ทฤษฎีการฝังตรึงในงาน : การทบทวนวรรณกรรม
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
ในสภาพแวดล้อมของการทำงานในปัจจุบันที่การลาออกจากงานเกิดขึ้นได้บ่อยครั้งและง่ายดาย ทฤษฎีการฝังตรึงในงาน จึงเป็นทฤษฎีหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมในการศึกษาเกี่ยวกับการรักษาไว้ซึ่งพนักงาน จากการทบทวนวรรณกรรมพบว่า ทฤษฎีการฝังตรึงในงานสามารถทำนายการลาออกของพนักงานได้ดีกว่าทฤษฎีดั้งเดิม เช่น ความพึงพอใจในงานและความผูกพันต่อองค์การ โดยทฤษฎีการฝังตรึงในงานนั้น เปลี่ยนมุมมองในการมองการลาออกของพนักงานจากการมุ่งหาสาเหตุที่ส่งผลให้พนักงานลาออก ไปเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้พนักงานยังคงอยู่กับองค์การ และมุ่งเน้นหาปัจจัยที่รั้งไม่ให้พนักงานลาออกจากงานปัจจุบัน โดยวิเคราะห์จาก 3 ปัจจัย ได้แก่ ความลงตัว ความเชื่อมโยง และสิ่งที่ต้องเสียสละ อย่างไรก็ตามการทบทวนวรรณกรรมทฤษฎีการฝังตรึงในงานและบทความงานวิจัยฉบับภาษาไทยยังมีปริมาณน้อย บทความนี้จึงเขียนขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับทฤษฎีพื้นฐานของการฝังตรึงในงาน กำหนดชื่อทฤษฎีและตัวแปรเพื่อความสอดคล้องในการใช้งาน และมุ่งหวังให้ผู้อ่านสามารถนำความรู้ไปสู่การต่อยอดในการพัฒนางานวิจัยใหม่ๆ ตลอดจนสามารถนำไปใช้อ้างอิงต่อได้ในอนาคต
* อาจารย์ ดร. ประจำภาควิชาการบริหารทั่วไป คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรามคำแหง 10240
** อาจารย์ ประจำภาควิชาการบริหารทั่วไป คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรามคำแหง 10240
*** นักวิชาการอิสระ
**** อาจารย์ประจำหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาการจัดการฟุตบอลอาชีพ วิทยาลัยนวัตกรรมการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
Corresponding author : kevalinsetthakorn@gmail.com
Article Details
ทัศนะและข้อคิดเห็นของบทความที่ปรากฏในวารสารฉบับนี้เป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน ไม่ถือว่าเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ
เอกสารอ้างอิง
ณัฐาพร จริยะปัญญา (2556). การวิเคราะห์โครงสร้างความสัมพันธ์ระหว่างการถ่ายทอดทางสังในองค์การ การฝังตรึงในงาน และความอยู่ดีมีสุขของพนักงานธนาคาร. การค้นคว้าอิสระคณะพัฒนาทรัพยากรมนุษย์. สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.
ระวี อรรถวิลัย (2555). การรักษาบุคลากรทางการศึกษา สังกัดองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น. วิทยานิพนธ์ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย.มหาวิทยาลัยศิลปากร.
สำนักงานราชบัณฑิตยสถา. พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554. [ออนไลน์].ค้นเมื่อ 13 มกราคม 2561. จาก https://www.royin.go.th/dictionary/.
สำนักงานราชบัณฑิตยสถา. ศัพท์บัญญัติราชบัณฑิตยสถาน ศัพท์แพทยศาสตร์ พ.ศ. 2544. [ออนไลน์].ค้นเมื่อ 13 มกราคม 2561. จาก https://rirs3.royin.go.th/coinages/webcoinage.php.
วิริยา แก้วสง่า (2553). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการคงการทำงานของแพทย์ในโรงพยาบาลชุมชนสังกัดกระทรวงสาธารณสุข จังหวัดเชียงใหม่. การค้นคว้าแบบอิสระบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
สลักจิต ตันติบุญทวีวัฒน์ และคัคนางค์ มณีศรี. (2556). อิทธิพลของความเป็นส่วนหนึ่งในงาน ความพีงพอใจในงานและความผูกพันกับองค์การต่อความตั้งใจลาออก. วารสารวิชาการ Veridian E-Journal . 6 (3) : 699-717.
