วารสารด้านการบริหารรัฐกิจและการเมือง https://so03.tci-thaijo.org/index.php/papojournal <p><em>วารสารด้านการบริหารรัฐกิจและการเมือง</em> มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นสื่อกลางในการเผยแพร่ผลงานวิชาการด้านรัฐประศาสนศาสตร์และการเมืองตลอดจนสาขาทางสังคมศาสตร์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผลงานวิชาการได้รับการเผยแพร่ในวงกว้างและเป็นที่ยอมรับในวงวิชาการ โดย <em>วารสารด้านการบริหารรัฐกิจและการเมือง</em> เป็นวารสารทางวิชาการที่มีการพิจารณากลั่นกรองคุณภาพจากผู้ทรงคุณวุฒิในลักษณะผู้พิจารณาไม่ทราบชื่อผู้แต่งและผู้แต่งไม่ทราบชื่อผู้พิจารณา (Double-blind peer review)</p> <p><em>วารสารด้านการบริหารรัฐกิจและการเมือง</em> เปิดรับพิจารณาบทความวิชาการทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ทั้งในรูปแบบบทความวิจัย (Research Articles) และบทความปริทัศน์ (Review Articles)</p> <p>ทั้งนี้&nbsp;<em>วารสารด้านการบริหารรัฐกิจและการเมือง&nbsp;&nbsp;</em>ได้เริ่มตีพิมพ์เผยแพร่ตั้งแต่เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2545 และได้เริ่มเผยแพร่ในรูปแบบวารสารอิเล็กทรอนิคส์ตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ. 2561</p> th-TH test@test.com (-) polscilaw_journal@hotmail.com (-) Fri, 28 Feb 2025 17:00:36 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 ความต้องการของนักท่องเที่ยวต่อการพัฒนานวัตกรรมการท่องเที่ยวหาดแม่รำพึง อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ประเทศไทย https://so03.tci-thaijo.org/index.php/papojournal/article/view/281323 <p> การวิจัยเรื่อง “ความต้องการของนักท่องเที่ยวต่อการพัฒนานวัตกรรมการท่องเที่ยวหาดแม่รำพึง อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ประเทศไทย” เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ โดยใช้การวิจัยเชิงปริมาณ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาความต้องการการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนหาดแม่รำพึง จังหวัดระยอง 2) เพื่อศึกษาการพัฒนานวัตกรรมการท่องเที่ยวของหาดแม่รำพึง จังหวัดระยอง 3) เพื่อศึกษาการพัฒนานวัตกรรมการท่องเที่ยวที่มีอิทธิพลต่อความต้องการของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนหาดแม่รำพึง จังหวัดระยอง และ 4) เพื่อศึกษาปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ได้เดินทางท่องเที่ยวที่หาดแม่รำพึง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักท่องเที่ยวชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเที่ยวที่หาดแม่รำพึง จำนวน 400 คน ทำการสุ่มตัวอย่างแบบสะดวก (Convenience Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลคือแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลประกอบด้วยสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาณ ได้แก่ การวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุและสหสัมพันธ์</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า 1) ความต้องการของนักท่องเที่ยวต่อการพัฒนานวัตกรรมการท่องเที่ยวหาดแม่รำพึง จังหวัดระยอง โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด โดยเรียงลำดับด้านที่คะแนนมากไปหาด้านที่มีคะแนนน้อยได้ ดังนี้ ด้านสถานที่ท่องเที่ยว ด้านกิจกรรม ด้านการเข้าถึง