ปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุในชมรมผู้สูงอายุ เขตเทศบาลหนองซ้ำซาก อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี

Main Article Content

ธนกร บุญเจือ
อิทธิพล พูลเอี่ยม
สรชัย ศรีนิศานต์สกุล
โชติสา ขาวสนิท
เอกวิทย์ มณีธร

บทคัดย่อ

   การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับพฤติกรรมสุขภาพของกลุ่มประชากรผู้สูงอายุในชมรมผู้สูงอายุเขตเทศบาลหนองซ้ำซาก จำนวน 119 คน ในพฤติกรรมสุขภาพ ด้านการรับรู้เรื่องสุขภาพ ด้านการบริโภคอาหาร ด้านการออกกำลังกาย ด้านการจัดการความเครียด สุขภาพของ ผู้สูงอายุในชมรมผู้สูงอายุเขตเทศบาลหนองซ้ำซาก อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี ได้จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างที่ เป็นผู้สูงอายุ จำนวน 119 คน เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถาม ใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษา พบว่า ผู้สูงอายุส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ผู้สูงอายุส่วนมากมีอายุระหว่าง 60 – 69 ปี ส่วนมากผู้อายุจบการศึกษาระดับประถมศึกษา สถานภาพสมรสของผู้สูงอายุส่วนมากมีสถานภาพคู่ รายได้ของผู้สูงอายุ ส่วนใหญ่อยู่ในระหว่าง 5,000 – 10,000 บาท ส่วนมากมีที่มาของรายได้จาก บุตร/ ญาติ และมีโรคประจำตัว ร้อยละ58.10 พฤติกรรมสุขภาพ พบว่า พฤติกรรมสุขภาพด้านการรับประทานอาหาร   (𝑥̅ = 27.96, S.D. = 2.58) อยู่ในระดับ ปานกลาง ร้อยละ 61.40 พฤติกรรมสุขภาพด้านการออกก าลังกาย (𝑥̅ = 21.65, S.D. = 1.99) อยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 99.70 พฤติกรรมสุขภาพด้านการจัดการความเครียด (𝑥̅ = 21.57, S.D. = 2.18) อยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 79.60 พฤติกรรมสุขภาพด้านการปฏิบัติตนในภาวะ เจ็บป่วย (𝑥̅ = 21.42, S.D. = 2.13) อยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 80.20 และพฤติกรรมสุขภาพโดยรวม (𝑥̅ = 92.59, S.D. = 4.45) อยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 78.70 และเมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง ข้อมูลส่วนบุคคลกับพฤติกรรมสุขภาพ พบว่า สถานภาพที่แตกต่างกัน การศึกษา ตลอดจนรายได้ที่แตกต่างกัน มีความเกี่ยวพันกับพฤติกรรมสุขภาพทั้งด้านการปฏิบัติตนในภาวะเจ็บป่วยและพฤติกรรมสุขภาพโดยรวมแตกต่างกัน อีกทั้งยังมีผลต่อการจัดการความเครียด แตกต่างกันด้วย

Article Details

ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

ภาษาไทย

สถาบันวิจัย ประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล. (2562). รายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุไทย. สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล. กรุงเทพฯ: สถาบันวิจัย ประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล.

สถาบันวิจัย ประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล. (2552). สุขภาพคนไทย 2552: เพื่อสุขภาวะแห่งมวลมนุษย์ หยุดความรุนแรง. กรุงเทพฯ: สถาบันวิจัย ประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล.

สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2564). การสำรวจประชากรสูงอายุในประเทศไทย พ.ศ. 2564. กรุงเทพฯ: สำนักงานสถิติแห่งชาติ.

ภาษาอังกฤษ

Bandura, A. (1997). Self-efficacy: The exercise of control. W.H. Freeman.

Green, L. W., & Kreuter, M. W. (2005). Health program planning: An educational and ecological approach (4th ed.). McGraw-Hill.

House, J. S., Landis, K. R., & Umberson, D. (1988). Social relationships and health. Science, 241(4865), 540-545.

Pender, N. J., Murdaugh, C. L., & Parsons, M. A. (2011). Health promotion in nursing practice (6th ed.). Pearson Education.

Rosenstock, I. M. (1974). Historical origins of the health belief model. Health Education Monographs, 2(4), 328-335.

United Nations. (2562). รายงาน UN คาดว่าประชากรโลกจะเติบโตช้าลง โดยจะแตะระดับ 9.7 พันล้านคน ในปี 2593 และอาจแตะระดับสูงสุดเกือบ 11

พันล้านคนในราวปี 2643. วันที่ค้นข้อมูล 27 สิงหาคม, 2566, เข้าถึงได้จาก https://www.un.org/sustainabledevelopment/blog/2019/06/ growing-at-a-slower-pace-world-population-is-expected-to-reach-9-7-billion-in-2050-and-could-peak-at-nearly-11-billion-around-2100-un-report/

Yen, I. H., & Kaplan, G. A. (1999). Neighborhood social environment and risk of death: Multilevel evidence from the Alameda County Study. American Journal of Epidemiology, 149(10), 898-907.