https://so03.tci-thaijo.org/index.php/masscomm/issue/feed
วารสารการสื่อสารและสื่อบูรณาการ
2025-06-21T00:00:00+07:00
Assistant Professor Siwaporn Sukittanon, Ph.D.
journalmc.cmu@gmail.com
Open Journal Systems
<p><strong>วารสารการสื่อสารและสื่อบูรณาการ</strong></p> <p>เป็นวารสารวิชาการที่จัดทำโดยคณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ผ่านการรับรองคุณภาพวารสาร Thai-Journal Citation Index: TCI Group II</p> <p>มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลงานทางวิชาการของคณาจารย์<br />และนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาด้านการสื่อสารมวลชน วารสารศาสตร์ นิเทศศาสตร์และสาขาอื่นๆ ที่มีผลงานเกี่ยวเนื่องกับศาสตร์ทางด้านนี้ และเพื่อส่งเสริมและกระตุ้นให้เกิดการวิจัย รวมทั้งการพัฒนาองค์ความรู้ทางด้านการสื่อสารในสาขาวิชาต่างๆ มากขึ้น</p> <p><span lang="th">แต่ละบทความจะได้รับพิจารณาจากคณะกรรมการกลั่นกรองบทความวารสาร (Peer Review) จำนวน 3 ท่านที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องจากหลากหลายสถาบันและมิใช่สังกัดเดียวกับผู้นิพนธ์บทความ และได้รับความเห็นชอบจากกองบรรณาธิการก่อนตีพิมพ์ โดยการพิจารณาบทความนั้น ผู้พิจารณาบทความจะมิทราบชื่อหรือข้อมูลของผู้เขียนบทความ อีกทั้ง ผู้เขียนบทความไม่ทราบชื่อผู้พิจารณาบทความ (Double - blind Peer Review)</span></p> <p><span lang="th">กำหนดการตีพิมพ์เผยแพร่ปีละ 2 ฉบับ ได้แก่<br /></span><span lang="th">- ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม-มิถุนายน กำหนดเผยแพร่ในเดือน มิถุนายน<br />- ฉบับที่ 2 เดือนกรกฎาคม-ธันวาคม กำหนดเผยแพร่ในเดือน ธันวาคม</span></p> <p><strong>ISSN: <span class="WdYUQQ text-decoration-none text-strikethrough-none">2985-0665</span> (Print) </strong><strong>ISSN: <span class="WdYUQQ text-decoration-none text-strikethrough-none">2985-0673 </span>(Online)</strong></p>
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/masscomm/article/view/288011
การเปรียบเทียบความแตกต่างของลักษณะประชากร กับการรู้เท่าทันโฆษณาพนันออนไลน์ของนักศึกษา
2025-04-24T08:44:53+07:00
คมสัน รัตนะสิมากูล
anyamanee_pak@cmru.ac.th
อัญมณี ภักดีมวลชน
anyamanee_pak@cmru.ac.th
<div>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับการรู้เท่าทันโฆษณาพนันออนไลน์ของนักศึกษา 2) เปรียบเทียบความแตกต่างของลักษณะประชากรกับการรู้เท่าทันโฆษณาพนันออนไลน์ของนักศึกษา ผู้วิจัยใช้วิธีวิจัยเชิงปริมาณ เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถาม สุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ (stratified random sampling)กลุ่มตัวอย่างนักศึกษาในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงราย จำนวนทั้งหมด 400 คนใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวน (ANOVA) <br />ผลการวิจัยพบว่า 1) นักศึกษามีระดับการรู้เท่าทันสื่อพนันออนไลน์อยู่ในระดับปานกลาง (X= 3.20, S.D.=1.29) โดยอันดับแรกสามารถตีความข้อความที่ชักจูงใจให้เล่นพนันออนไลน์ได้ว่าไม่ควรเชื่อ รองลงมาสามารถแยกแยะได้ว่าเว็บไซต์ใดแฝงโฆษณาการพนันออนไลน์ และ สามารถเปรียบเทียบความจริงและความคิดเห็นว่าโฆษณาพนันออนไลน์ใดผิดกฎหมายหรือไม่ผิดกฎหมาย ตามลำดับ ทั้งนี้ ควรมีการส่งเสริมการเรียนรู้เท่าทันสื่อในกลุ่มนักศึกษา เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของโฆษณาพนันออนไลน์ และ 2) แหล่งที่มาของรายได้ในแต่ละเดือนแตกต่างกันในการรู้เท่าทันโฆษณาพนันออนไลน์แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ</div> <div> </div> <p> </p>
