ตัวแบบปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิผลการบริหารงานวิจัยในสถาบันอุดมศึกษาเอกชนในประเทศไทย
Main Article Content
Abstract
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อพัฒนาตัวแบบปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิผลการบริหารงานวิจัยในสถาบันอุดมศึกษาเอกชนในประเทศไทย เป็นการวิจัยเชิงปริมาณผสม แบ่งวิธีการเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 วิจัยเชิงปริมาณ ประชากร คืออาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษาเอกชน จำนวน 10,418 โดยใช้แบบสอบถาม ชนิดประมาณค่า 5 ระดับ เป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณจากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 412 คน ที่ได้จากการเลือกตัวอย่างแบบโควต้า (quota sampling method) แล้วทำการวิเคราะห์ตัวแบบสมการโครงสร้าง ส่วนที่ 2 การวิจัยเชิงคุณภาพ ทำการสัมภาษณ์ผู้บริหารหน่วยงานวิจัยจำนวน 15 คน ด้วยการเลือกตัวอย่างแบบเจาะจง และใช้การวิเคราะห์เนื้อหาผลการวิจัยสรุปดังนี้
ตัวแบบปัจจัยเชิงสาเหตุที่พัฒนาขึ้น มีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ในระดับดีมาก (c2 = 184.9, p-value = .55, c2/df = 1.129, RMSEA < .001, RMR = .018, GFI = .94, AGFI = .93, NNFI = .99, CFI =.99) ทั้งนี้พบว่าปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิผลในการบริหารงานวิจัย 4 ตัวแปร คือ เทคโนโลยีสารสนเทศ บรรยากาศองค์การ นโยบายด้านการวิจัย และความพึงพอใจในงาน โดยปัจจัยที่อยู่ในตัวแบบสามารถร่วมกันอธิบายความแปรปรวนของความผูกพันต่อองค์การของบุคลากรได้ร้อยละ 83 (R2 = .83) ส่วนผลการวิจัยเชิงคุณภาพ พบว่าปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิผลการบริหารงานวิจัยในสถาบันอุดมศึกษาเอกชน สอดคล้องกับผลการวิจัยเชิงปริมาณทุกประเด็น ยกเว้น ประเด็นนโยบายการวิจัยที่พบว่าสถาบันอุดมศึกษาเอกชนยังมีความไม่ชัดเจนในการกำหนดนโยบายและการดำเนินงานตามนโยบาย
คำสำคัญ : ประสิทธิผลในการบริหารงานวิจัย, สถาบันอุดมศึกษาเอกชน, ตัวแบบสมการโครงสร้าง
ABSTRACT
The purpose of this research was to develop the causal factors influencing research management effectiveness in Thai private higher education institutions by using mixed method research methodology.
The research was divided into 2 parts as follows; Part 1 is a quantitative research methodology, the analyzed data were collected by using a 5-rating scale questionnaire. The population was 10,418 of the Thai private higher education institutions instructors. The sample consisted of 412 instructors which determined by using Quota Sampling method. To analyze the observed data, the Structural Equation Model (SEM) was applied. Part 2 was a qualitative research methodology, to confirm the causal relationship model which conducted through in-depth interviews to those 15 executive administrators from research department of Thai Private Higher Education Institutions selected by purposive sampling and the qualitative data was analyzed by content analysis. The results of the research were as follows
The purposed model was the best fitted with the empirical data (c2 = 184.9, p-value = .55, c2/df = 1.129, RMSEA < .001, RMR = .018, GFI = .94, AGFI = .93, NNFI = .99, CFI =.99). The causal factors influencing research management effectiveness with four variables Including information technology, organizational climate, policy research and job satisfaction. Furthermore, all factors can be described the management effective in private university approximately 83 percent (R2 = .83). On the other hand, almost all factors suggested by quantitative analysis were the same as those of qualitative analysis excepting the policy research found that Thai Private Higher Education Institutions unclear in the policy and the policy implementation.
Keywords: Research Management Effectiveness, Private University, structural equation modeling