สมรรถนะในการปฏิบัติงานของข้าราชการนายทหารชั้นประทวนกองบิน 46 จังหวัดพิษณุโลก

ผู้แต่ง

  • กำชัย บุตกร Master of Public Administration Program Student, Pibulsongkram Rajabhat University, Thailand, Phitsanulok.
  • ธนัสถา โรจนตระกูล Assistant Professor Dr. Lecturer, Master of Public Administration Program, Pibulsongkram Rajabhat University, Thailand, Phitsanulok
  • โชติ บดีรัฐ Associate Professor Dr. Lecturer, Master of Public Administration Program, Pibulsongkram Rajabhat University, Thailand, Phitsanulok.

คำสำคัญ:

สมรรถนะในการปฏิบัติงาน, ข้าราชการนายทหารชั้นประทวน, กองบิน 4

บทคัดย่อ

          บทความวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสมรรถนะในการปฏิบัติงานของข้าราชการนายทหารชั้นประทวนกองบิน 46 จังหวัดพิษณุโลก 2) เพื่อศึกษาปัจจัยแรงจูงใจที่ส่งผลต่อสมรรถนะในการปฏิบัติงานของข้าราชการนายทหารชั้นประทวนกองบิน 46 จังหวัดพิษณุโลก และ 3) เพื่อเสนอแนะแนวทางการเพิ่มสมรรถนะในการปฏิบัติงานของข้าราชการนายทหารชั้นประทวนกองบิน 46 จังหวัดพิษณุโลก โดยเก็บข้อมูลจากข้าราชการนายทหารชั้นประทวนกองบิน 46 จำนวน 548 คน ด้วยแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบ t-test การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ

           ผลการวิจัยพบว่า 1) สมรรถนะในการปฏิบัติงานของข้าราชการนายทหารชั้นประทวนกองบิน 46 จังหวัดพิษณุโลก มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.21) 2) ปัจจัยแรงจูงใจที่ส่งผลต่อสมรรถนะในการปฏิบัติงานของข้าราชการนายทหารชั้นประทวนกองบิน 46 จังหวัดพิษณุโลก พบว่าแรงจูงใจส่งผลต่อสมรรถนะในการปฏิบัติงาน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 คือ ด้านความสําเร็จในการทำงานด้านการยอมรับนับถือ ด้านความรับผิดชอบ และด้านความก้าวหน้าในตำแหน่ง และ 3) แนวทางการเพิ่มสมรรถนะในการปฏิบัติงานของข้าราชการนายทหารชั้นประทวนกองบิน 46 จังหวัดพิษณุโลก พบว่า ผู้บังคับบัญชาควรตระหนักและให้ความสำคัญกับสวัสดิการและขวัญกำลังใจ ให้อำนาจในการตัดสินใจและรับฟังความคิดเห็นของตัวผู้ใต้บังคับบัญชา พิจารณาถึงลักษณะงานที่มอบหมายให้เหมาะสมกับตำแหน่งและหน้าที่ และควรจัดทำแผนที่ส่งผลต่อความก้าวหน้าในตำแหน่ง และต้องกำหนดตัวชี้วัด หรือคุณสมบัติในการพิจารณาการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งอย่างเป็นรูปธรรม

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2024-06-10

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย (Research article)