2025-06-21T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการสื่อสารและสื่อบูรณาการ
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/masscomm/article/view/281825
การพัฒนาและประเมินประสิทธิผลสื่อรณรงค์แบบมีส่วนร่วมต่อพฤติกรรมการสูบบุหรี่ของนิสิต: กรณีศึกษามหาวิทยาลัยพะเยา
2024-10-07T14:28:17+07:00
ณปภา สุวรรณรงค์
wiwan.su@up.ac.th
วิวัน สุขเจริญ เกษแก้ว
off.wiwan@gmail.com
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาสื่อรณรงค์ในการป้องกันและเลิกบุหรี่แบบมีส่วนร่วมของนิสิต และ 2) ประเมินประสิทธิผลของสื่อรณรงค์ที่มีต่อพฤติกรรมในการป้องกันและเลิกบุหรี่ของนิสิต อาศัยวิธีวิจัยเชิงผสมผสาน ระหว่างการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมและการสนทนากลุ่มทั้งผู้ที่สูบบุหรี่และไม่สูบบุหรี่จำนวน 30 คน ร่วมกับการวิจัยเชิงทดลองด้วยการวิจัยเชิงสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างที่รับชมหนังสั้นทั้งที่สูบบุหรี่และไม่สูบบุหรี่ จำนวน 64 คน โดยใช้วิธีการรวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถามออนไลน์ ผลการวิจัยพบว่า นิสิตได้เข้ามามีส่วนร่วมในการผลิตหนังสั้น จำนวน 2 เรื่อง จากกลุ่มนิสิตที่มีความรู้ทางด้านการผลิตสื่อและนิสิตทั่วไปที่สนใจส่งผลให้นิสิตได้พัฒนาศักยภาพในการสร้างสรรค์สื่อและมีความรู้เกี่ยวกับบุหรี่เพิ่มขึ้น ส่วนการประเมินประสิทธิผลสื่อหนังสั้นจากการสนทนากลุ่มพบว่า 1) กลุ่มผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ ส่งผลทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจและตอกย้ำถึงเรื่องโทษและพิษภัยของบุหรี่มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ มุมมองยังแตกต่างกันไปตามความชอบ ประสบการณ์ในการดูหนัง และกลุ่มสาขาวิชาที่เรียน 2) กลุ่มผู้สูบบุหรี่ ได้ข้อคิดอยู่บ้างแต่ยังไม่ถึงกับเลิกเนื่องจาก 2 ประเด็นหลักคือ ส่วนใหญ่สูบบุหรี่ไฟฟ้า เนื้อหาจึงไม่เข้าถึงกลุ่มผู้ชม อีกประเด็นอยากเลิกแต่อยู่ในกลุ่มที่คนรอบข้างสูบหรือเวลาไปเที่ยวแล้วยังต้องสูบอยู่ ในส่วนของการวิจัยเชิงทดลอง กลุ่มผู้ที่ไม่สูบบุหรี่และกลุ่มผู้สูบบุหรี่มีทัศนคติที่ตรงกันว่าเนื้อหาเกี่ยวกับความตายและความรัก ส่งผลต่อการป้องกันและเลิกบุหรี่ได้ตามลำดับนอกจากนี้ กลุ่มผู้ที่สูบบุหรี่ยังมีทัศนคติต่อเนื้อหาด้านโรคเกี่ยวกับบุหรี่ ส่งผลต่อพฤติกรรมการเลิกบุหรี่ด้วย และจากการทดสอบสมมติฐานพบว่า กลุ่มผู้สูบบุหรี่และกลุ่มผู้ที่ไม่สูบบุหรี่มีการรับรู้ข้อมูล ทัศนคติก่อนการรับชมหนังสั้นเกี่ยวกับบุหรี่ไม่แตกต่างกัน ด้านทัศนคติของผู้สูบบุหรี่และผู้ที่ไม่ได้สูบบุหรี่หลังรับชมหนังสั้นทั้ง 2 เรื่อง ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 </p>
2025-06-23T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการสื่อสารและสื่อบูรณาการ
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/masscomm/article/view/287517
การรับรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมการตอบสนองที่มีต่อการสื่อสารเนื้อหาเชิญชวนบริจาคทานในพระพุทธศาสนาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ของประชาชนที่ใช้สื่ออินเทอร์เน็ตในแพลตฟอร์ม Facebook
