แนวทางการส่งเสริมการบริหารกิจการนักเรียนตามหลักอัปปมัญญา 4 สังกัดสำนักงานอาชีวศึกษา จังหวัดอ่างทอง
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพการส่งเสริมการบริหารงานกิจการนักเรียน สังกัดสำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดอ่างทอง 2) เพื่อศึกษาวิธีการส่งเสริมการบริหารงานกิจการนักเรียนตามหลักอัปปมัญญา 4 สังกัดสำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดอ่างทอง 3) เสนอแนวทางการส่งเสริมการบริหารงานกิจการนักเรียนตามหลักอัปปมัญญา 4 สังกัดสำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดอ่างทอง เป็นงานวิจัยแบบผสมวิธี 1) การวิจัยเชิงปริมาณ เครื่องมือที่ใช้เก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามประชากรที่ใช้วิจัย ได้แก่ ผู้บริหารและครู สังกัดสำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดอ่างทอง จำนวน 144 คน วิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ คือ ค่าร้อยละ ค่าความถี่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2) การวิจัยเชิงคุณภาพ โดยศึกษาเอกสารและการใช้แบบสัมภาษณ์โดยมีผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 7 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพการบริหารงานกิจการนักเรียน สังกัดสำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดอ่างทอง ในภาพรวม 6 ด้าน อยู่ในระดับมาก สำหรับผลการพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า รายด้านทุกด้านอยู่ในระดับมากที่สุด ได้แก่ ด้านงานโครงการพิเศษและการบริการชุมชน รายด้านอยู่ในระดับมาก เรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ได้แก่ ด้านงานกิจกรรมนักเรียนนักศึกษา ด้านงานครูที่ปรึกษา ด้านงานแนะแนวอาชีพ ด้านงานสวัสดิการนักเรียนนักศึกษา และข้ออยู่ในระดับต่ำสุด ได้แก่ ด้านงานปกครอง ตามลำดับ 2) วิธีการส่งเสริมการบริหารงานกิจการนักเรียนตามหลักอัปปมัญญา 4 ควรส่งเสริมให้ครูให้ดูแลความปลอดภัยของนักเรียนขณะอยู่ในโรงเรียน เพื่อให้การเรียนการสอนดำเนินไปอย่างราบรื่นและนักเรียนได้รับการดูแลในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย แสดงถึงความเอาใจใส่ รับฟังปัญหาของนักเรียนด้วยความจริงใจ ติดตามความเป็นอยู่จัดสภาพแวดล้อมที่อบอุ่น จัดพื้นที่พักผ่อนหรือพื้นที่ให้บริการนักเรียน ให้คำแนะนำอย่างอ่อนโยนสร้างกำลังใจในการค้นหาเป้าหมายชีวิตและอาชีพ ทำกิจกรรมกลุ่มที่สร้างความสัมพันธ์ช่วยนักเรียนแก้ไขปัญหา เป็นที่ปรึกษาในเรื่องส่วนตัว ออกแบบกิจกรรมที่ครอบคลุมนักเรียนทุกคน จัดกิจกรรมที่เหมาะสมกับความต้องการ ความถนัด และความสนใจของนักเรียนทุกกลุ่มเปิดโอกาสให้นักเรียนมีส่วนร่วม จัดโครงการเพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสหรือการดูแลสิ่งแวดล้อมให้ความสำคัญกับชุมชนท้องถิ่น รับฟังปัญหาและความต้องการของชุมชนเพื่อนำมาจัดกิจกรรมที่ช่วยให้นักเรียนเรียนรู้การอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างสร้างสรรค์สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน 3) แนวทางการส่งเสริมการบริหารงานกิจการนักเรียนตามหลักอัปปมัญญา 4 สังกัดสำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดอ่างทอง ครูควรสร้างความสัมพันธ์ระหว่างครูปกครองและนักเรียนครูปกครองมีบทบาทใกล้ชิดนักเรียน รับฟังปัญหา และให้คำปรึกษาด้วยความเข้าใจจัดกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ ช่วยเหลือนักเรียนในกลุ่มเปราะบางจัดตั้งกองทุนสวัสดิการเพื่อช่วยเหลือนักเรียนที่ขาดแคลน แนะแนวสร้างความไว้วางใจและความใกล้ชิดกับนักเรียน เพื่อให้นักเรียนกล้าแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเป้าหมายอาชีพให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพที่หลากหลายและเหมาะสมกับความสามารถ ครูที่ปรึกษาต้องมีความพร้อมในการให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับปัญหาและความต้องการของนักเรียนทำงานร่วมกับผู้ปกครองในการแก้ไขปัญหาของนักเรียน สนับสนุนกิจกรรมพัฒนาทักษะและคุณลักษณะของนักเรียนจัดกิจกรรมที่พัฒนาทักษะทางวิชาชีพ
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ส่งมาขอรับการตีพิมพ์ในวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ จะต้องไม่เคยตีพิมพ์หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อตีพิมพ์ในวารสารอื่น รวมทั้งผู้เขียนจะต้องคำนึงถึงจริยธรรมการวิจัย ไม่ละเมิดหรือคัดลอกผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง ซึ่งทางวารสารฯ ได้กำหนดความซ้ำของผลงาน ด้วยโปรแกรม CopyCat เว็บ Thaijo ในระดับ ไม่เกิน 25%
ในกรณีที่ บทความวิจัยมีกระบวนการวิจัยเกี่ยวข้องกับมนุษย์ ผู้นิพนธ์จะต้องส่งหลักฐานการรับรองจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์มาประกอบการลงตีพิมพ์ด้วยจึงจะได้รับการพิจารณาลงตีพิมพ์ในวารสาร
ผู้เขียนบทความจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การเสนอบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ รวมทั้งระบบการอ้างอิงต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ โดยรวมทั้งทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้น และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์และวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). พระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา 2551. กรุงเทพมหานคร: กระทรวงศึกษาธิการ.
กิติมา ปรีดีดิลก. (2548). กระบวนการบริหารและการนิเทศการศึกษาเบื้องต้น. กรุงเทพมหานคร: อักษรเจริญทัศน์.
นาตยา เลียบจันทร์. (2563). การศึกษาการบริหารกิจการนักเรียนอาชีวศึกษาตามหลักไตรสิกขา จังหวัดสมุทรปราการ อาชีวศึกษาภาคกลาง เขต 3. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตฺโต). (2551). พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม. พิมพ์ครั้งที่ 16. กรุงเทพมหานคร: เอส. อาร์. พริ้นติ้ง แมส โปรดักส์.
รุจิรัตน์ พวงโต. (2561). การบริหารงานกิจการนักเรียนของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 3 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
ลัดดาวัลย์ เพชรโรจน์ สุภมาศ อังศุโชต และอัจฉรา ชำนิประศาสน์. (2555). สถิติสำหรับการวิจัยและเทคนิคการใช้ SPSS. ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร: เจริญดีมั่นคงการพิมพ์.
ศิริลักษณ์ นิสสัยพันธ์. (2564). การบริหารงานกิจการนักเรียนตามหลักพรหมวิหาร 4 ของผู้บริหาร โรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาขอนแก่น. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
Cronbach, Lee J. (1971). Essentials of psychological testing. 4 th ed. New York: Harper & Row.
Kate, M. (2022). Social and academic benefits of looping primary grade students.
Krejcie, R. V. and Morgan, D. W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607-610.
Likert, Rensis. (1967). The Method of Constructing and Attitude Scale in Reading in Attitude Theory and Measurement. New York: Wiley & Son.