อิทธิพลของภาษาจีนต่อระบบการรับรู้ด้านเวลาในผู้เรียนภาษาจีนชาวไทย : กรณีศึกษานักศึกษาหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต (ภาษาจีน) คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาว่า ผู้เรียนภาษาจีนชาวไทยซึ่งพูดภาษาไทยมาตรฐานมีระบบการรับรู้ด้านทิศทางของเวลาในแนวดิ่งหลังจากการเรียนภาษาจีนหรือไม่ และปัจจัยเรื่องระดับความสามารถทางภาษาจีน ระยะเวลาในการเรียนภาษาจีน และประสบการณ์การไปประเทศจีนส่งผลต่อการเกิดระบบการรับรู้ด้านทิศทางของเวลาในแนวดิ่งของผู้เรียนภาษาจีนชาวไทยหรือไม่ แม้ในภาษาไทยมาตรฐานมีคำบอกทิศทางในแนวดิ่งเช่น “ขึ้น” “ลง” (ราชบัณฑิตยสถาน, 2556) และมีผู้ศึกษาระบบมโนทัศน์ "เวลา" ของผู้พูดภาษาไทยถิ่นเหนือพบว่ามีอุปลักษณ์แสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของเวลาในแนวดิ่ง (ปิ่นอนงค์ อําปะละ, 2559) แต่ยังพบบทความวิจัยบางฉบับเชื่อว่าภาษาไทยมาตรฐานแม้มีคำบอกทิศทางในแนวดิ่ง แต่ยังไม่พบอุปลักษณ์แสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของเวลาในแนวดิ่งอย่างชัดเจน ต่างจากภาษาจีนที่พบอุปลักษณ์แสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของเวลาในแนวดิ่งเช่น “上 (shàng)” (บน), “下 (xià) ” (ล่าง) มักใช้สื่อว่าอดีตอยู่ด้านบน อนาคตอยู่ด้านล่าง และอุปลักษณ์แสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของเวลาในแนวขนาน เช่น “前 (qián)” (หน้า), “后 (hòu)” (หลัง) มักสื่อถึงอดีตอยู่ด้านหน้า อนาคตอยู่ด้านหลัง (โพธิกฤต (Potikit, 2023)) งานวิจัยชิ้นนี้จึงมุ่งเน้นศึกษาระบบการรับรู้ด้านทิศทางการเคลื่อนที่ของเวลาในผู้พูดภาษาไทยมาตรฐานชาวไทยหลังการเรียนภาษาจีนเป็นสำคัญ บทความเรื่องนี้ผู้วิจัยใช้เครื่องมือวิจัยคือแบบทดสอบความจำและแบบทดสอบการระบุตำแหน่งของเวลาเพื่อศึกษาอิทธิพลของภาษาจีนที่ส่งผลต่อระบบการรับรู้ด้านเวลาในกลุ่มผู้เรียนภาษาจีนชาวไทย ผลการวิจัยกรณีศึกษาของนักศึกษาระดับชั้นปีที่ 1-4 ในหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต (ภาษาจีน) คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พบว่า ผู้เรียนภาษาจีนชาวไทยมีการรับรู้ทิศทางของเวลาในแนวดิ่ง โดยปัจจัยเรื่องระดับความสามารถทางภาษาจีนส่งผลต่อการรับรู้ด้านทิศทางของเวลาในแนวดิ่งที่แตกต่างกันกับผู้เรียนภาษาจีนชาวไทยที่มีระดับความสามารถทางภาษาจีนที่ต่างกัน นอกจากนี้การถามด้วยภาษาจีนส่งผลให้ผู้เรียนภาษาจีนชาวไทยมีการรับรู้ทิศทางของเวลาในแนวดิ่งเด่นชัดมากกว่าการถามด้วยภาษาไทย ส่วนปัจจัยเรื่องระยะเวลาในการเรียนภาษาจีน และประสบการณ์การไปประเทศจีนกลับไม่ส่งผลกระทบถึง
ระดับการรับรู้ด้านทิศทางของเวลาในแนวดิ่งอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติในกลุ่มผู้เรียนนี้ ผลการวิจัยดังกล่าวยังช่วยให้เข้าใจถึงระบบการรับรู้ด้านเวลาของผู้เรียนภาษาจีนชาวไทยได้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งช่วยลดความผิดพลาดในการสื่อสาร นอกจากนี้ยังสามารถนำผลที่ได้ไปวางแผนการสอนสำหรับผู้เรียนภาษาจีนชาวไทยได้อีกด้วย
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
ฉัตรชนก จันทร์แย้ม และ อมรา ประสิทธิ์รัฐสินธุ์. (2561). ความสัมพันธ์ระหว่างระบบความหมายของกลุ่มคำกริยา “ตัด” กับระบบปริชานของผู้พูดภาษาไทยและผู้พูดภาษากะเหรี่ยงสะกอเหนือ: การทดสอบสมมติฐานภาษาสัมพัทธ์. วารสารบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์, 12(2), 26-34.