2025-06-12T12:13:42+07:00
จงกล บุญมั่ง
jongkol_b@cmu.ac.th
จิรเวทย์ รักชาติ
jirawate.rugchat@cmu.ac.th
<div> <div>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) เปรียบเทียบลักษณะประชากรศาสตร์กับการรับรู้ ทัศนคติ และการตอบสนองต่อเนื้อหาเชิญชวนบริจาคทานในพระพุทธศาสนาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ 2) เปรียบเทียบการรับรู้การสื่อสารเนื้อหากับทัศนคติที่มีต่อการสื่อสารเนื้อหาเชิญชวนบริจาคทานในพระพุทธศาสนาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ และ 3) ความสัมพันธ์ระหว่างทัศนคติกับพฤติกรรมการตอบสนองต่อการรับรู้การสื่อสารเนื้อหาเชิญชวนบริจาคทานในพระพุทธศาสนาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ แนวคิดและทฤษฎี การรับรู้ ทัศนคติ เครื่องมือที่ใช้แบบสอบถาม จำนวน 400 ฉบับ ด้วยวิธีวิเคราะห์ค่าสถิติ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์สมมติฐาน ANOVA (Analysis Of Variance) การวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณและวิเคราะห์ค่าสหสัมพันธ์ (correlation)</div> <div> </div> <div>ผลการศึกษาพบว่า 1. ผลเปรียบเทียบลักษณะประชากรศาสตร์การรับรู้ ทัศนคติและการตอบสนองต่อเนื้อหาเชิญชวนบริจาคทานในพระพุทธศาสนาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ได้แก่ เพศ อายุ การศึกษา อาชีพ รายได้เฉลี่ยต่อเดือนและภูมิลำเนา แตกต่างกันมีระดับนัยสำคัญ 0.05 2. ผลเปรียบเทียบการรับรู้การสื่อสารเนื้อหากับทัศนคติที่มีต่อการสื่อสารเนื้อหาเชิญชวนบริจาคทานในพระพุทธศาสนาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ อายุ อาชีพ ภูมิลำเนา รายได้ต่อเดือน จะมีพฤติกรรมการบริจาคทานผ่านสื่อสังคมออนไลน์ แตกต่างกันมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 3. ทัศนคติที่มีต่อการสื่อสารเนื้อหาเชิญชวนบริจาคทานในพระพุทธศาสนาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการตอบสนองต่อการรับรู้การสื่อสารเนื้อหาเชิญชวนบริจาคทานในพระพุทธศาสนาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ มีความสัมพันธ์กันอย่างมีระดับนัยสำคัญ 0.05 ข้อค้นพบที่ได้จากงานวิจัยสื่อออนไลน์สามารถเป็นช่องทางในการกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมที่สอดคล้องกับหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ </div> <p> </p> </div>
2025-06-23T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการสื่อสารและสื่อบูรณาการ
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/masscomm/article/view/282739
News Reporting Process of Xinhua News Agency a Case Study Beijing Xinhua
2024-11-08T13:35:27+07:00
Wang Hui
p_supanna@hotmail.com
Supanna Phatarametravorakul
p_supanna@hotmail.com
