ทรัพยากรในการบริหารที่มีผลต่อประสิทธิภาพการดำเนินงานธุรกิจชุมชน อำเภอเมือง กาญจนบุรี
Main Article Content
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ในการวิจัยเพื่อ ศึกษาระดับทรัพยากรในการบริหารและประสิทธิภาพการดำเนินงานธุรกิจชุมชน ศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลที่มีผลต่อประสิทธิภาพการดำเนินงานธุรกิจชุมชนและเพื่อศึกษาทรัพยากรการบริหารที่มีผลต่อประสิทธิภาพการดำเนินงานธุรกิจชุมชน อำเภอเมือง กาญจนบุรี ตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ สมาชิกกลุ่มธุรกิจชุมชน อำเภอเมือง กาญจนบุรี จำนวน 315 คน ด้วยการสุ่มตัวอย่างแบบโควต้า วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์การถดถอย
เชิงพหุ
ผลการวิจัยพบว่า 1) ระดับทรัพยากรในการบริหารธุรกิจชุมชนอำเภอเมือง กาญจนบุรี ในภาพรวมมีค่าเฉลี่ยในภาพรวมอยู่ในระดับมาก และในส่วนของประสิทธิภาพการดำเนินงานกลุ่มธุรกิจชุมชน อำเภอเมือง กาญจนบุรี ภาพรวมในระดับมาก 2) ปัจจัยส่วนบุคคลมีผลต่อประสิทธิภาพในการบริหารงานธุรกิจชุมชนอำเภอเมือง กาญจนบุรี ประกอบด้วย เพศ อายุ ระดับการศึกษา สถานภาพและระดับรายได้มีผลต่อการพัฒนาประสิทธิภาพในการบริหารงานไม่ต่างกัน 3) ทรัพยากรการบริหาร 11 M ที่มีผลต่อประสิทธิภาพการดำเนินงานธุรกิจชุมชน อำเภอเมือง กาญจนบุรี ได้แก่ การบริหารทรัพยากรมนุษย์, การบริหารงบประมาณ, การบริหารงานทั่วไป, การบริหารวัสดุอุปกรณ์, การให้บริการประชาชน, การบริหารข้อมูล ข่าวสาร, วิธีการ ระเบียบ แบบแผน, การการไกล่เกลี่ยหรือการประนีประนอม, อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 สามารถเขียนเป็นสมการพยากรณ์ได้ ดังนี้
= 4.47 + 0.29X1* + 0.45X2* + 0.53X3* + 0.28X4*+ 0.36X6*+ 0.21X7* + 0.23X8*+ 0.22X10*
* คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎกาญจนบุรี กาญจนบุรี 71190
Corresponding author: Sanchai1969@yahoo.co.th
Article Details

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ทัศนะและข้อคิดเห็นของบทความที่ปรากฏในวารสารฉบับนี้เป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน ไม่ถือว่าเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ
References
กษมาพร พวงประยงค์. (2556). แนวทางการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนกลุ่มการแปรรูปและผลิตภัณฑ์ จังหวัดสมุทรสงคราม. วารสารศิลปากรศึกษาศาสตร์วิจัย, 5 (1). 108-120.
จารุณี อภิวัฒน์ไพศาล. (2554). ปัจจัยที่ใช้ในการพยากรณ์ประสิทธิผลการปฏิบัติงานของพนักงานบัญชีกลุ่มธุรกิจบริการในประเทศไทย. วารสารวิชาชีพบัญชี. 8 (21), 58–77.
นันทิยา หุตานุวัตร และณรงค์ หุตานุวัตร. (2556). การพัฒนาองค์กรชุมชน. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ : สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์กรมหาชน).
ประดับพร เจริญวงศ์. (2561). การจัดการธุรกิจชุมชนเพื่อการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์กรณีศึกษา หมู่ที่ 6 บ้านหินเกลี้ยง ตำบลท่าข้าม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา. การค้นคว้าอิสระ ภาควิชาบริหารธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ปาณวัฒน์ อุทัยเลิศ. (2551). การจัดการธุรกิจชุมชนของตลาดริมน้ำดอนหวาย ตําบลบางกระทึก อําเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม. วิทยานิพนธ์ปริญญา รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารทั่วไป, มหาวิทยาลัยบูรพา.
พิชญาณี กิติกุล. (2550). วิธีวิจัยทางธุรกิจ. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
มนต์รัก ธีรานุสรณ์. (2550). ปัจจัยที่มีผลต่อความสําเร็จของธุรกิจชุมชนอําเภอเมืองพะเยา จังหวัด พะเยา. วิทยานิพนธ์ปริญญา บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย.
ยุทธภูมิ จิตภักดี.(2554). เรื่องการนำนโยบายการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดไปปฏิบัติให้เกิดประสิทธิผล : กรณีศึกษาเรือนจำกลางคลองเปรม. วิทยานิพนธ์หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคําแหง.
วิรัช วิรัชนิภาวรรณ. (2552). การบริหารจัดการของหน่วยงานของรัฐ : การวิเคราะห์เปรียบเทียบตัวชี้วัด. กรุงเทพฯ: โฟร์เพซ.
วิรัช วิรัชนิภาวรรณ. (2555). การบริหารจัดการและการบริหารยุทธศาสตร์ของหน่วยงานของรัฐ. กรุงเทพฯ : โฟร์เพซ.
สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดกาญจนบุรี. (2562). เอกสารประกอบการอบรม. กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย.
สุภาพ สุทธิรักษ์. (2551). การพัฒนาธุรกิจชุมชนสู่ความเข้มแข็ง กรณีดอกไม้ประดิษฐ์จากใบยางพารา.
สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร. [ออนไลน์]. ค้นเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2564 จาก http://www.http://promrucsa-dba04.blogspot.com/2012/10/pdca.html
สาวดี รักษ์ศิริ. (2561). เทคนิคการประสานงาน. [ออนไลน์]. ค้นเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2564 จาก http://www.reomoe.go.th/index.php/, 2561.
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2560). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12. กรุงเทพฯ : สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
Donkwa,K. (2012). The Development of the Community’s Economy in the Northeast of Thailand”. Suranaree Journal of Science and Technology. 19 (3): 215-223.