ชุติชล เอมดิษฐ. (2559). อิทธิพลของภาษาต่อความคิด: ความแตกต่างระหว่างภาษาไทยกับภาษาญี่ปุ่น. วารสารดำรงวิชาการ, 15(1), 222-241.
ชุติชล เอมดิษฐ. (2559). อิทธิพลของภาษาอังกฤษต่อระบบปริชานของผู้รู้สองภาษา: การทดสอบสมมติฐานภาษาสัมพัทธ์ในผู้พูดภาษาไทย. วารสารศรีปทุมปริทัศน์ ฉบับมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 16(2), 7-16.
ณัฏฐ์ชุดา ชูตระกูล. (2564). การปรับตัวทางด้านการสื่อสารข้ามวัฒนธรรมของชาวไทยที่อาศัยอยู่ในเมืองออกซ์ฟอร์ดประเทศอังกฤษ. วารสารนิเทศศาสตรปริทัศน์, 25(2), 62-76.
ทัศนีย์ เมฆถาวรวัฒนา. (2553). ความสัมพันธ์ระหว่างภาษา ปริชานและวัฒนธรรม. วารสารศิลปศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, 2(2), 151-171.
ปิ่นอนงค์ อำปะละ. (2559). ระบบมโนทัศน์ "เวลา" ของผูัพูดภาษาไทยถิ่นเหนือ. (ปริญญาดุษฎีบัณฑิต).
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, คณะศิลปศาสตร์, สาขาวิชาภาษาศาสตร์.
ปิยะพงศ์ มลิวัลย์. (2563). ปัจจัยที่มีผลต่อความสามารถในการใช้ภาษาจีนเพื่อการสื่อสารของนักศึกษา
ชั้นปีที่ 1 ในมหาวิทยาลัยภาคเหนือตอนบน. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี, 12(1), 33-56.
มัญชรี โชติรสฐิติ. (2556). การปรับตัวข้ามวัฒนธรรมของนักเรียนไทยในต่างประเทศ. [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต]. สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.
มิ่งมิตร ศรีประสิทธ์. (2562). คำบอกเวลาในภาษาไทยถิ่นกลาง. วรรวิทัศน์, 19(2), 104-141.
เมตตา วิวัฒนานุกูล (กฤตวิทย์). (2559). การสื่อสารระหว่างวัฒนธรรม (พิมพ์ครั้งที่2). สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ราชบัณฑิตยสถาน. (2556). พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 (พิมพ์ครั้งที่2). นานมีบุ๊คส์พับ
บลิเคชั่น.
Boroditsky, L. (2001). Does language shape thought? Mandarin and English speakers' conceptions of time. Cognitive Psychology, 43(1), 1-22.
Fuhrman, O., McCormick, K., Chen, E., Jiang, H., Shu, D., Shu, S., & Boroditsky, L. (2011). How Linguistic and Cultural Forces Shape Conceptions of Time: English and Mandarin Time in 3D. cognitive science, 35(7), 1305–1328.
Gu, Y., & Zhang, Z. (2012). The Horizontal and the Vertical Mental Timeline in Chinese Context [汉语背景下横纵轴上的心理时间线].
Acta Pharmacologica Sinica, 44(8), 1015-1024.
Kong, F., & You, X. (2012). The Influence of Forms of Stimulus on Space–time Compatibility Effects [时间词呈现形式对空间-时间相容性效应的影响]. Journal of Psychological Science, 35(6), 1328–1332.
Li, H. (2019). The Influence of First Language Experience, Pace of Life and Second
Language Experience on Metaphorical Perspectives of Time [一语经验、生活节奏和二语经验对时间隐喻视角的影响]. [Doctorial’s thesis, Xiamen University].
Lucy, J. A. (1992). Grammatical categories and cognition: A case study of the linguistic relativity hypothesis. Cambridge University Press.
Potikit, K. (2023). Time Metaphors in Thai: A Comparative Analysis with Chinese and English and Suggestions for Chinese Language Teaching. วารสารวิชาการภาษาและวัฒนธรรมจีน, 10(2), 313-330.
Radden, G. (2003). The Metaphor TIME AS SPACE across Languages. Darmstadt.
Thongniam, K., & Prasithrathsint, A. (2020). The Influence of Grammatical Gender on
Russian and Thai Speakers' Cognition. Manusya, Journal of Humanities, 23(1),
- 59.
Whorf, B. L. (1959). Language, Thought, and Reality: Selected Writings of Benjamin Lee Whorf (4th ed). Cambridge: the MIT press.
Xu, L., & Zhang, X. (2017). The Differences of Chinese-Thi Time Cognotion based on the Chinese-Thai Translation of “Shang(上, first half)/Xia(下, second half) + X time unit” [从汉语 “上/下+X时间单位” 的泰译看汉泰时间认知差异]. Journal of Guangxi University for Nationalities, 39(5), 169-175.
Yamane, Taro. (1967). Statistics: An Introductory Analysis. (2nd Edition). Harper and Row.