แรงจูงใจและกลวิธีการเรียนรู้ภาษาเยอรมัน ของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายในภาคใต้ของไทย

Authors

  • ปริลักษณ์ กลิ่นช้าง ภาควิชาภาษาตะวันตก คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
  • สุภาภรณ์ สุวรรณโอภาส ภาควิชาภาษาตะวันตก คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี

Keywords:

แรงจูงใจ, กลวิธีการเรียนรู้

Abstract

      โครงการวิจัยนี้มีจุดประสงค์ในการศึกษาแรงจูงใจและกลวิธีการเรียนรู้ภาษาเยอรมันของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในโรงเรียนในภาคใต้ของไทย เพื่อหาแนวทางในการพัฒนาการเรียนการสอนภาษาเยอรมันในด้านต่างๆ โดยเฉพาะที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ซึ่งกำลังประสบปัญหาเรื่องจำนวนนักศึกษาที่ลดลง งานวิจัยชิ้นนี้เป็นงานวิจัยที่เน้นเชิงคุณภาพซึ่งเข้าถึงข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์  เชิงลึกโดยมีพื้นฐานจากการวิเคราะห์ ข้อมูลจากแบบสอบถามที่สร้างขึ้นเอง (แบบสอบถาม จำนวน  255 ฉบับ ถูกนำมาวิเคราะห์ทางสถิติและสรุปในเชิงพรรณนาและมีการสุ่มเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจงเพื่อการสัมภาษณ์ส่วนบุคคล โดยมีกลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจำนวน 20 คน จากโรงเรียนสตรีภูเก็ต จ.ภูเก็ต และโรงเรียนพัทลุง จ.พัทลุง) ผลการวิจัยพบว่า แรงจูงใจเป็นพื้นฐานสำคัญต่อความสำเร็จในการเรียนรู้ภาษาเยอรมันและมีผลต่อการเลือกกลวิธี การเรียนรู้รวมทั้งแนวโน้มในการศึกษาต่อของผู้เรียน จากการวิเคราะห์ข้อมูลสามารถแบ่งแรงจูงใจได้ดังนี้ 1) แรงจูงใจที่มีเงื่อนไขเชิงปัจเจก 2) แรงจูงใจทางสังคมและวัฒนธรรม 3) แรงจูงใจที่มีเงื่อนไขด้านการศึกษาและอาชีพและ  4) แรงจูงใจด้านเศรษฐกิจ การเงิน
       กลวิธีการเรียนรู้ภาษาเยอรมันมีความหลากหลายตามแรงจูงใจของผู้เรียน ผู้เรียนส่วนใหญ่ใช้กลวิธีการเรียนรู้อย่างตั้งใจในชั้นเรียนผ่านครูผู้สอน แต่ผู้ที่มีแรงจูงใจและเป้าหมายชัดเจนจะมีความกระตือรือร้นสูงและแสวงหากลวิธีการเรียนรู้ที่หลากหลายนอกชั้นเรียน การเพิ่มแรงจูงใจภายนอกผ่านสื่อและกิจกรรมการเรียนการสอนที่หลากหลาย และการใช้กลวิธีการเรียนทางอ้อมโดยเฉพาะกลวิธีเรียนรู้เชิงสังคม มีความเป็นไปได้ที่จะช่วยสร้างแรงจูงใจและพัฒนาศักยภาพในการเรียนรู้

Downloads

How to Cite

กลิ่นช้าง ป., & สุวรรณโอภาส ส. (2017). แรงจูงใจและกลวิธีการเรียนรู้ภาษาเยอรมัน ของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายในภาคใต้ของไทย. Journal of Humanities and Social Sciences Prince of Songkla University, 12(2), 35–70. Retrieved from https://so03.tci-thaijo.org/index.php/eJHUSO/article/view/98292