<div>The purpose of this research was: (1) to explore the concept and policy of reporting news by Xinhua News Agency, (2) to study the process of reporting news by Xinhua News Agency, and (3) to identify approaches for the development of news reporting by Xinhua News Agency. Data were analyzed using the Theory of Communication, News Reporting Theory, Gatekeeping Theory, Agenda Setting Theory, concepts of News Reporting, and The Role and Functions of the Media in Communist Governance as the analytical framework.</div> <div>The research methodology employed was qualitative research. Through in-depth interviews, the key informants were chosen using purposive sampling, consisting of three groups totaling 16 individuals directly involved with Xinhua News Agency: 1 director, 1 news leader, 3 editors-in-chief, 5 journalists, 4 individuals responsible for news production, and 2 academic experts on news reporting. The research instruments included structured in-depth interviews and data analysis to generate conclusions.</div> <div>The research findings revealed that: (1) the communication concept and policy of Xinhua News Agency serve the propaganda of the Party and the State by conveying the voice of the Party and the State through authoritative and timely news reports and promoting a comprehensive understanding of China locally and globally, (2) the news reporting process of Xinhua News Agency involves reporters collecting relevant news information, which is investigated by the government and the Propaganda Department of the Communist Party of China Central Committee, with general news being screened by editors and executives before dissemination to digital media platforms and traditional media channels, including TV, radio, and print media worldwide, and (3) approaches for development include using artificial intelligence to analyze news information and disseminate it to recipients in the digital era worldwide.</div> <p> </p>
2025-06-30T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการสื่อสารและสื่อบูรณาการ
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/masscomm/article/view/276087
การใช้ประโยชน์จากเนื้อหารายการข่าวและความพึงพอใจของผู้ฟังรายการ "ห้องข่าว FM100" สถานีวิทยุเสียงสื่อสารมวลชน เอฟเอ็ม 100 เมกะเฮิรตซ์
2025-05-19T09:39:32+07:00
ปาริสสา กาญจนกุล
parissa.kan@cmu.ac.th
สุณิสา เมืองแก้ว
parissa.kan@cmu.ac.th
อลิชา ตรีโรจนานนท์
parissa.kan@cmu.ac.th
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินการใช้ประโยชน์จากรายการ“ห้องข่าว FM100” และความพึงพอใจต่อรูปแบบและเนื้อหารายการ ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุเสียงสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คลื่นความถี่ เอฟเอ็ม 100 เมกะเฮิรตซ์ ผู้วิจัยเลือกใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมผสาน (mixed method research) โดยใช้แบบสอบถามออนไลน์เป็นเครื่องมือเก็บข้อมูลเชิงปริมาณจากผู้ฟังรายการจำนวน 100 คน และใช้การสัมภาษณ์แบบเจาะจงร่วมกับการสัมภาษณ์เชิงลึก (in-depth interview) เพื่อขยายความเข้าใจในประเด็นสำคัญและสะท้อนความคิดเห็นเชิงคุณภาพของผู้ฟัง ผลการวิจัยพบว่า ผู้ฟังใช้รายการเพื่อติดตามข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในชุมชนและนโยบายภาครัฐ ใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจในชีวิตประจำวัน รวมถึงการสื่อสารข้อมูลจากหน่วยงานของตนให้ประชาชนรับรู้ ส่วนหนึ่งยังใช้รายการเพื่อแสวงหาความรู้และเชื่อมโยงกับข่าวสารที่สะท้อนประเด็นร่วมสมัย สำหรับความพึงพอใจ พบว่าผู้ฟังส่วนใหญ่พึงพอใจต่อความสามารถของผู้ดำเนินรายการในการสรุปประเด็นข่าว รองลงมาคือเวลาออกอากาศและเนื้อหาที่ครอบคลุมประเด็นหลากหลายตามลำดับ การวิเคราะห์เนื้อหารายการที่ออกอากาศระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคม พ.