน. การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้อ่านภาษาอังกฤษแบบเน้นภาระงานร่วมกับบทเรียนออนไลน์เพื่อพัฒนาความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจและการอ่านเชิงวิเคราะห์สำหรับนักศึกษาปริญญาตรี. [วิทยานิพนธ์ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต]. นครปฐม: มหาวิทยาลัยศิลปากร; 2563.

Johnson, D. W., Johnson, R., & Holubec, E. Cooperative in the Classroom. Minnesota : Interaction Book; 1993.

ปทีป เมธาคุณวุฒิ. การจัดการเรียนการสอนที่ผู้เรียนเป็นศูนยกลาง. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2544.

อาภรณ์ ใจเที่ยง. หลักการสอน. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์; 2550.

กิตติพันธ์ อุดมเศรษฐ์. การพัฒนารูปแบบการออกแบบการเรียนการสอนแบบการเรียนรู้กลับด้านตามกรอบแนวคิดทีแพคและทฤษฎีขยายความคิดสำหรับครูมัธยมศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน. [วิทยานิพนธ์ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต]. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2558.

ณรัช ไชยชนะ. การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนตามแนวคิดห้องเรียนกลับด้านโดยใช้การสอบแบบเห็นโจทย์ล่วงหน้าร่วมกับการทดสอบด้วยคอมพิวเตอร์. [วิทยานิพนธ์ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต]. มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม; 2561.

Finocchiaro, M., & Brumfit, C. The functional-notional approach: from theory to practice. New York: Oxford University Press; 1983.

Richards, J.C., & Schmidt, R. Longman Dictionary of Applied Linguistics and Language Teaching. Harlow: Longman; 2002.

Lü, B. Chinese, & Teaching Chinese as a Second Language. Peking : Peking University Press; 2007. (in Chinese)

Yang, H. Pedagogy of Listening, & Speaking for Teaching Chinese as a Second Language. (3rd ed.). Peking : Peking Language and Culture University Press; 2021. (in Chinese)

Dema, O., & Aleidine J. M. Teaching culture in the 21st century language classroom. In Tatiana Sildus (ed.), Touch the world: Selected papers from the 2012 central states conference on the teaching of foreign languages, 75–91. Eau Claire, WI: Crown Prints; 2012.

Yi, Q. Culture Understanding in Foreign Language Teaching. English Language Teaching, 2010;4, 58–61.

Pratama, I. D. Active Learning Strategies in Teaching Cross Cultural Understanding for English Education Students. EduLite Journal of English Education Literature and Culture, 2017;1,303-316.

ประกาศิต สิทธิ์ธิติกุล. English for cross-cultural understanding. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์; 2562.

Han, J., & Zhang, L. Teaching Culture in TEFL. Creative Education. 2020;11, 447-451.

ทิศนา แขมมณี. ศาสตร์การสอน: องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย; 2563.

เก็จกนก เอื้อวงศ์. การสนทนากลุ่ม: เทคนิคการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพที่มีประสิทธิภาพ. วารสารศึกษาศาสตร์ มสธ. 2562;1:17 – 30.