การศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินธุรกิจสถานดูแลผู้สูงอายุ ในอำเภอบางละมุงและอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

ผู้แต่ง

  • ชุดา วิมุกตายน

บทคัดย่อ

การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษารูปแบบการบริการและการบริหารจัดการธุรกิจสถานดูแลผู้สูงอายุ 2) ศึกษาสภาพการณ์ตลาดและแนวโน้มการแข่งขัน 3) ศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลของกลุ่มเป้าหมาย ความต้องการ ทัศนคติ ที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการซื้อบริการสถานดูแลผู้สูงอายุในอำเภอบางละมุงและอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี  ทำการศึกษาข้อมูลด้วยวิธีสัมภาษณ์เชิงลึก และการสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม ผู้ให้ข้อมูลหลัก คือ ผู้ประกอบการสถานดูแลสูงอายุ จำนวน 8 แห่ง จำนวน 10 คน ผู้ใช้บริการและ/หรือญาติของผู้ใช้บริการ จำนวน 17 คน รวมทั้งสิ้น 27 คน

ผลการศึกษาพบว่า รูปแบบการบริการ และการบริหารจัดการธุรกิจสถานดูแลผู้สูงอายุ ของสถานดูแลผู้สูงอายุส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดกลางไม่มีสาขา ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เป็นพยาบาลวิชาชีพ มีการให้บริการพยาบาลตลอด 24 ชั่วโมงแก่ผู้สูงอายุทั่วไป ผู้ที่อยู่ในภาวะเปราะบางด้วยโรคเรื้อรัง ตลอดจนผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยระยะสุดท้าย อัตราส่วนบุคลากรผู้ให้บริการต่อจำนวนผู้ใช้บริการ อยู่ที่ 1:3 คน ผู้ใช้บริการในแต่ละแห่งมีจำนวนค่อนข้างคงที่ ระยะเวลาครองเตียงไม่แน่นอน เกณฑ์การพิจารณารับผู้ใช้บริการกรณีผู้สูงอายุทั่วไปที่ช่วยเหลือตัวเองได้หรือพอได้บ้างจะพิจารณารับทุกราย มีการกำหนดอัตราค่าบริการระหว่างผู้ใช้บริการชาวไทยและชาวต่างชาติต่างกัน โดยอัตราค่าบริการจะพิจารณาตามลักษณะอาการความเจ็บป่วยและบริการตามความต้องการของผู้สูงอายุแต่ละราย สถานดูแลผู้สูงอายุส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านในเขตชุมชน เดินทางสะดวก ใกล้โรงพยาบาล ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ใช้บ้านพักอาศัยของตนเองหรือเช่าบ้านพักอาศัยทั่วไปและทำการปรับภูมิลักษณะของบ้านพักให้มีรูปแบบที่เอื้อต่อการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุ อุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์พื้นฐาน เป็นสิ่งที่มีความสำคัญและจำเป็น บุคลากรผู้ให้บริการถือเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญมากที่สุดโดยเฉพาะตำแหน่งผู้ดูแล (Caregiver) องค์ประกอบหลักของการประกอบธุรกิจสถานดูแลผู้สูงอายุ คือ 1) สถานที่ตั้ง ที่ดิน การก่อสร้าง และการออกแบบตกแต่งภายใน 2) อุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์พื้นฐาน 3)  บุคลากรผู้ให้บริการ

สภาพการณ์ตลาดและแนวโน้มการแข่งขันของธุรกิจสถานดูแลผู้สูงอายุ ตลาดยังมีแนวโน้มเติบโตต่อไปได้อีกมาก ผู้ประกอบการบางส่วนมีความเห็นว่าการมีสถานดูแลผู้สูงอายุเปิดให้บริการเพิ่มมากขึ้นจะส่งผลดีในแง่ของการส่งต่อผู้ใช้บริการให้กันตามความต้องการของผู้ใช้บริการ ในส่วนของบริการทดแทน คือ 1) ธุรกิจโฮมแคร์ 2) การว่าจ้างผู้ดูแลอิสระมาดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน 3) ธุรกิจเดย์แคร์ และ 4) ธุรกิจโรงแรมสำหรับผู้ป่วยเรื้อรังและผู้พักฟื้นสุขภาพ สถานดูแลผู้สูงอายุส่วนใหญ่มีการร่วมมือเป็นเครือข่ายและพันธมิตรกัน อาทิ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียนบริบาล รถพยาบาลเอกชน สถานทูต และระหว่างสถานดูแลผู้สูงอายุด้วยกัน ปัญหา อุปสรรค และข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจสถานดูแลผู้สูงอายุ มี 6 ประการ คือ  1) ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรผู้ดูแล 2) ปัญหาด้านการเงินของผู้ใช้บริการและญาติ 3) ปัญหาด้านวัฒนธรรมและค่านิยมของสังคมไทย 4) ปัญหาด้านความเสี่ยงจากการถูกฟ้องร้อง 5) ปัญหาจากการที่ผู้ใช้บริการเสียชีวิต และ 6) ปัญหาด้านชุมชน ในส่วนของปัจจัยที่ส่งผลต่อความสําเร็จของธุรกิจสถานดูแลผู้สูงอายุ มี 9 ด้าน คือ 1) บริการและคุณภาพของบริการ 2) อัตราค่าบริการ 3) ทำเลที่ตั้ง 4) สภาพแวดล้อมทางกายภาพ 5) ทรัพยากรบุคคล 6) การจัดการเครือข่ายและพันธมิตร 7) การจัดการต้นทุน 8) การจัดการความเสี่ยงด้านรายรับ และ 9) การจัดการความเสี่ยงด้านการถูกฟ้องร้อง

ปัจจัยส่วนบุคคลของกลุ่มเป้าหมาย ความต้องการ ทัศนคติ ที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการซื้อบริการสถานดูแลผู้สูงอายุ ปัจจัยส่วนบุคคลของผู้สูงอายุที่มาอยู่สถานดูแลผู้สูงอายุ คือ การไม่สามารถดำรงชีวิตประจำวันได้ด้วยตนเองหรือช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง หรือต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง กลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก มี 3  กลุ่ม คือ กลุ่มลูกค้าเป้าหมายในเขตชุมชนเมือง กลุ่มลูกค้าเป้าหมายตามความสนใจเฉพาะตัว และกลุ่มลูกค้าเป้าหมายตามรายได้ ปัจจัยในการเลือกใช้บริการประกอบด้วย ปัจจัยทางวัฒนธรรมและค่านิยมของสังคมไทย ปัจจัยทางสังคมและความเชื่อมั่นในคุณภาพการบริการ และปัจจัยทางด้านวิถีชีวิตของผู้สูงอายุ

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2021-12-31

รูปแบบการอ้างอิง

วิมุกตายน ช. (2021). การศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินธุรกิจสถานดูแลผู้สูงอายุ ในอำเภอบางละมุงและอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี. วารสารการจัดการภาครัฐและภาคเอกชน, 28(2), 69. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/ppmjournal/article/view/255669

ฉบับ

ประเภทบทความ

Public and Private Management