การศึกษาวิเคราะห์ความงามของหลวงปู่โชคชัยโนนขวาง จังหวัดร้อยเอ็ด ตามหลักสุนทรียศาสตร์

Main Article Content

พระชัยพร อภินนฺโท (อาวรุณ)
สงวน หล้าโพนทัน
พระมหาสากล สุภรเมธี

บทคัดย่อ

ทความวิจัยนี้วิจัยมีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาประวัติหลวงปู่โชคชัยโนนขวาง จังหวัดร้อยเอ็ด 2) เพื่อศึกษาความงามในทางสุนทรียศาสตร์ และ 3) เพื่อวิเคราะห์ความงาม หลวงปู่โชคชัยโนนขวาง จังหวัดร้อยเอ็ด ตามหลักสุนทรียศาสตร์ เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยศึกษาจากคัมภีร์พระพุทธศาสนา เอกสารทางวิชาการ และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เครื่องมือวิจัย ใช้การสัมภาษณ์จำนวน 40 คน แล้วนำเสนอผลการวิจัยด้วยวิธีการวิเคราะห์เชิงพรรณนา
ผลการวิจัยพบว่า:
หลวงปู่โชคชัยโนนขวางเป็นองค์พระพุทธรูปปางมารวิชัย มีขนาดหน้าตัก 40 นิ้ว มีอายุในสมัยสุโขทัยหรืออยุธยาตอนต้น นั่งประดิษฐ์อยู่บนแท่นในท่าขัดสมาธิ ด้วยพระกร(มือ)ด้านซ้ายวางหงายฝ่ามือไว้ที่หน้าตัก พระกร(มือ)ด้านขวาวางคว่ำฝ่ามือไว้บนพระชานุ(เข่า) พระกรรณยาน(หู) พระเกศมีเปลวแหลม เรียกว่า “หลวงปู่โนนบ้านเก่า” และ “หลวงปู่โนนขวาง” ต่อมาเรียกว่า “หลวงปู่โชคชัยโนนขวาง” เพราะประชาชนมาขอพรได้ผลตามความปรารถนาเป็นส่วนมาก เช่น สิ่งของสูญหาย ขอบุตรชาย เป็นต้น ซึ่งจัดเป็นพุทธคุณหลวงปู่โชคชัยโนนขวาง สุนทรียศาสตร์ (ความงามและสิ่งดีงาม) ในศิลปะและในธรรมชาติ เป็นศาสตร์ที่แสวงหาคำตอบของความงาม ประสบการณ์รับรู้ความงาม และตัดสินคุณค่าความงาม เพราะสรรพสิ่งมีภาวะความงามและมีรูปแบบความงามอยู่เสมอ พร้อมให้คุณค่าทางอารมณ์และความรู้สึกส่วนตัวของบุคคลหนึ่งๆ ตามหลักสุนทรียศาสตร์แล้วหลวงปู่โชคชัยโนนขวางมีความงามอยู่ 2 ส่วน คือ 1) ส่วนที่เป็นรูปธรรม ได้แก่ ความงามที่เกิดจากวัตถุ เนื่องด้วยหลวงปู่โชคชัยโนนขวางเป็นสิ่งที่สร้างจากก้อน ดินเหนียว มีรอยเผาไม่ค่อยสุกดี แต่ก็เป็นบ่อเกิดแห่งความรู้สึกถึงความงามทางศิลปะและทางธรรมชาติเมื่อได้พบเห็น และ 2) ส่วนที่เป็นนามธรรม ได้แก่ ความรู้สึกนึกคิด รับรู้ความงาม และคุณค่าความงามที่นำไปสู่ความเลื่อมใสศรัทธา ทั้งนี้ เพราะมนุษย์มีธรรมชาติความงามอยู่ภายในนั่นเอง

Article Details

How to Cite
อภินนฺโท พ., หล้าโพนทัน ส. . ., & สุภรเมธี พ. (2023). การศึกษาวิเคราะห์ความงามของหลวงปู่โชคชัยโนนขวาง จังหวัดร้อยเอ็ด ตามหลักสุนทรียศาสตร์. บัณฑิตสาเกตปริทรรศน์, 8(2), 94–103. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/saketreview/article/view/264345
บท
บทความวิจัย

References

ของณัฐชยา จิตภักดี และ พระครูภาวนาโพธิคุณ. (2563). การแสวงหาคำตอบศิลปะและความงาม : สุนทรียศาสตร์ตะวันตก. วารสารบัณฑิตศึกษามหาจุฬาขอนแก่น. 7(4), 58-67.

ไพบูลย์ เสียงก้อง. (2555). พระพุทธศาสนามรดกล้ำค่าของไทย. กรุทเทพมหานคร: เฟื่องฟ้าปริ้นติ้ง จำกัด.

ยุพารักษ์ ชนะบวรวัฒน์. (2560). การบนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชาวพุทธในสังคมไทย. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต. สาขาวิชาพุทธศาสนศึกษา คณะศิลปะศาสตร:์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

วิโรฒ ศรีสุโร. (2543). บันทึกอีสานผ่านเลนส์. กรุงเทพมหานคร : สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ.

สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ. (2508). ตํานานพระพุทธเจดีย์. กรุงเทพมหานคร: กรมศิลปากร.

สุชาติ เกษประสิทธิ์. (2546). สุนทรียศาสตร์กับความเป็นมนุษย์. วารสารมุมศิลปะ. 24(3), 30-43.

Kasetprasit S.. (2003). Aesthetics and humanity. Art Corner Journal. 24(3), 30-43.

Jitpakdee N. and Phrakhrubhavanabodhiguna. (2020). Answer seeking on the arts and aesthetics : western aesthetics. Journal of Graduate MCU KhonKaen Campus. 7(4), 58-67.

Siangkong P.. (2012). Buddhism, Thailand's precious heritage. Bangkok: Fueangfa Printing Company Limited. Somdet Krom Phraya Damrong Rajanubhab. (1965). Legend of the Buddha Chedi. Bangkok : Fine Arts Department.

Srisuro W.. (2000). Recording Isaan through the lens. Bangkok: Office of the National Culture Commission.

Chanabowornwat Y.. (2017). The Buddhists’ vows to the sacred in thai society. Master of Arts. Thesis in Buddhist Studies Faculty of Liberal Arts: Thammasat University.