ผลการจัดกิจกรรมการเรียน แบบ 4 MAT เรื่องพื้นฐานทางเรขาคณิต ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ และเจตคติต่อการเรียนคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเทศบาล 3 (สระกระเทียม)
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่อง พื้นฐานทางเรขาคณิต ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ระหว่างกลุ่มที่ได้รับการจัดกิจกรรมเรียนรู้แบบ 4 MAT และกลุ่ม การสอนแบบปกติ และ (2) เพื่อศึกษาเจตคติต่อการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่อง พื้นฐานทางเรขาคณิต ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเทศบาล 3 (สระกระเทียม) จังหวัดนครปฐม ของกลุ่มที่ได้รับการจัดกิจกรรมเรียนรู้แบบ 4 MAT เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย (1) แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง พื้นฐานทางเรขาคณิต โดยใช้กิจกรรมเรียนรู้คณิตศาสตร์ แบบ 4 MAT (2) แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องพื้นฐานทางเรขาคณิต โดยใช้กิจกรรมเรียนรู้แบบปกติ (3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง พื้นฐานทางเรขาคณิต มีความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา (Content Validity) ที่ 0.90 ความยากง่าย (p) มีค่าระหว่าง 0.27-0.77 ค่าอำนาจจำแนก (r) มีค่าระหว่าง 0.33 - 0.67 และค่าความเชื่อมั่น (Reliability) เท่ากับ 0.93 และ(4) แบบวัดเจตคติต่อการเรียนคณิตศาสตร์ ความเที่ยงตรงเชิงโครงสร้าง (Construct Validity) ได้ค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.67 และมีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.39 แสดงว่ามีความเหมาะสมมากที่สุด ค่าอำนาจจำแนก (r) มีค่าระหว่าง 0.57 - 0.89 ค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.93 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t-test) ผลการวิจัยปรากฏว่า (1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่องพื้นฐานทางเรขาคณิตของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ แบบ 4 MAT สูงกว่านักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ แบบปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ (2) นักเรียนที่เรียนโดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ แบบ 4 MAT มีเจตคติต่อการเรียนรู้คณิตศาสตร์ แบบ 4 MAT ในภาพรวมเจตคติต่อการเรียนคณิตศาสตร์ของกลุ่มทดลองอยู่ในระดับมาก (= 4.45 , S.D. = 0.66) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน ด้านความรู้อยู่ในระดับมากที่สุด ด้านความรู้สึก อยู่ในระดับมาก และด้านพฤติกรรม อยู่ในระดับมาก ตามลำดับ
Article Details
เอกสารอ้างอิง
จารุวรรณ สิงห์ม่วง และสุทิวัส โคตะมะ. (2561). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาอัตราส่วนและร้อยละ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้แบบฝึกทักษะ. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี, 7(1), 69-75.
เธียร พานิช. (2544). 4 MAT การจัดกจิกรรมการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับธรรมชาติการเรียนรู้ของผู้เรียน.กรุงเทพฯ : มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ
นพมาศ ธีรเวคนิ. (2542). จิตวิทยาสังคมกับชีวิต (พิมพ์ครั้งที่3). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
บุญถม วรรณทอง. (2555). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง อสมการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบ 4 MAT. วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอนบัณฑิตศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
พรพิไร แก้วสมบัติ. (2551). การพัฒนาผลการเรียนรู้ เรื่อง การแปลงทางเรขาคณิต ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 2 ที่จัดการเรียนรู้แบบ 4 MAT. วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการนิเทศ ภาควิชาการหลักสูตรและวิธีสอน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร.
สุภาวดี หัดที. (2553). ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยใช้วัฏจักรการเรียนรู้แบบ 4 MAT เรื่อง ระบบสมการเชิงเส้น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาคณิตศาสตร์ศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
อัชมา มาลินี. (2557). การพัฒนาชุดการเรียนคณิตศาสตร์ตามวัฏจักรการเรียนรู้ 4 MAT โดยใช้โปรแกรม The Geometer’s Sketchpad เรื่อง การแปลงทางเรขาคณิต ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2.. วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาคณิตศาสตร์ศึกษา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา.
David A. Kolb. (1984). Experiential Lerning. New Jersey: A Simon & Schuster Company.
Jackson, Phillip R. (2004). The Effects of Teaching Methods and 4 MAT Learning Styles on Community College Students’ Achievement, Attitudes, and Retention in Introductory Microbiology. Dissertation Abstracts International, 64(09), 3173 – A.
McCarthy, Bernice. (1997, March). “A Tale of Four Learner : 4 MAT’s Learning Styles,” Educational Leadership, 54(6), 46 -51.