การพัฒนาทักษะการพูดเพื่อการสื่อสารภาษาอังกฤษ โดยการจัดการเรียนรู้ สถานการณ์จำลอง สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาทักษะการพูดเพื่อการสื่อสารภาษาอังกฤษ โดยการจัดการเรียนรู้สถานการณ์จำลอง กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 8 คน โรงเรียนบ้านนากระตึบ อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1)แผนการจัดการเรียนรู้โดยสถานการณ์จำลอง 2)แบบวัดทักษะการพูดเพื่อการสื่อสารภาษาอังกฤษ 3)แบบสังเกตพฤติกรรมนักเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ประกอบด้วย ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละ
ผลการวิจัย พบว่าวงจรที่ 1 นักเรียนที่ผ่านเกณฑ์จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 12.5 ของจำนวนผู้เรียนทั้งหมด และนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์จำนวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 87.5 ของจำนวนผู้เรียนทั้งหมด วงจรนี้ นักเรียนพูดไม่เป็นธรรมชาติหยุดชะงักบ่อย ไม่เข้าใจสิ่งที่พูดได้ วงจรที่ 2 นักเรียนผ่านเกณฑ์ จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 37.5 ของจำนวนผู้เรียนทั้งหมด และนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 62.5 ของจำนวนผู้เรียนทั้งหมด วงจรนี้ นักเรียนเริ่มปรับตัวได้ นักเรียนมีความกระตือรือร้น พูดคล่องแคล่วมากขึ้น พูดเป็นธรรมชาติเล็กน้อย หยุดชะงักและตะกุกตะกักเป็นบางครั้ง วงจรที่ 3 มีจำนวนนักเรียนผ่านเกณฑ์ทั้งหมด 8 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ของนักเรียนทั้งหมด วงจรนี้ นักเรียนมีความกระตือรือร้น พูดคล่องแคล่ว พูดค่อยข้างเป็นธรรมชาติราบรื่นสามารถพูดเป็นประโยคเข้าใจได้ และพูดสื่อสารตามโครงสร้างของประโยคได้
Article Details

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารบัณฑิตสาเกตปริทรรศน์ ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆบทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารบัณฑิตสาเกตปริทรรศน์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารบัณฑิตสาเกตปริทรรศน์ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรจากวารสารบัณฑิตสาเกตปริทรรศน์ ก่อนเท่านั้น
References
ภาษาไทย
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพมหานคร: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
___________. (2560). มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดฯ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560. กรุงเทพมหานคร: กระทรวงศึกษาธิการ.
ทิพย์วลี สุขปาน. (2560) การใช้วิธีการสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทางเพื่อพัฒนาทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน. มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี.
ทิศนา แขมมณี. (2559). ศาสตร์การสอน: องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 20. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
_________. (2552). ศาสตร์การสอนองค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วรางคณา เค้าอ้น. (2560) การพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 4 โดย ใช้สถานการณ์เป็นฐานการเรียนรู้. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน. วิทยาลัยครุสาสตร์: มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์.
สุมิตรา อังวัฒนกุล. (2540). แนวคิดและเทคนิควิธีการสอนภาษาอังกฤษระดับมัธยมศึกษา. พิมพครั้งที่ 3. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย.
สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ. (2561). รายงานผลการทดสอบการศึกษาระดับชาติขั้น พื้นฐาน (O-Net). ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. ปีการศึกษา 2564. ฉบับที่ 2. ค่าสถิติแยกตามมาตรฐานการเรียนรู้สำหรับโรงเรียน. สืบค้นเมื่อ 21 ธันวาคม 2565, จาก http://www.newonetresult .niets.or.th.
ภาษาอังกฤษ
Kha-on W. (2017). Enhancing Communication Skills of Prathomsuksa 4 Students using Situation Based Leaning. A Thesis Submitted in Partial Fulfillment of the Requirements for the Degree of Master of Education Department of Curriculum and Instruction. College of Education Science: Dhurakij Pundit University.
Linder, Cathy. (1977). Oral Communication Testing. Illinois: National Textbook
Educational Service. (2008). Basic Education Core Curriculum 2008. Bangkok: Printing House, Ministry of Agricultural Cooperatives of Thailand. Limited.
Ministry of Education. (2017). Learning standards and needs. According to the core educational curriculum Revised edition B.E. 2017. Bangkok: Ministry of Education.
Sukpan T. (2017). Using gesture-based teaching methods to develop English listening and speaking skills. For Grade 4 students. Master of Education Thesis. Subject: Curriculum and Teaching Thepsatri Rajabhat University.
khamanee T. (2016). Teaching science: knowledge for knowing various stories. 20th printing. Bangkok: Chulalongkorn University Press.
___________ (2009). The science of teaching knowledge to make you know more. Bangkok: Chulalongkorn University Press.
Misuttra Angwattanakul. (1997). Concepts and techniques for teaching English at the secondary level. 3rd edition. Bangkok: Chulalongkorn University Press.
National Institute of Educational Testing. (2018). Report on the results of basic national education testing. (O-Net). Grade 6. Academic year 2021. Issue 2. Statistics separated according to learning standards for school. Retrieved on 21 December 2022, from http://www.newonetresult.niets.or.th