การมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการศึกษาโรงเรียนบ้านโคกขมิ้น อำเภอพลับพลาชัย จังหวัดบุรีรัมย์
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการมีส่วนร่วมของชุมชนในการจัดการศึกษาโรงเรียนบ้านโคกขมิ้น อำเภอพลับพลาชัย จังหวัดบุรีรัมย์ และเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมตามเพศ อายุ การศึกษา รายได้ และอาชีพ และศึกษาปัญหาและข้อเสนอแนะในการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยใช้การวิจัยแบบผสมผสาน กลุ่มตัวอย่าง คือ ประชาชนในพื้นที่บริการโรงเรียน จำนวน 269 คน ใช้แบบสอบถามและสัมภาษณ์ แบบสอบถามมีลักษณะแบ่งออกเป็น 2 ตอน คือ ข้อมูลทั่วไปมีลักษณะเป็นปลายปิด และคำถามเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของชุมชนในการจัดการศึกษาโรงเรียนบ้านโคกขมิ้น เป็นแบบมาตรส่วนประมาณค่า มีการตรวจสอบคุณภาพมีค่าความเชื่อมั่น 0.924 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว ผลการวิจัยพบว่า ระดับการมีส่วนร่วมของชุมชนโดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก แสดงถึงความตระหนักและการสนับสนุนที่ดีต่อการจัดการศึกษา การสัมภาษณ์ชี้ให้เห็นข้อจำกัดสำคัญ ได้แก่ เวลา ภาระงาน และความเข้าใจของชุมชน การมีส่วนร่วมของนักเรียนและชุมชนเชิงนโยบายและการประเมินผล โรงเรียนจึงควรปรับรูปแบบและเวลาจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับวิถีชุมชน โดยใช้การสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น Line และ Facebook หากสามารถเสริมสร้างการมีส่วนร่วมได้ จะช่วยให้โรงเรียนมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาท้องถิ่นมากขึ้น
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารทดสอบระบบ ThaiJo2 ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารทดสอบระบบ ThaiJo2 ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารทดสอบระบบ ThaiJo2 หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรจากวารสารทดสอบระบบ ThaiJo2 ก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
ดลนภา ฐิตะวรรณ, และปิยะนาถ บุญมีพิพิธ. (2563). การบริหารแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพงานวิชาการของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรี เขต 3. วารสารวิชาการ สถาบันเทคโนโลยีแห่งสุวรรณภูมิปีที่, 6(2), 477-458.
ทอฝัน บุญเพ็ง. (2557). การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการบริหารจัดการศึกษาของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตจังหวัดยโสธร [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ไม่ได้พิมพ์]. มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี.
ธันย์ สุภาแสน. (2563). การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการจัดการกิจกรรมพัฒนาการเด็กปฐมวัยโรงเรียนอนุบาลเอกชน จังหวัดเชียงใหม่ [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ไม่ได้พิมพ์]. มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์.
นารียา ศรีพันธุ์. (2564). การศึกษาการมีส่วนร่วมในการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาตามทัศนะของครูสหวิทยาเขตหล่มสัก สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเพชรบูรณ์ [การค้นคว้าอิสระปริญญามหาบัณฑิต ไม่ได้พิมพ์]. มหาวิทยาลัยนเรศวร.
ประไพพร สืบเทพ. (2561). การบริหารแบบมีส่วนร่วมของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 2 [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ไม่ได้พิมพ์]. มหาวิทยาลัยราชภัฏนครินทร์.
พีรพงศ์ ตันยาลักษณ์. (2566). การมีส่วนร่วมของคณะกรรมการสถานศึกษาต่อการบริหารโรงเรียนกลุ่มโรงเรียนดอนตูม สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐม เขต 1. วารสารศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี, 3(1), 269-277.
ฟิกรี แก้วนวล. (2560). การมีส่วนร่วมของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในการบริหารงาน โรงเรียนขยาย โอกาสทางการศึกษา สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาใน จังหวัดปัตตานี [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ไม่ได้พิมพ์]. บริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.
มนัญญา ปัดถาวงษ์. (2562). การศึกษาบทบาทการมีส่วนร่วมของชุมชนในการบริหารสถานศึกษา ขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปราจีนบุรี [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ไม่ได้พิมพ์]. คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี.
ฤทัยรัตน์ ปัญญาสิม, และดวงใจ ชนะสิทธิ์. (2560). การบริหารงานแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการบริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 9. วารสารศิลปากรศึกษาศาสตร์, 9(1), 299-131.
วลยา ไตรญาณ. (2564). การมีส่วนร่วมในการบริหารงานวิชาการของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลพบุรี เขต 2 [การค้นคว้าอิสระปริญญามหาบัณฑิต ไม่ได้พิมพ์]. มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี.
สมบัติ นามบุรี. (2562). ทฤษฎีการมีส่วนร่วมในงานรัฐประศาสนศาสตร์. วารสารวิจัยวิชาการ, 2(1), 183-197