การพัฒนาตนเองของพนักงานสายสนับสนุนวิชาการ มหาวิทยาลัยศิลปากร.
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) เพื่อศึกษาระดับการพัฒนาตนเองของพนักงานสายสนับสนุนวิชาการ มหาวิทยาลัยศิลปากร 2) เพื่อเปรียบเทียบระดับการพัฒนาตนเองของพนักงานสายสนับสนุนวิชาการ มหาวิทยาลัยศิลปากร จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล 3) เพื่อศึกษาแนวทาง การพัฒนาตนเองของพนักงานสายสนับสนุนวิชาการ มหาวิทยาลัยศิลปากร กลุ่มตัวอย่างได้แก่ พนักงานสายสนับสนุนวิชาการ มหาวิทยาลัยศิลปากร จำนวน 518 คน ได้มาโดยการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น และผู้ให้สัมภาษณ์ 5 คน ได้มาด้วยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์สร้างโดยผู้วิจัย สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบที การวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว และการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า
1. การพัฒนาตนเองของพนักงานสายสนับสนุนวิชาการ มหาวิทยาลัยศิลปากรส่วนใหญ่ต้องการให้หน่วยงานส่งเสริมการศึกษาต่อเพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำงาน ฝึกอบรม สัมมนา ศึกษาดูงาน คือส่งเสริมให้บุคลากรมีโอกาสพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง การเรียนรู้ด้วยตัวเอง คือ ฝึกฝนตนเองให้ทันต่อเหตุการณ์อยู่เสมอ การพัฒนาบุคลิกภาพ คือ ไม่ดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ และเสพติดสิ่งของมึนเมา และการเข้าสู่ตำแหน่ง คือ ต้องการให้หน่วยงานส่งเสริมให้บุคลากรได้มีโอกาสก้าวหน้า โดยการส่งเสริมให้มีการศึกษาต่อ หรือส่งไปฝึกอบรมต่างๆ อยู่เสมอ
2. พนักงานสายสนับสนุนวิชาการ ที่มีเพศ สถานภาพ ระดับการศึกษา รายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่างกัน มีความคิดเห็นต่อการพัฒนาตนเองในภาพรวมไม่แตกต่างกัน ส่วน อายุ คณะ/หน่วยงาน ตำแหน่งงานที่ปฏิบัติ ระยะเวลาการปฏิบัติงาน ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อการพัฒนาตนเอง ในภาพรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. การส่งเสริมการพัฒนาตนเองของพนักงานสายสนับสนุนวิชาการ ควรส่งเสริมทุนการศึกษาที่มาก ขึ้น เพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงในต่างประเทศ ส่งเสริมในด้านการศึกษาในสาขาที่บุคลากรสนใจ และอยากที่จะไปศึกษาในต่างประเทศ เพิ่มแรงจูงใจเมื่อสำเร็จการศึกษา เน้นการฝึกอบรมในหัวข้อที่บุคลากรส่วนใหญ่ให้ความสนใจ มีกิจกรรมที่เป็นสันทนาการควบคู่ไปกับการอบรมเพื่อลดความเบื่อหน่ายในการอบรม จัดหาหนังสือใหม่ๆ เข้าห้องสมุดอยู่ตลอดเวลา วางแผนการจัดกิจกรรมเพื่อเน้นให้บุคลากรชื่นชอบในการเข้าห้องสมุด มีการเชิญชวนฝึกสมาธิก่อนการทำงาน เพื่อเป็นการฝึกสมาธิก่อนการทำงาน จัดประชุมเพื่อชี้แจงให้บุคลากรเกิดความเข้าใจในโอกาสที่จะเอื้อต่อการขอตำแหน่งของบุคลากร
* วิทยานิพนธ์หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาการจัดการทั่วไป คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ภายใต้การควบคุมของผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุวัฒน์ ฉิมะสังคนันท์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จิตติรัตน์ แสงเลิศอุทัย
Corresponding author : sakura_jaao@hotmail.com
Article Details
ทัศนะและข้อคิดเห็นของบทความที่ปรากฏในวารสารฉบับนี้เป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน ไม่ถือว่าเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ
เอกสารอ้างอิง
ณัฐพงศ์ บัวจันทร์. (2546). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความก้าวหน้าในอาชีพข้าราชการทหารของนายทหารประทวน : กรณีศึกษาของกองพันที่ 1,2 และ 3 สังกัดกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (รัฐศาสตร์) มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์.
ประพนธ์ ยิ้มสกุลกาญจน์. (2544). การศึกษาความต้องการในการพัฒนาครูประถมในโรงเรียนอนุบาล จังหวัดชลบุรี. ปัญหาพิเศษรัฐประศาสนศาสตร์ มหาบัณฑิต. สาขานโยบายสาธารณะบัณฑิตวิทยาลัย. มหาวิทยาลัยบูรพา.
พัชรินทร์ ราชคมน์. (2554). ความต้องการพัฒนาตนเองของบุคลากรสายสนับสนุนวิชาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. ปัญหาพิเศษบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต. สาขาวิชาบริหารธุรกิจ. บัณฑิตวิทยาลัย. มหาวิทยาลัยแม่โจ้.
อมรรัตน์ ปักโคทานัง. (2548: 4). ศึกษาความต้องการพัฒนาตนเองของบุคลากรสายสนับสนุนวิชาการมหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์, บัณฑิตวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
Best, J. W. (2013). Research in education (4th ed.). Englewood Cliffs : Prentice-Hall.
Carl Gustav Jung.(1875-1961) Analytical Psychology. Switzerland Carl Jung. P. 26-28.
Cronbach, L. J. (1970). Essentials of psychological testing (5th ed.). New York : Harper Collins.
Maslow, Abraham H. (1970). Motivation and Personality.2nd ed. New York : Harper and Row Publishers.