อรยา วิศวไพศาล และเขมกร ไชยประสิทธิ์. (2558). ความฝังตรึงในงานของพนักงานฝ่ายวิจัยทางคลินิกในประเทศไทยขององค์การรับทำวิจัยตามสัญญา. วารสารบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.1 (4) : 463-479.
Crossley, C., Bennett, R., Jex, S.M., & Burnfield, J. (2007). Development of a global measure of job embeddedness and integration into a traditional model of voluntary turnover. Journal of Applied Psychology, 92 (4), 1031-1042.
Darrat, M.A., Burton, D.A., & Bennett, R.J. (2017). Examining the impact of job embeddedness on salesperson deviance: The moderating role of job satisfaction. Industrial Marketing Management, 22(63), 158-166.
Herzberg, F. (1996). Work and the nature of man. Cleveland: World Publishing.
Holtom, B.C., & Inderrieden, E.J. (2006). Integrating the unfolding model and job embeddedness model to better understand voluntary turnover. Journal of Managerial Issues, 18(4), 435-452.
Holtom, B.C., Mitchell, T.R., & Lee, T.W. (2006). Increasing human and social capital by applying job embeddedness theory. Organizational Dynamics, 35 (4), 316-331.
Holtom, B.C., Mitchell, T.R., Lee, T.W., & Eberly, M.B. (2008). Turnover and retention research: A glance at the past, a closer review of the present, and a venture into the future. Academy of Management Annals, 2 (1), 231-274.
Holtom, B.C., & O’Neill, B.S. (2004). Job embeddedness: A theoretical foundation for developing a comprehensive nurse retention plan. Journal of Nursing Administration, 34(5), 216-227.
Jiang, K., Liu, D., McKay, P.F., Lee, T.W., & Mitchell, T.R. (2012). When and how is job embeddedness predictive of turnover? A meta-analysis investigation. Journal of Applied Psychology. 97(5), 1077-1096
Jones, C.B. (2004). The costs of nurse turnover: Part 1: An economic perspective. Journal of Nursing Administration, 34(12), 562-570.
Lawrence, T.B., & Robinson, S.L. (2007). Ain’t misbehaving: Workplace deviance as organizational resistance. Journal of Management, 33(3), 378-394.
Lee, T.W., Burch, T.C., & Mitchell, T.R. (2014). The story of why we stay: A review of job embeddedness. The annual review of organizational psychology and organizational behavior, 1, 199-216
Lee, T.W., Mitchell, T.R., Sablynski, C.J., Burton, J.P., & Holtom, B.C. (2004). The effects of job embeddedness on organizational citizenship, job performance, volitional absences, and voluntary turnover. Academy of Management Journal, 47(5), 711-722.
Lewin, K. (1951). Field theory in social science. New York: Harper and Row.
Mitchell, T.R., Holtom, B.C., Lee, T.W., Sablynski, C.J., & Erez, M. (2001). Why people stay: Using job embeddedness to predict voluntary turnover. Academy of Management Journal, 44(6), 1102-1121.
Mitchell, T.R., & Lee, T.W. (2001). The unfolding model of voluntary turnover and job embeddedness : Foundations for a comprehensive theory of attachment. Research in Organizational Behavior, 23, 189-246.
Monday, R.T., Porter, L.M., & Steer, R.M. (1982). Employee-organization linkages: The psychology of commitment, absenteeism and turnover. New York: Academic Press.
Ramesh, A., & Gelfand, M.J. (2010). Will they stay or will they go? The role of job embeddedness in predicting turnover in individualistic and collectivistic cultures. Journal of Applied Psychology, 95(5), 807-823.
Reitz, O.E., & Anderson, M.A. (2011). An overview of job embeddedness. Journal of professional nursing, 27(5), 320-327.
Thau, S., Crossley, C., Bennett, R.J., & Sczesny, S. (2007). The relationship between trust, attachment, and antisocial work behaviors. Human Relations, 60(8), 1155-1179.