ด้านสิ่งอำนวยความสะดวก และด้านบริการเสริม 2) การพัฒนานวัตกรรมการท่องเที่ยวหาดแม่รำพึง จังหวัดระยองอยู่ในระดับมากที่สุด เรียงลำดับด้านที่มีคะแนนมากไปหาด้านที่มีคะแนนน้อยได้ดังนี้ ด้านนวัตกรรมการท่องเที่ยวด้านอาหารและวัตถุดิบท้องถิ่น ด้านระบบนิเวศนวัตกรรม ด้านชายหาดอัจฉริยะ ด้านนวัตกรรมสภาพแวดล้อม และด้านนวัตกรรมความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยว 3) ปัจจัยการพัฒนานวัตกรรมการท่องเที่ยวทั้ง 5 ด้าน มีอิทธิพลต่อความต้องการของนักท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยเรียงลำดับปัจจัยที่มีอิทธิพลมากไปหาน้อยได้ดังนี้ ด้านนวัตกรรมความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยว ด้านนวัตกรรมสภาพแวดล้อม ด้านระบบนิเวศนวัตกรรม นวัตกรรมการท่องเที่ยวด้านอาหารและวัตถุดิบท้องถิ่น และด้านชายหาดอัจฉริยะ และ 4) ปัญหาที่นักท่องเที่ยวต้องการให้ปรับปรุงได้แก่ การมีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยน้อย ทำให้ไม่สามารถดูแลนักท่องเที่ยวได้อย่างทั่วถึง และการมีห้องสุขาให้บริการไม่เพียงพอ รวมทั้งห้องสุขาไม่อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ไม่สะอาด</p> รศ.ดร.เอกวิทย์ มณีธร, เขมมารี รักษ์ชูชีพ , ศิรภัสสรศ์ วงศ์ทองดี , สุชาวดี เดชทองจันทร์ ลิมปนนาคทอง , สุทธิพงษ์ เกียรติวิชญ์ , ญาณพล แสงสันต์ , สมชาย ปัญญเจริญ Copyright (c) 2025 วารสารด้านการบริหารรัฐกิจและการเมือง https://so03.tci-thaijo.org/index.php/papojournal/article/view/281323 Fri, 28 Feb 2025 00:00:00 +0700 ยุทธศาสตร์การศึกษาของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง https://so03.tci-thaijo.org/index.php/papojournal/article/view/287938 <p>การศึกษาวิจัยเรื่อง ยุทธศาสตร์การศึกษาของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาแนวคิดยุทธศาสตร์ด้านการศึกษาของประเทศจีนภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง 2) เพื่อศึกษาจุดเด่นและจุดด้อยของยุทธศาสตร์การศึกษาภายใต้การบริหารงานของ สี จิ้น ผิง และ 3) เพื่อเสนอแนะแนวทางเพื่อประกอบการพิจารณาการปรับปรุงยุทธศาสตร์ของไทยให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของ ประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง<br /> การวิจัยนี้ใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) เก็บข้อมูลโดยวิเคราะห์ข้อมูลเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์ด้านการศึกษาของประเทศจีน รวมถึงการวิเคราะห์ตีความข้อมูลที่มีความเชื่อมโยงกัน ผลการวิจัย ตามวัตถุประสงค์ทั้ง 3 ข้อพบว่า การศึกษาแนวคิดยุทธศาสตร์การศึกษาของประเทศจีนภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง มีหลักของยุทธศาสตร์การศึกษาทั้งหมด 10 ยุทธศาสตร์เป็นหลัก โดยมุ่งเน้นการพัฒนาทฤษฎีและแนวทางปฏิบัติใหม่ ๆ มุ่งเน้นให้ประชาชนร่วมมือกันสร้างชีวิตที่ดีอย่างต่อเนื่อง มีการผลักดันให้จีนเป็นประเทศที่มีความเจริญรุ่งเรืองและปลูกฝังความรักชาติมีจิตำนึกทางการเมือง ด้านคุณภาพเน้นการศึกษาแบบบูรณาการ ในส่วนการศึกษาจุดเด่นและจุดด้อยของยุทธศาสตร์ด้านการศึกษา พบว่าจุดเด่นในด้านการลงทุนเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา การสร้างความเท่าเทียมกันและการนำเทคโนโลยีมาใช้ในระบบการศึกษา และมีจุดด้อยที่ต้องได้รับการแก้ไข คือ ความกดดันจากระบบการสอบ ช่องว่างในการพัฒนาทรัพยากรในพื้นที่ชนบท