การปรับตัวการใช้พลังงานระบบทำความเย็นของอาคารธุรกิจขนาดใหญ่ตามนโยบายภาครัฐ

Main Article Content

เชิดชัย บุญแดนไพร

บทคัดย่อ

                ดุษฎีนิพนธ์เรื่องการปรับตัวการใช้พลังงานระบบทำความเย็นของอาคารธุรกิจขนาดใหญ่ตามนโยบายภาครัฐมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาปัญหาของอาคารธุรกิจขนาดใหญ่ในการใช้พลังงานระบบทำความเย็นตามนโยบายภาครัฐ และ 2) ศึกษาการปรับตัวการใช้พลังงานของภาคธุรกิจที่ต้องใช้ระบบทำความเย็นตามนโยบายภาครัฐ เลือกใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยเน้นทฤษฎีเชิงพื้นที่ เพราะเป็นวิธีที่เหมาะสมและเข้าถึงข้อเท็จจริงได้ดีที่สุดผู้ให้ข้อมูลสำคัญประกอบด้วย 1) ผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้พลังงาน 2) กลุ่มอาคารธุรกิจขนาดใหญ่ที่ใช้ระบบชิลเล่อร์ รวมทั้งสิ้น 9 ราย ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ใช้เครื่องทำความเย็นระบบชิลเลอร์โดยตรง
                 ผลการศึกษาพบว่า 1. ปัญหาของอาคารธุรกิจขนาดใหญ่ในการใช้พลังงานระบบทำความเย็นตามนโยบายภาครัฐประกอบด้วย 5 ปัจจัย ได้แก่ (1) การขาดแคลนบุคลากรที่มีคุณภาพและความรู้ (2) รัฐขาดการติดตามผล โดยให้ความสำคัญรายงานเอกสารมากกว่าการตรวจสอบคุณภาพหน้างานอย่างจริงจัง (3) นโยบายรัฐไม่ยืดหยุ่นต่อราคาเครื่องจักรที่เกี่ยวข้องกับพลังงานให้มีราคาต่ำ (4) ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบพลังงานขาดการให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการเพียงพอ เพื่อกำหนดเป็นนโยบายการประหยัดพลังงานขององค์การ และ (5) รัฐไม่บังคับใช้กฎหมายด้านพลังงานอย่างจริงจัง
                 2. การปรับตัวการใช้พลังงานของภาคธุรกิจที่ต้องใช้ระบบทำความเย็นตามนโยบายภาครัฐประกอบด้วย 4 ปัจจัย ได้แก่ (1) มีการวางแผนและควบคุมพร้อมสร้างความร่วมมือให้บุคลากรในองค์กรใช้พลังงานอย่างประหยัด (2) มีการตรวจสอบดูแลบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอและเลือกใช้อุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด (3) ติดตั้งพลังงานทางเลือก และ (4) พัฒนาบุคลากรที่รับผิดชอบด้านพลังงานให้มีคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ


* นักศึกษาหลักสูตรปริญญารัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี. 10170.
ดุษฎีนิพนธ์ภายใต้การดูแลของผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เฉียบ ไทยยิ่ง
Corresponding author: Nuchjarin_25@hotmail.com

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
บุญแดนไพร เ. . (2020). การปรับตัวการใช้พลังงานระบบทำความเย็นของอาคารธุรกิจขนาดใหญ่ตามนโยบายภาครัฐ . วารสารวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครปฐม, 7(1), 238–247. https://doi.org/10.14456/jmsnpru.2020.18
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน.(2560). อัตราการใช้พลังงาน.[ออนไลน์]. ค้นเมื่อ 7 กรกฎาคม 2560 จาก http://www.worldbank.org/th/news/press-release/2016/04/05/thailand-joins-world-bank-climate-change-alliance
พิเชษฐ์ ผดุงสุวรรณ์. (2551). สมรรถนะชุมชนในการดำเนินการตามแผนพลังงานชุมชน : กรณีศึกษาองค์การบริหารส่วนตำบลทับปริก อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่. วิทยานิพนธ์สาขาการปกครองส่วนท้องถิ่น. คณะวิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น.มหาวิทยาลัยขอนแก่น
มยุรี อนุมานราชธน. (2547). นโยบายสาธารณะแนวคิดกระบวนการและการวิเคราะห์. เชียงใหม่: คะนึงนิจการพิมพ์.
วิเชียร วิทยอุดม. (2550). การพัฒนาองค์การ. กรุงเทพมหานคร : บริษัท ธนวัชการพิมพ์ จำกัด.
ศราพร ไกรยะปักษ์. (2553). รูปแบบที่เหมาะสมในการจัดการพลังงานชุมชน. วิทยานิพนธ์ ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต. สาขา การจัดการสิ่งแวดล้อม. คณะพัฒนาสังคมและ สิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.
สมบัติ ธำรงธัญวงศ์. (2549). นโยบายสาธารณะ: แนวความคิด การวิเคราะห์และกระบวนการ. (พิมพ์ครั้งที่ 12). กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์เสมาธรรม.
สุทธิชัย สุขสีเสน. (2550).การมีส่วนร่วมของประชาชนในโครงการวางแผนพลังงานชุมชน จังหวัดสงขลา. วิทยานิพนธ์ปริญญารัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต แขนงวิชา บริหารธุรกิจ สาขาวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
อุทัย เลาหวิเชียร.(2543). รัฐประศาสนศาสตร์: ลักษณะวิชาและมิติต่าง ๆ. (พิมพ์ครั้งที่ 21). กรุงเทพมหานคร. สำนักพิมพ์เสมาธรรม.
Denis, G. St. and Parker, P. (2009). Community energy planning in Canada: The role of renewable energy. Renewable and Sustainable Energy Reviews. 13(8): 2,0882,095.
Maria, E. and Tsoutsos, T. (2004). The sustainable management of renewable energy sources installations: legal aspects of their environmental impact in small Greek islands. Energy Conservation and Management. 45: 631-638.