พฤติกรรมการบริหารสถานศึกษาเอกชนยุคพลิกผัน สังกัดสำนักงาน คณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน นนทบุรี
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาพฤติกรรมการบริหารสถานศึกษาเอกชนยุคพลิกผัน และ2) เปรียบเทียบพฤติกรรมการบริหารสถานศึกษาเอกชนยุคพลิกผัน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน นนทบุรี โดยการศึกษาแนวคิดทฤษฎีจากเอกสาร บทความและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีเนื้อหาครอบคลุมครอบคลุมตามตัวแปรที่ใช้ในการวิจัยแล้วมากำหนดคำถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ครูในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน นนทบุรี ปีการศึกษา 2567 จำนวน 363 คน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างตามตารางของ Krejcie and Morgan และใช้การสุ่มแบบแบ่งชั้น (Stratified Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามประมาณค่า 5 ระดับ
ผลการวิจัยพบว่า 1) พฤติกรรมการบริหารสถานศึกษาเอกชนยุคพลิกผัน ตามความเห็นของครูในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เรียงจากค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ การมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน รองลงมา คือ ทักษะการสร้างสรรค์นวัตกรรม การบริหารเชิงกลยุทธ์ การทำงานเป็นทีม การสื่อสาร และแรงจูงใจ 2) เปรียบเทียบพฤติกรรมการบริหารสถานศึกษาเอกชนยุคพลิกผัน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน นนทบุรี จำแนกตามระดับการศึกษาและประสบการณ์การทำงานที่ต่างกัน มีความคิดเห็นไม่แตกต่างกันทั้งภาพรวมและรายด้าน จำแนกตามขนาดของสถานศึกษา ในภาพรวมและรายด้าน มีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ยกเว้นด้านการบริหารเชิงกลยุทธ์และทักษะการสร้างสรรค์นวัตกรรม มีความคิดเห็นไม่แตกต่างกัน เมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยรายคู่ด้วยวิธี LSD พบว่า ครูที่มีสถานศึกษาขนาดกลางกับขนาดใหญ่ มีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ .05
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารบัณฑิตสาเกตปริทรรศน์ ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆบทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารบัณฑิตสาเกตปริทรรศน์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารบัณฑิตสาเกตปริทรรศน์ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรจากวารสารบัณฑิตสาเกตปริทรรศน์ ก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
ภาษาไทย
ฉัตรณรงค์ศักดิ์ สุธรรมดี และเสกสรร สนวา. (2560). พฤติกรรมผู้นำกับการสร้างความเปลี่ยนแปลงในองค์การ. วารสารสังคมศาสตร์นิติรัฐศาสตร์. มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด. 1(2), 19-20.
ณัฐธิดา ท่านทรัพย์ และ รุ่งชัชดาพร เวหะชาติ. (2562). การบริหารการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษา ตามความคิดเห็นของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสงขลา เขต 3. การประชุมวิชาการระดับชาติ “วลัยลักษณ์วิจัย” ครั้งที่ 11. มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช.
ธิติกานต์ ระเบียบ. (2560). พฤติกรรมการบริหารสถานศึกษาตามความคิดเห็นของครูในเขตอำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยบูรพา.
ลัดดาวัลย์ เพชรโรจน์ สุภมาศ อังศุโชติ และอัจฉรา ชำนิประศาสน์. (2562). สถิติสำหรับการวิจัยและเทคนิคการใช้ SPSS. ปรับปรุงครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: เจริญดีมั่นคงการพิมพ์.
สำนักงานข้าราชการพลเรือน. (2562). ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกผันต่อการบริหารราชการ. สำนักงาน ก.พ., 61.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2565). การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียนเอกชน: สภาพและแนวทางการสนับสนุน. บริษัท พริกหวานกราฟฟิค จำกัด.
สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนนทบุรี. (2567). รายงานข้อมูลสารสนเทศทางการศึกษาจังหวัดนนทบุรี ปีการศึกษา 2567. สืบค้นเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567. จากhttps://www.nbipeo.go.th/img/docs/information.
อดุลย์ อุบาล. (2566). พฤติกรรมการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการบริหารโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 1. วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย: ราชภัฏสกลนคร.
อนงค์ จำปาจร. (2561). พฤติกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา. วารสารรอยแก่นสารน์วิชาการ. 3(2), 47-61.
ภาษาอังกฤษ
Bass, B. M. & Riggio, R. E. (2006). Transformational leadership. Erlbaum.
Coghlan, D. (1993). A person-centred approach to dealing with resistance to change. Leadership & Organization Development Journal. 14(4), 10-14.
Duck, J. D. (1993). Managing change: the art of balancing. Harvard Business Review. 71(6), 109-118.
Hiatt, J. M. (2006). ADKAR: A model for change in business, government and our community. Prosci Research.
Kiel, B. (2014). Companies' demand for competencies to overcome disruptive change. In F. J. Kaiser & K. Wald (Eds.), Managing disruption and destabilisation (pp. 91-108). Springer Gabler.
Kotter, J. (2014). Accelerate change in your organization. Harvard Business Review.
RetrievedonJanuary,2568,fromhttps://www.google.com/search?q=https://kotterinc.com/8-steps-process-for-leading-change.
Krejcie, R.V. & D.W. Morgan. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement. 30(3), 607 – 610.
Pietersen, W. (2002). The Mark twain Dilemma: the theory and practice of change leadership. Journal of Business Strategy. 23(5), 32-37.
Tharpe, P. M. (2017). Authentic leadership behaviors contributing to job satisfaction of elementary school principals and elementary special education teachers (Doctoral dissertation. Brandman University). ProQuest Dissertations Publishing.