การพัฒนาต้นแบบในการประเมินประสิทธิภาพของระบบบริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน กรณีศึกษา: จังหวัดนครราชสีมา
คำสำคัญ:
การแพทย์ฉุกเฉิน, การวิจัยดำเนินงาน, ต้นแบบการประเมินระบบการแพทย์ฉุกเฉินบทคัดย่อ
ระบบการแพทย์ฉุกเฉินมีบทบาทสำคัญในการดูแลรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินเบื้องต้นก่อนถึงโรงพยาบาล โดยทั่วไปแล้วประสิทธิภาพการให้บริการจะถูกประเมินจากระยะเวลาการตอบสนองการเข้าถึงจุดเกิดเหตุ อย่างไรก็ตามการประเมินความรวดเร็วในการเข้าถึงตัวผู้ป่วยเพียงประเด็นเดียวไม่สามารถสะท้อนถึงประสิทธิภาพในภาพรวม เนื่องจากยังมีปัจจัยอื่นที่กระทบต่อประสิทธิภาพโดยรวมของการบริการแพทย์ฉุกเฉินได้ เช่น ความครอบคลุมพื้นที่เหตุฉุกเฉิน ความพร้อมของจุดบริการ และการควบคุมความเสี่ยงในกระบวนการ ดังนั้น งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาต้นแบบการประเมินประสิทธิภาพของระบบการแพทย์ฉุกเฉินในองค์รวม โดยการประเมินศักยภาพในการดำเนินงาน 5 ด้าน คือ (1) ความครอบคลุมเหตุฉุกเฉิน (2) ความรวดเร็วในการเข้าถึง (3) ความพร้อมของจุดบริการ (4) ความปลอดภัยในการเข้าถึงของเจ้าหน้าที่ และ (5) ความสามารถในการจัดการความเสี่ยงภายในระบบ โดยใช้เครื่องมือด้านการวิจัยดำเนินงานและวิทยาการบริหารจัดการ (OR/MS) สำหรับใช้ประเมินขีดความสามารถอย่างเหมาะสม โดยใช้อำเภอเมืองนครราชสีมาเป็นพื้นที่ทำการศึกษา ซึ่งมีสถานีบริการทั้งหมด 13 แห่ง คือ หน่วยฉุกเฉินระดับการรักษาสูงสุด 7 แห่ง และหน่วยฉุกเฉินขั้นพื้นฐาน 6 แห่ง ผลการประเมินระบบการแพทย์ฉุกเฉินนครราชสีมาพบว่า มีประสิทธิภาพการดำเนินงานคือ (1) ความครอบคลุมเหตุฉุกเฉินร้อยละ 82.80 (2) ความรวดเร็วในการเข้าถึงร้อยละ 90.09 (3) ความพร้อมของจุดให้บริการที่ใกล้จุดเกิดเหตุที่สุดร้อยละ 78.29 (4) ความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ขณะให้บริการร้อยละ 77.1 และ (5) การจัดการความเสี่ยงภายในระบบร้อยละ 85.83 สรุปได้ว่าตำแหน่งของสถานีฉุกเฉินในปัจจุบันมีขีดความสามารถในด้านความครบพร้อมและความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ที่จำกัด ซึ่งแนวทางการแก้ปัญหาคือการเสริมสถานีฉุกเฉินที่มีตำแหน่งที่เหมาะสมเข้ามาในระบบ ทั้งนี้ ต้นแบบการประเมินประสิทธิภาพระบบการแพทย์ฉุกเฉินแบบองค์รวมนี้สามารถนำไปสู่การวิเคราะห์เพื่อกำหนดนโยบายในการยกระดับคุณภาพการให้บริการต่อไป
เอกสารอ้างอิง
2. De Maio VJ, Stiell IG, Welss GA, Spaite DW. Optimal defibrillation response intervals for maximum out-of-hospital cardiac arrest survival rates. Ann Emerg Med 2003; 42: 242–250.
3. Church R, ReVelle C. The Maximal Covering Location Problem. Papers of the Regional Science Association 1974; 32:101-118.
4. Kloeden CN, McLean AJ, Glonek G. Reanalysis of Travelling Speed and the Risk of Crash Involvement in Adelaide South Australia. Australian Transport Safety Bureau; 2002.
5. Jia H, Ordonez F, Dessouky M. A modeling framework for facility location of medical services for large-scale emergencies. IIE Transactions 2005; 39: 41-55.
6. Silva PMS, Pinto LR. Emergency medical systems analysis by simulation and optimization. Proceedings of the 2010 winter simulation conference 2010; 1: 2422–2432.
7. Polsky SS, Weigand JV. Quality assurance in emergency medical service systems. Emerg Med Clin North Am 1990; 8: 75-84.
8. Ma MH, Chiang WC, Ko PC, Huang JC, Lin CH, Wang HC. Outcomes from out-of-hospital cardiac arrest in Metropolitan Taipei: does an advanced life support service make a difference? Resuscitation 2007; 74(3):461–469.
9. Ong ME, Cho J, Ma MH, Tanaka H, Nishiuchi T, Al Sakaf O. Comparison of emergency medical services systems in the pan-Asian resuscitation outcomes study countries: report from a literature review and survey. Emerg Med Australas 2013; 25(1): 55–63.
10. Pittet V, Burnand B, Yersin B, Carron PN. Trends of pre-hospital emergency medical services activity over 10 years: a population-based registry analysis. BMC Health Serv Res. 2014; 14(1): 380-386.
11. Hakimi SL. Optimum Locations of Switching Centers and the Absolute Centers and Medians of a graph. Operation Research 1964; 12: 450-459.
12. Erkut E, Ingolfsson A, Erdogan G. Ambulance location for maximum survival. Nav Res Logist 2008; 55(1): 42–55.
13. Lina Aboueljinane ZJ, Evren Sahin. Reducing Ambulance Response Time Using Simulation: The Case of Val – De - Marne Department Emergency Medical Service. Proceedings of the 2012 Winter Simulation Conference 2012; 1: 1-12.
14. Natdanai C, Phongchai J. EMS Location Analysis to Minimize Service Risk. 10th SEATUC Symposium 2016; 1: 112-119.
15. Mitchell D. The End of Public Space? People's Park, Definitions of the Public, and Democracy. Annals of the Association of American Geographers 1995; 85: 108-133.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความทุกบทความที่ตีพิมพ์ในวารสารการพัฒนางานประจำสู่งานวิจัย (JPR2R) ถือว่าเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารการพัฒนางานประจำสู่งานวิจัย คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
