ราชสีห์ผู้ติดบ่วง: อิหร่านกับมหาอำนาจตะวันตกในช่วงสงครามโลก
คำสำคัญ:
อิหร่าน, สงครามโลก, ราชวงศ์ปาห์ลาวี, Iran, World War, Pahlavi dynastyบทคัดย่อ
บทความเรื่องนี้ ต้องการอธิบายและวิเคราะห์ถึงสถานภาพและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นใน ประเทศอิหร่านช่วงมหาสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 โดยเฉพาะบทบาทและอิทธิพลของ ชาติมหาอำนาจที่มีต่อการเมือง เศรษฐกิจและสังคมอิหร่าน ตลอดจนความพยายามของผู้นำ และชาวอิหร่านในการเคลื่อนไหวเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการและอิทธิพลของต่างชาติ แม้ว่าอิหร่านจะพยายามวางตัวเป็นกลางในสงครามโลกทั้งสองครั้งแต่มหาอำนาจตะวันตกได้ใช้ อำนาจที่เหนือกว่าบีบบังคับทั้งทางตรงและทางอ้อมเพื่อให้อิหร่านเข้าร่วมกับฝ่ายของตน ด้วย ความสำคัญทางยุทธศาสตร์ด้านการทหารและแหล่งทรัพยากรน้ำมันทำให้อิหร่านต้องเข้าไป เกี่ยวข้องกับสงครามโลก ซึ่งส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมใน หลายด้าน
The Trapped Lion: Iran and the Western Powers during the World War
Julispong Chularatana
Lecturer, Department of History, Chulalongkorn University
This article aims to explain and analyze the situations and political-economic changing in Iran during the World War I and World War II, especially the roles and influences of the Western powers to the political economic and social movement in Iran, and also the efforts of the Iranian leaderships and people to liberate from the Western domination. Although Iran was a neutral state during the war times, the Western powers had depressed Iran directly or indirectly to take their sides. Because of the military and crude oil reserves strategy, Iran was forced into the Great Wars that had effects to the political, economic and social movement in Iran.
ดาวน์โหลด
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
การป้องกันปัญหาด้านลิขสิทธิ์และการคัดลอกผลงาน
ผู้เขียนบทความมีหน้าที่ในการขออนุญาตใช้วัสดุที่มีลิขสิทธิ์คุ้มครองจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ผู้เขียนบทความมีความรับผิดชอบที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายในการคัดลอกและทำสำเนาวัสดุที่มีลิขสิทธิ์อย่างเคร่งครัด การคัดลอกข้อความและการกล่าวพาดพิงถึงเนื้อหาจากวัสดุตีพิมพ์อื่น ต้องมีการอ้างอิงแหล่งที่มากำกับและระบุแหล่งที่มาให้ชัดเจนในส่วนบรรณานุกรม การคัดลอกข้อความหรือเนื้อหาจากแหล่งอื่นโดยไม่มีการอ้างอิงถือเป็นการละเมิดจริยธรรมทางวิชาการที่ร้ายแรง และเข้าข่ายการละเมิดลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 หากมีการฟ้องร้องดำเนินคดีใด ๆ เกิดขึ้น ผู้เขียนบทความมีความรับผิดชอบทางกฎหมายแต่เพียงผู้เดียว