การศึกษาและเตรียมความพร้อมสู่การเป็นองค์การมหาชน ของกรมวิทยาศาสตร์บริการ
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาและวิเคราะห์สภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับ การพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านคุณภาพของประเทศสำหรับการเตรียมความพร้อมของ กรมวิทยาศาสตร์บริการสู่การเป็นองค์การมหาชน 2) จัดทำแผนกลยุทธ์และแผนธุรกิจ การดำเนินงานขององค์การมหาชน แผนการเงิน และแผนการจัดตั้งและถ่ายโอน สำหรับเสนอขอจัดตั้งองค์การมหาชนตามแนวทาง ก.พ.ร. โดยเป็นการวิจัยแบบผสมวิธี มีการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ ได้แก่ การศึกษาเอกสารและงานวิจัย การสัมภาษณ์เชิงลึก การสนทนากลุ่มย่อย การประชุมกลุ่มระดมความคิดเห็นเพื่อหาข้อสรุปเชิงนโยบาย และการจัดเวทีสาธารณะให้เกิดกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การเก็บข้อมูลเชิงปริมาณ ได้แก่ การเก็บแบบสอบถาม กลุ่มตัวอย่างในการเก็บข้อมูลเชิงปริมาณ คือ บุคลากร จำนวน 470 คน ด้วยการคำนวณขนาด ของกลุ่มตัวอย่างที่ร้อยละ 80 ของจำนวนประชากรทั้งหมด และผู้ให้ข้อมูลสำคัญในการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ คือ ผู้บริหาร และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งภายในและภายนอกของกรมวิทยาศาสตร์บริการ โดยใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง มีวิธีการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยใช้สถิติแบบบรรยาย และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1) วิเคราะห์สภาพแวดล้อมขององค์การ พบว่า องค์การมีจุดแข็งที่มีทรัพยากรและความเชี่ยวชาญในการปฏิบัติภารกิจ ด้วยมาตรฐานสากลและเป็นที่ยอมรับจากสังคม ส่วนด้านจุดอ่อน พบว่า ปัญหาด้านขั้นตอน การดำเนินงานและการบริหารงานตามวัฒนธรรมองค์การในระบบราชการ ทำให้เกิดจุดอ่อนต่อสร้างประสิทธิภาพการให้บริการ รวมทั้งจุดอ่อนทางด้านกลไกและระบบสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจ ที่ยังสามารถพัฒนาและแก้ไขให้เกิดศักยภาพต่อการดำเนินงาน สภาพแวดล้อมภายนอกองค์การ พบว่า กรมวิทยาศาสตร์บริการมีโอกาสหลายประการที่เอื้อต่อการพัฒนา โดยเฉพาะการเตรียม ความพร้อมต่อการแปลงสภาพเป็นองค์การมหาชน อาทิ ปัจจัยเอื้อเชิงนโยบายรัฐ ทิศทางการพัฒนาประเทศ 2) การจัดทำแผนกลยุทธ์ แผนธุรกิจการดำเนินงานขององค์การมหาชน แผนการเงิน และแผนการจัดตั้งและถ่ายโอน สำหรับเสนอขอจัดตั้งองค์การมหาชนตามแนวทาง ก.พ.ร. ภายใต้แผนกลยุทธ์สถาบันวิทยาศาสตร์บริการ ปี พ.ศ. 2563 - 2566 และแผนธุรกิจ ขององค์การ(แผนปฏิบัติการระยะ 4 ปี) มีการกำหนดวิสัยทัศน์ คือ องค์การชั้นนำระดับสากล ด้านการตรวจสอบและรับรองทางวิทยาศาสตร์ มีประเด็นยุทธศาสตร์ 4 ด้านคือ 1) ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านคุณภาพเพื่อพัฒนาขีดความสามารถเชิงการแข่งขันของประเทศ 2) บูรณาการความร่วมมือ ด้านองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในการขับเคลื่อนมาตรฐานและคุณภาพที่ทันสมัย เท่าทันการเปลี่ยนแปลง 3) ยกระดับการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศด้านวิทยาศาสตร์บริการ 4) พัฒนาระบบบริหารจัดการสู่การเป็นองค์การสมรรถนะสูงที่ยั่งยืน รวมถึงมีการจัดทำแผนการเงินที่คำนึงถึงประมาณการรายรับและรายจ่ายตามหลักการพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน และมีการจัดทำแผนการจัดตั้งและถ่ายโอนที่ครอบคลุมมิติโครงสร้างองค์การที่เหมาะสม อัตรากำลังที่สามารถรองรับรูปแบบการบริหารงานใหม่ขององค์การมหาชนและการถ่ายโอนทรัพย์สินและหนี้สิน จากสภาพการบริหารราชการเดิมสู่ การบริหารรูปแบบใหม่ที่ต่อเนื่อง
Article Details
References
สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ. (2559). การประเมินอัตรากำลัง : นำองค์การให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลง. งานสัมมนาหัวข้อ “บริหารจัดการคนและองค์การ แบบ Right Size Right Time Right Skill ขับเคลื่อนองค์การไทยสู่ 4.0”. วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน 2559 ณ ห้องศรีสุริยวงศ์ โรงแรมตวันนา.
สุรพล นิติไกรพจน์. (2542). องค์การมหาชน แนวคิด รูปแบบและวิธีการบริหารงาน. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูประบบราชการ สำนักงาน ก.พ.
เอกวิทย์ มณีธร. (2551). ระบบราชการ รัฐวิสาหกิจและองค์การมหาชนของไทย. กรุงเทพมหานคร: เวิลด์เทรด ประเทศไทย.
Koen V. & Jan W. (2016). Why Do Autonomous Public Agencies Use Performance Management Techniques? Revisiting the Role of Basic Organizational Characteristics. International Public Management Journal, 21(4), 619-649.
Martijn L.P. Groenleer. (2014). Agency Autonomy Actually: Managerial Strategies, Legitimacy, and the Early Development of the European Union’s Agencies for Drug and Food Safety Regulation. International Public Management Journal, 17(2), 255-292.
Paolo F., Davide G. & Edoardo O. (2007). Disaggregation, Autonomy and Re-regulation, Contractualism. Public Management Review, 9(4), 557-585.
Silvia T., Sandro B. & Alessandro G. (2010). Is There a risk of Incoherence in an Autonomous Public Agency?. International Journal of public Administration, 33(11), 521-528.