สำเนียงพราหมณ์พิธี?: การวิเคราะห์ค่าทางกลสัทศาสตร์ของช่วงเวลาเริ่มเสียงก้องของผู้พูดภาษาฮินดี ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร
คำสำคัญ:
ช่วงเวลาเริ่มเสียงก้อง, ภาษาฮินดี, พยัญชนะกัก, เสียงก้องมีลม, กลสัทศาสตร์บทคัดย่อ
บทความนี้เป็นการศึกษาช่วงเวลาเริ่มเสียงก้องของพยัญชนะกักที่ออกเสียงโดยผู้พูดภาษาฮินดีที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร ภาษาฮินดีมีการเปรียบต่างพยัญชนะกัก 4 กลุ่มคือ พยัญชนะกักไม่ก้องไม่พ่นลม พยัญชนะกักไม่ก้องพ่นลม พยัญชนะกักก้องไม่พ่นลม และพยัญชนะกักก้องพ่นลม งานวิจัยนี้เก็บข้อมูลเสียงพยัญชนะกักดังกล่าวในคำพยางค์เดียวที่เป็นพยางค์ปิด (CVC) จากผู้พูดภาษาฮินดีจำนวน 6 คน มีอายุระหว่าง 27-62 ปี ซึ่งเข้าร่วมสมาคมคีตาอาศรม ผลการศึกษาพบว่าพยัญชนะกักไม่ก้องมีช่วงเวลาเริ่มเสียงก้องเป็นค่าบวกหรือการสั่นตาม โดยพยัญชนะกักไม่ก้องไม่พ่นลมเป็นการสั่นตามทันที พยัญชนะกักไม่ก้องพ่นลมเป็นการสั่นตามล่าช้า ส่วนพยัญชนะกักก้องมีช่วงเวลาเริ่มเสียงก้องเป็นค่าลบหรือการสั่นนำ พบว่าการสั่นนำของพยัญชนะกักก้องมีการแปร 2 รูปแบบซึ่งไม่ได้เป็นผลมาจากตัวแปรอายุ ผู้บอกภาษาบางคนออกเสียงพยัญชนะกักก้องไม่พ่นลมและพยัญชนะกักก้องพ่นลมด้วยช่วงเวลาเริ่มเสียงก้องใกล้เคียงกันซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยในอดีต อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้ยังพบว่า ผู้บอกภาษาบางคนออกเสียงพยัญชนะกักก้องไม่พ่นลมด้วยช่วงเวลาเริ่มเสียงก้องที่เป็นการสั่นนำยาว และพยัญชนะกักก้องพ่นลมด้วยการสั่นนำยาวกว่าปกติซึ่งเป็นผลมาจากช่วงพ่นลมที่ยาว การออกเสียงพยัญชนะกักก้องพ่นลมที่มีการสั่นนำยาวกว่าปกติดังกล่าวพบในการออกเสียงของผู้บอกภาษาวรรณะพราหมณ์ที่ทำอาชีพประกอบศาสนพิธี จึงอาจกล่าวได้ว่าพราหมณ์พิธีมีแนวโน้มที่จะออกเสียงที่มีการพ่นลมชัดเจนกว่าการออกเสียงทั่วไป
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
การป้องกันปัญหาด้านลิขสิทธิ์และการคัดลอกผลงาน
ผู้เขียนบทความมีหน้าที่ในการขออนุญาตใช้วัสดุที่มีลิขสิทธิ์คุ้มครองจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ผู้เขียนบทความมีความรับผิดชอบที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายในการคัดลอกและทำสำเนาวัสดุที่มีลิขสิทธิ์อย่างเคร่งครัด การคัดลอกข้อความและการกล่าวพาดพิงถึงเนื้อหาจากวัสดุตีพิมพ์อื่น ต้องมีการอ้างอิงแหล่งที่มากำกับและระบุแหล่งที่มาให้ชัดเจนในส่วนบรรณานุกรม การคัดลอกข้อความหรือเนื้อหาจากแหล่งอื่นโดยไม่มีการอ้างอิงถือเป็นการละเมิดจริยธรรมทางวิชาการที่ร้ายแรง และเข้าข่ายการละเมิดลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 หากมีการฟ้องร้องดำเนินคดีใด ๆ เกิดขึ้น ผู้เขียนบทความมีความรับผิดชอบทางกฎหมายแต่เพียงผู้เดียว