และข้อจำกัดด้านความหลากหลายของหลักสูตร และเพื่อเสนอแนะแนวทางเพื่อประกอบการพิจารณาการปรับปรุงยุทธศาสตร์ของไทยให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง สามารถทำได้โดยการนำหลักการและแนวทางสำคัญจากนโยบายของจีน ที่เน้นการพัฒนาการศึกษาเพื่อเสริมสร้างความสามารถทางเทคโนโลยี และนวัตกรรม และศักยภาพของประชากรในการแข่งขันในเวทีโลกมาเป็นแนวทางในการพัฒนาระบบการศึกษาของไทย เพื่อพัฒนาต่อยอดระบบการศึกษาของไทยสู่ระดับสากล</p> ชนกชนม์ เมฆเจริญลาภ, เอกวิทย์ มณีธร Copyright (c) 2025 วารสารด้านการบริหารรัฐกิจและการเมือง https://so03.tci-thaijo.org/index.php/papojournal/article/view/287938 Tue, 27 May 2025 00:00:00 +0700 ปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุในชมรมผู้สูงอายุ เขตเทศบาลหนองซ้ำซาก อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี https://so03.tci-thaijo.org/index.php/papojournal/article/view/283758 <p> การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับพฤติกรรมสุขภาพของกลุ่มประชากรผู้สูงอายุในชมรมผู้สูงอายุเขตเทศบาลหนองซ้ำซาก จำนวน 119 คน ในพฤติกรรมสุขภาพ ด้านการรับรู้เรื่องสุขภาพ ด้านการบริโภคอาหาร ด้านการออกกำลังกาย ด้านการจัดการความเครียด สุขภาพของ ผู้สูงอายุในชมรมผู้สูงอายุเขตเทศบาลหนองซ้ำซาก อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี ได้จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างที่ เป็นผู้สูงอายุ จำนวน 119 คน เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถาม ใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษา พบว่า ผู้สูงอายุส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ผู้สูงอายุส่วนมากมีอายุระหว่าง 60 – 69 ปี ส่วนมากผู้อายุจบการศึกษาระดับประถมศึกษา สถานภาพสมรสของผู้สูงอายุส่วนมากมีสถานภาพคู่ รายได้ของผู้สูงอายุ ส่วนใหญ่อยู่ในระหว่าง 5,000 – 10,000 บาท ส่วนมากมีที่มาของรายได้จาก บุตร/ ญาติ และมีโรคประจำตัว ร้อยละ58.10 พฤติกรรมสุขภาพ พบว่า พฤติกรรมสุขภาพด้านการรับประทานอาหาร (𝑥̅ = 27.96, S.D. = 2.58) อยู่ในระดับ ปานกลาง ร้อยละ 61.40 พฤติกรรมสุขภาพด้านการออกก าลังกาย (𝑥̅ = 21.65, S.D. = 1.99) อยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 99.70 พฤติกรรมสุขภาพด้านการจัดการความเครียด (𝑥̅ = 21.57, S.D. = 2.18) อยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 79.60 พฤติกรรมสุขภาพด้านการปฏิบัติตนในภาวะ เจ็บป่วย (𝑥̅ = 21.42, S.D. = 2.13) อยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 80.20 และพฤติกรรมสุขภาพโดยรวม (𝑥̅ = 92.59, S.D. = 4.45) อยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 78.70 และเมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง ข้อมูลส่วนบุคคลกับพฤติกรรมสุขภาพ พบว่า สถานภาพที่แตกต่างกัน การศึกษา ตลอดจนรายได้ที่แตกต่างกัน มีความเกี่ยวพันกับพฤติกรรมสุขภาพทั้งด้านการปฏิบัติตนในภาวะเจ็บป่วยและพฤติกรรมสุขภาพโดยรวมแตกต่างกัน อีกทั้งยังมีผลต่อการจัดการความเครียด แตกต่างกันด้วย</p> ธนกร บุญเจือ , อิทธิพล พูลเอี่ยม , สรชัย ศรีนิศานต์สกุล , โชติสา ขาวสนิท , เอกวิทย์ มณีธร Copyright (c) 2025 วารสารด้านการบริหารรัฐกิจและการเมือง https://so03.tci-thaijo.org/index.php/papojournal/article/view/283758 Tue, 27 May 2025 00:00:00 +0700