พฤติกรรมทางการเมืองของประชาชนในการออกเสียงประชามติ ร่างรัฐธรรมนูญปี 2559 ในเขตอำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย

Main Article Content

พระนิทัศน์ วงศ์วังเพิ่ม

บทคัดย่อ

การวิจัยเรื่องนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) พฤติกรรมทางการเมืองของประชาชนในการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญปี 2559 2) เปรียบเทียบพฤติกรรมทางการเมืองของประชาชนในการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญปี 2559 และ 3) ข้อเสนอแนะต่อพฤติกรรมทางการเมืองของประชาชนในการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญปี 2559 ประชากรที่ใช้ในการวิจัย คือ ประชาชนในเขตอำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย จำนวน 111,480 คน กลุ่มตัวอย่างได้จากการจากสูตรทาโรยามาเน่ จำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ แบบสอบถาม ที่มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.913 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบการทดสอบค่าเอฟ ด้วยวิธีการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว ที่มีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05


          ผลการวิจัย พบว่า 1) พฤติกรรมทางการเมืองของประชาชนในการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญปี 2559 ในเขตอำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย อยู่ในระดับปานกลาง โดยรวมและรายด้าน เรียงลำดับด้านที่มีค่าเฉลี่ยจากสูงสุดไปหาต่ำสุด ได้แก่ ด้านการมีส่วนร่วมในการปฏิบัติ รองลงมา คือ ด้านการมีส่วนในการร่วมตัดสินใจ ด้านการมีส่วนร่วมในการวางแผน และด้านการมีส่วนร่วมในความคิด ตามลำดับ  2) เปรียบเทียบพฤติกรรมทางการเมืองของประชาชนในการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญปี 2559 ในเขตอำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย พบว่า ประชาชนที่มีอายุ ระดับการศึกษา รายได้ และอาชีพแตกต่างกันมีพฤติกรรมทางการเมืองในการออกเสียงประชามติแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 3) ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการพัฒนาพฤติกรรมทางการเมืองของประชาชนในการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ได้แก่ คณะกรรมการการเลือกตั้งควรดำเนินการจัดการลงมติร่างรัฐธรรมนูญด้วยความซื่อสัตย์สุจริต คิดเป็นร้อยละ 10.75 รองลงมาคือ คณะกรรมการการเลือกตั้งควรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงความสำคัญของการลงประชามติ คิดเป็นร้อยละ 8.75

Article Details

How to Cite
วงศ์วังเพิ่ม พ. . (2021). พฤติกรรมทางการเมืองของประชาชนในการออกเสียงประชามติ ร่างรัฐธรรมนูญปี 2559 ในเขตอำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย. บัณฑิตสาเกตปริทรรศน์, 5(2), 59–73. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/saketreview/article/view/248927
บท
บทความวิจัย

References

ชูศรี วงศ์รัตนะ. (2541). เทคนิคการใช้สถิติเพื่อการวิจัย. พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพมหานคร: เทพเนรมิตร.

ชัยวัฒน์ รัฐขจร. (2552). ความเข้าใจทางการเมืองและการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน ศึกษาเฉพาะกรณีประชาชน อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี. วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยบูรพา.

ชุติ ระบอบ และคณะ. (2552). ระเบียบวิธีวิจัย. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต.

ไชยพร ตัณฑ์จิตานนท์. (2556). การมีส่วนร่วมทางการเมืองท้องถิ่นในรูปแบบเทศบาล กรณีศึกษาเทศบาลเชียงใหม่. วิทยานิพนธ์รัฐศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒประสานมิตร.

นันทวัฒน์ บรมานันท์. (2555). พัฒนาการของการบังคับใช้กฎหมายเพื่อป้องกัน การทุจริต. วิทยานิพนธ์ รัฐศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

รัฐดิฐ อิสระเสนีย์. (2549). พฤติกรรมการเลือกตั้งและความพึงพอใจของประชาชน ในการปฏิบัติงานของนายกและสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม. วิทยานิพนธ์ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฎนครปฐม.

วิรัช เพียรชอบ. (2552). พฤติกรรมการใช้สิทธิทางการเมืองของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งควายกิน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง. วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฎรำไพพรรณี.

เอกชาติ แจ่มอ้น. (2557). พฤติกรรมการไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี

ศึกษากรณี อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี. รัฐศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยบูรพา.