หน้าที่ทางไวยากรณ์และความหมายของคำว่า “นำ” ในภาษาไทยถิ่นอีสาน
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาหน้าที่และความหมายของคำว่า “นำ” ในภาษาไทยถิ่นอีสาน โดยเป็นการศึกษาภาษาเฉพาะสมัย ผู้วิจัยรวบรวมข้อมูลจากเอกสาร ฐานข้อมูลออนไลน์ และภาษาไทยถิ่นอีสานที่ใช้สนทนาในชีวิตประจำวัน สมัยรัชกาลที่ 9 - ปัจจุบัน (พ.ศ. 2489 - 2563) ผู้วิจัยประยุกต์ใช้กรอบแนวคิดไวยากรณ์โครงสร้างของวิจินตน์ ภาณุพงศ์ (2525) ในการจำแนกหน้าที่ของคำ และใช้แนวคิดของนววรรณ พันธุเมธา (2554) เพื่ออธิบายความหมายของคำ
ผลการศึกษาหน้าที่ทางไวยากรณ์ และความหมายของคำว่า “นำ” ในภาษาไทยถิ่นอีสานพบว่า คำว่า “นำ” ทำหน้าที่เป็นคำกริยา คำบุพบท คำขยายกริยา และคำเชื่อมอนุพากย์ ด้านความหมายของคำว่า “นำ” ได้แก่ 1. คำกริยา มีความหมายย่อย 2 ความหมาย คือ 1) มีความหมายเทียบได้กับคำว่า “ตาม” “ติดตาม” “ตามหา” ในภาษาไทยมาตรฐาน มีความหมายแสดงอาการเคลื่อนที่ไปสู่จุดหมายที่เป็นรูปธรรมปรากฏร่วมกับนามวลีที่เป็นสิ่งมีชีวิต เช่น มนุษย์ สัตว์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังปรากฏร่วมกับนามวลีที่เป็นสถานที่ หรือวัตถุสิ่งของ 2) แสดงอาการเลียนแบบ 2. คำบุพบท มีความหมายย่อย 3 ความหมาย คือ 1) แสดงความหมายบอกผู้ร่วมที่เป็นการกระทำต่อกัน หรือความหมายบอกผู้ร่วมที่เป็นการไปกระทำร่วมกับผู้ใดผู้หนึ่ง มีความหมายเทียบได้กับคำว่า “กับ” “ด้วย” ในภาษาไทยมาตรฐาน 2) แสดงจุดหมายที่เป็นรูปธรรม 3) แสดงจุดหมายที่เป็นนามธรรม โดยคำว่า “นำ” ที่แสดงจุดหมายที่เป็นรูปธรรมและนามธรรมมีความหมายเทียบได้กับคำว่า “ตาม” ในภาษาไทยมาตรฐาน 3. คำขยายกริยา แสดงความหมายบอกการเข้าร่วม การมีส่วนร่วม มีความหมายว่าเจ้าของกริยาได้ทำกริยานั้นร่วมกับผู้อื่นหรือต่อผู้อื่น มีความหมายพ้องกับคำว่า “ด้วย” ในภาษาไทยมาตรฐาน คำขยายกริยา “นำ” สามารถปรากฏเป็นส่วนขยายหลังคำกริยาเพียงลำพัง ส่วนคำบุพบท “นำ” นั้นจะต้องมีคำนามหรือนามวลีเป็นส่วนประกอบท้ายเสมอ 4. คำเชื่อมอนุพากย์ มีความหมายแสดงความเป็นเหตุเป็นผลของเหตุการณ์ โดยเทียบได้กับคำว่า “เพราะ” ในภาษาไทยมาตรฐาน และมักจะปรากฏหลังคำว่า “เป็น”
Article Details

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
References
กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
คำพูน บุญทวี. (2538). ลูกอีสาน. กรุงเทพฯ: หจก. บรรณกิจเทรดดิ้ง.
จรัสดาว อินทรทัศน์. (2539). กระบวนการที่คำกริยากลายเป็นคำบุพบทในภาษาไทย (วิทยานิพนธ์
ปริญญาอักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิต). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ชวนากร จันนาเวช. (2552). มหาวิทยาลัยมหาสารคาม โครงการอนุรักษ์ใบลานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ตำรายาวัดท่าม่วง เล่ม 1. มหาสารคาม: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
______. (2553). มหาวิทยาลัยมหาสารคาม โครงการอนุรักษ์ใบลานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ตำรายาวัดท่าม่วง เล่ม 2. มหาสารคาม: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
ชัชวดี ศรลัมพ์. (2538). การศึกษามโนทัศน์ของคำว่า “เข้า” (วิทยานิพนธ์ปริญญาอักษรศาสตรดุษฎี
บัณฑิต). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ดุษฎีพร ชำนิโรคศานต์. (2526). ภาษาศาสตร์เชิงประวัติและภาษาไทยเปรียบเทียบ. กรุงเทพฯ:
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
นววรรณ พันธุเมธา. (2549). ไวยากรณ์ไทย (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ : โครงการเผยแพร่ผลงานวิชาการ
คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
. (2554). ไวยากรณ์ไทย (พิมพ์ครั้งที่ 6). กรุงเทพฯ: โครงการเผยแพร่ผลงานวิชาการ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
นพรัฐ เสน่ห์. (2556). การกลายเป็นคำไวยากรณ์ของ “ด้วย” (วิทยานิพนธ์ปริญญาอักษรศาสตร
มหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ปรีชา พิณทอง. (2532). สารานุกรมภาษาอีสาน-ไทย-อังกฤษ. อุบลราชธานี: โรงพิมพ์ศิริธรรม.
ผดุง ไกรศรี. (2560). หนูหิ่นอินเตอร์. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์บรรลือสาส์น.
______. (2561). หนูหิ่นอินเตอร์. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์บรรลือสาส์น.
______. (2562). หนูหิ่นอินเตอร์. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์บรรลือสาส์น.
พิมพ์ญา. (2558). ฮัก ณ อีสาน. กรุงเทพฯ: พิมพ์ญาบุ๊ค.
เพียรศิริ วงศ์วิภานันท์. (2546). เอกสารประกอบการสอนชุดวิชาภาษาไทย 3 คณะศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
ยงค์ ยโสธร. (2555). คำอ้าย (พิมพ์ครั้งที่ 7). กรุงเทพฯ: มิ่งมิตร.
ยาใจ ชูวิชา. (2536). ความเป็นประโยคของหน่วยสร้างกริยาเรียงในภาษาไทย (วิทยานิพนธ์
ปริญญาอักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิต). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ราตรี แจ่มนิยม. (2546). การศึกษาคำบุพบทที่กลายมาจากคำกริยาในภาษาไทย (วิทยานิพนธ์
ปริญญาอักษรศาสตรมหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศิลปากร.
วิจินตน์ ภาณุพงศ์. (2525). โครงสร้างของภาษาไทย: ระบบไวยากรณ์. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
. (2536). โครงสร้างของภาษาไทย : ระบบไวยากรณ์. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
วีณา วีสเพ็ญ, สมัย วรรณอุดร, ณรงค์ศักดิ์ ราวะรินทร์, สัญญา วุฒิสาร, อธิราชย์
นันขันตี และอภิชาต จันนาเวช. (2549). ตำรายาวัดมหาชัย เล่ม 1 อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม. อุบลราชธานี: ศิริธรรมออฟเซ็ท.
. (2549). ตำรายาวัดมหาชัย เล่ม 2 อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม. อุบลราชธานี: ศิริธรรมออฟเซ็ท.
. (2550). ตำรายาวัดมหาชัย เล่ม 3 อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม. อุบลราชธานี: ศิริธรรมออฟเซ็ท.
. (2550). ตำรายาวัดมหาชัย เล่ม 4 อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม. อุบลราชธานี: ศิริธรรมออฟเซ็ท.
. (2550). ตำรายาวัดมหาชัย เล่ม 5 อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม. อุบลราชธานี: ศิริธรรมออฟเซ็ท.
สมัย วรรณอุดร. (2548). ตำรายาฉบับวัดศรีสมพร บ้านแบก ตำบลนาทอง อำเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม. อุบลราชธานี: ศิริธรรมออฟเซ็ท.
. (2560). ตำราโหราศาสตร์พ่อจารย์บัวศรี ศรีสูง (พิมพ์ครั้งที่ 2). มหาสารคาม: สถาบันวิจัยศิลปะและวัฒนธรรมอีสาน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
สุนีย์ เลี่ยวเพ็ญวงษ์ และคณะ. (2532). พจนานุกรมภาษาอีสาน-กลาง ฉบับมข.-สวอ. ขอนแก่น: ศิริภัณฑ์.
สุรีเนตร จรัสจรุงเกียรติ. (2551). ยัง : การศึกษาเชิงประวัติ (วิทยานิพนธ์ปริญญาอักษรศาสตร
มหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
เพจใต้เตียงมข. (2563). Facebook ใต้เตียงมข. ค้นเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2563, จาก
https://www.facebook.com/underbedKKU/.
ชมรมศิลปวัฒนธรรมอีสาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (2549). ภาษาอีสานวันละคำ. ค้นเมื่อ 4
มกราคม 2562, จาก www.isan.clubs.chula.ac.th.