แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำแบบมีส่วนร่วมของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม
คำสำคัญ:
การพัฒนา, ภาวะผู้นำ, แบบมีส่วนร่วมบทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ของการวิจัยนี้ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ของภาวะผู้นำแบบมีส่วนร่วมของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม 2)เพื่อเสนอแนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำแบบมีส่วนร่วมของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม กลุ่มตัวอย่างจำนวน 234 คน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างจากการเปิดตารางสำเร็จรูปของโคเฮน Cohen (1979) ใช้การกำหนดกลุ่มตัวอย่างตามสัดส่วนของขนาดโรงเรียน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ย (), ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD), ค่าดัชนีความต้องการจำเป็น PNIModified ระยะที่ 1 ผลการวิจัยพบว่า 1)สภาพปัจจุบันภาพรวมอยู่ในระดับมาก 2)สภาพที่พึงประสงค์ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด 3)ค่าดัชนีความต้องการจำเป็นสูงที่สุด คือ ด้านการมีส่วนร่วมในการรับผลประโยชน์ ระยะที่ 2 การสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 7 คน โดยคัดเลือกแบบเจาะจง ผู้อำนวยการสถานศึกษา 3 คน รองผู้อำนวยการสถานศึกษา 2 คน ครูที่มีคุณวุฒิทางการบริหารการศึกษา 2 คน พบว่า 1) สาเหตุที่ทำให้เกิดความต้องการจำเป็น คือ ผู้บริหารขาดการชื่นชม ยกย่องเชิดชูเกียรติ ให้กำลังใจในการสร้างแรงจูงใจของบุคลากรในสถานศึกษา เมื่อผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติงานได้ดี พิจารณาความดีความชอบโดยยึดผู้บริหารเป็นหลัก 2) แนวทางในการพัฒนา คือ ผู้บริหารควรมีการส่งเสริมสนับสนุน ให้บุคลากรจัดทำผลงาน ประกวดหรือประเมินตามความเหมาะสม ชื่นชม ยกย่องเชิดชู ให้กำลังใจ ให้คำปรึกษา หาแนวทางการแก้ปัญหาเพื่อพัฒนาสถานศึกษาให้บรรลุเป้าหมาย
เอกสารอ้างอิง
กิตติยา สุขเกษม. (2564).แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำแบบมีส่วนร่วมตามหลักพรหมวิหารธรรมของผู้บริหารสถานศึกษา ในกลุ่มโรงเรียนจตุรมิตร อำเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษานครสวรรค์เขต 2 [วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต ].
กิตติพงค์ ทาปง.(2563)ภาวะผู้นำแบบมีส่วนร่วมของผู้บริหารที่ส่งผลต่อความผูกพันต่อองค์การของครูในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 8 [วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต].
บุญชม ศรีสะอาด. (2560). การวิจัยเบื้องต้น. กรุงเทพมหานคร: สุวีริยาสาสน์.
เมตต์ เมตต์การุณ์จิต. (2553). การบริหารจัดการศึกษาแบบมีส่วนร่วม : ประชาชน องค์กรการปกครองส่วนท้องถิ่น และราชการ. นนทบุรี: บุ๊คพอยท์.
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 .(2542, 14 สิงหาคม). แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 มาตรา 9 วรรค 6
วรชัย วิภูอุปรโคตร.(2562). ภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่ส่งผลต่อการบริหารโรงเรียนเชิงสร้างสรรค์. วารสารบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น. 15(2).83
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2563). การมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา. (หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ สกศ. ลำดับที่ 10/2563), หน้า 1
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม. (2567). แผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ 2567 สพป.สมุทรสงคราม.
อุไร สุทธิแย้ม. (2556). การพัฒนาหลักสูตรอาชีวศึกษา.สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
Cohen, E. (1979). “ A Phenomenology of Tourist Experience,” Sociology. 13(2) : 179-201
Hoy & Miskel. (2001). Educational administration : Theory, research and practice(6 th ed.). New York : Mc Graw – Hill.
Kadiri Solomon Akpoviroro.(2018). Research Method in Education (7th ed.). New York: Morrison.
Steers, R.M. (1977). “Antecedents and Outcomes of Organizational Commitment.”Administrative Science Quarterly, p.46.
Tekeste Teclu .(1995). Participativ ticipative leadership:A study of faculty and administrators in a Lutheran liberal arts college. University of Northern Iowa.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิจัยมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
วารสาร TCI อยู่ภายใต้การอนุญาต Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0) เว้นแต่จะรุบุไว้เป็นอย่างอื่นโปรดอ่านหน้านโยบายของเราสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเช้าถึงแบบเปิด ลิขสิทธิ์ และการอนุญาต