ศ. 2564 จำนวน 254 ตอน พบว่า ประเด็นที่นำเสนอบ่อยที่สุดคือ ด้านสุขภาพและสาธารณสุข รองลงมาคือด้านสังคม การเมือง เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และการศึกษาและงานวิจัยผู้ฟังบางส่วนเสนอแนะให้เพิ่มช่วงเวลาออกอากาศ เพิ่มช่องทางการเผยแพร่และพัฒนาเนื้อหาให้ทันสมัย หลากหลายและใกล้ชิดกับความเป็นจริงของชุมชนมากยิ่งขึ้น ผลการวิจัยครั้งนี้มีคุณูปการต่อการพัฒนารายการข่าววิทยุในระดับท้องถิ่น โดยเฉพาะรายการที่จัดโดยสถานศึกษาซึ่งมีบทบาทเป็น “วิทยุสถาบันการศึกษา” ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ การมีส่วนร่วมและการสื่อสารสาธารณะอย่างสร้างสรรค์ อันจะนำไปสู่การยกระดับคุณภาพรายการและเพิ่มแรงจูงใจในการรับฟังอย่างต่อเนื่องในระยะยาว</p>
2025-06-25T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการสื่อสารและสื่อบูรณาการ
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/masscomm/article/view/285619
การศึกษาความรู้สึกถวิลหาอดีต และปัจจัยทางการตลาดที่ส่งผลต่อความจงรักภักดีต่อศิลปิน NewJeans
2025-02-10T12:55:46+07:00
ชาชิญา จิเณราวัตถ์
littlechachiya@gmail.com
บุหงา ชัยสุวรรณ
littlechachiya@gmail.com
<div>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความรู้สึกถวิลหาอดีต (nostalgia) และปัจจัยทางการตลาดที่เกี่ยวข้องที่ส่งผลต่อความจงรักภักดีต่อศิลปิน NewJeans วงเกิร์ลกรุ๊ปจากประเทศเกาหลีใต้ถือเป็นวงที่ได้รับการยอมรับและประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นทั้งในด้านแนวเพลงที่มีความละมุน ฟังง่ายและติดหู ตลอดจนภาพลักษณ์ที่สะท้อนความเป็นเด็กสาวในสไตล์ Y2K โดยใช้การวิจัยแบบผสานวิธี (mixed methods research) เชิงคุณภาพแบ่งเป็น 2 ส่วน 1) การวิเคราะห์เนื้อหา โดยเก็บข้อมูลในสื่อออนไลน์ YouTube และ เว็บไซต์ Hadzy จากการแสดงความคิดเห็นต่อเพลง 3 เพลง ได้แก่ Ditto Super Shy และ Bubble Gum โดยเก็บข้อมูลตั้งแต่วันเผยแพร่มิวสิกวิดีโอ (MV) เพลง ตั้งแต่ ค.ศ. 2022 - 2024 2) การสัมภาษณ์เชิงลึก โดยเก็บข้อมูลจากกลุ่มผู้ที่ติดตามศิลปินซึ่งเป็นกลุ่มที่อยู่ในยุคปี 2000 จำนวน 5 คน และเก็บข้อมูลเชิงปริมาณด้วยการสำรวจโดยใช้แบบสอบถามออนไลน์ เป็นเครื่องมือการเก็บข้อมูลกลุ่มตัวอย่างผู้ติดตามศิลปิน NewJeans จำนวน 170 คน ที่มีอายุระหว่าง 25 - 55 ปี ผลการศึกษาพบว่า ทำนองและเนื้อหาของเพลงใน MV ของศิลปิน NewJeans สื่อให้คนผู้ที่ได้รับชมและรับฟังมีความคิดถึงและความทรงจำเก่า ๆ ในอดีต ช่วยกระตุ้นความรู้สึกของผู้ชมให้อยากย้อนเวลากลับไปในยุค Y2K ฟังแล้วเพลิดเพลิน ชวนร้องตาม และสร้างแรงจูงใจให้ติดตามและสนับสนุนต่อไป นอกจากนี้ยังพบว่าปัจจัยด้านความจงรักภักดีต่อแบรนด์มีค่าเฉลี่ยสูงสุดที่ 4.65 รองลงมาคือ ปัจจัยด้านความผูกพันต่อแบรนด์ที่มีค่าเฉลี่ย 4.39 ตามด้วยปัจจัยด้านการตลาดเชิงประสบการณ์ที่มีค่าเฉลี่ย 4.18 ขณะที่ปัจจัยด้านความเชื่อมโยงระหว่างผู้บริโภคกับแบรนด์อยู่ที่ 3.73 และปัจจัยด้านการถวิลหาอดีตมีค่าเฉลี่ย 3.51 ตามลำดับ ผลสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างการตลาดเชิงประสบการณ์ ความผูกพันต่อแบรนด์ ความเชื่อมโยงระหว่างตัวผู้บริโภคกับแบรนด์ ส่งผลเชิงบวกต่อการถวิลหาอดีตระดับสูงที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.01 และผลการทดสอบสมมติฐานพบว่าการตลาดเชิงประสบการณ์ความผูกพันต่อแบรนด์ ความเชื่อมโยงระหว่างตัวผู้บริโภคกับแบรนด์ และความรู้สึกการถวิลหาอดีต (nostalgia) ส่งผลต่อความจงรักภักดีต่อแบรนด์ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ .001 </div> <div> </div> <p> </p>
2025-06-25T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการสื่อสารและสื่อบูรณาการ
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/masscomm/article/view/285484
คุณลักษณะของนักแอนิเมชันไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ
2025-03-11T10:39:25+07:00
วาทิต พรมมิ
mwatit@gmail.com
อภิเชฐ กำภู ณ อยุธยา
mwatit@gmail.com
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาคุณลักษณะของนักแอนิเมชันไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ โดยมุ่งวิเคราะห์ทักษะเฉพาะทาง (hard skills) และทักษะทางสังคมและอารมณ์ (soft skills) ที่ส่งผลต่อความสำเร็จในอุตสาหกรรมแอนิเมชันระดับโลก การวิจัยใช้ระเบียบวิธีเชิงคุณภาพ โดยเก็บข้อมูลจากการสัมภาษณ์เชิงลึกนักแอนิเมชันไทยจำนวน 5 คนที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ เครื่องมือวิจัยเป็นแบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง ซึ่งพัฒนาจากการทบทวนวรรณกรรมและผ่านการตรวจสอบความน่าเชื่อถือโดยผู้เชี่ยวชาญ ผลการวิจัยพบว่า นักแอนิเมชันไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติมักมีการพัฒนาทักษะด้านศิลปะอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วัยเด็ก โดยได้รับแรงบันดาลใจจากการ์ตูนและเกม จากนั้นจึงศึกษาต่อในสาขาที่เกี่ยวข้องกับแอนิเมชันในช่วงวัยเรียน และเสริมสร้าประสบการณ์ผ่านการฝึกงาน การเข้าร่วมโครงการพัฒนาทักษะ และการทำงานในสภาพแวดล้อมระดับมืออาชีพ ในด้านทักษะเฉพาะทางที่สำคัญ ได้แก่ การใช้โปรแกรมแอนิเมชันและเครื่องมือเสริม ความเข้าใจหลักการพื้นฐานของแอนิเมชัน กระบวนการสร้างงานแอนิเมชัน กลไกการเคลื่อนไหวของร่างกาย การแสดงในงานแอนิเมชัน การวิเคราะห์การเคลื่อนไหวในงานแอนิเมชัน และ<br />การมีเซนส์ทางศิลปะในงานแอนิเมชัน สำหรับทักษะทางสังคมและอารมณ์ที่โดดเด่น ได้แก่ การปรับตัว การทำงานเป็นทีม การสื่อสาร ความคิดสร้างสรรค์การแก้ปัญหา การคิดเชิงวิพากษ์ ความคิดแบบเติบโต การเข้าสังคม ความยืดหยุ่นทางความคิดและการเรียนรู้ตลอดชีวิต ล้วนมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาทักษะเฉพาะทางและการทำงานร่วมกับทีมระดับนานาชาติ นอกจากนี้ การสร้างเครือข่ายผ่านการเข้าร่วมกิจกรรมระดับนานาชาติ เช่น การประชุมวิชาการและนิทรรศการด้านคอมพิวเตอร์กราฟิกและแอนิเมชัน ตลอดจนการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับศิลปินดิจิทัล เช่น LinkedIn และ ArtStation มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มโอกาสและสร้างการยอมรับในระดับโลก</p>
2025-06-25T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการสื่อสารและสื่อบูรณาการ
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/masscomm/article/view/285468
การจัดระเบียบสื่อบันเทิงกับกลุ่มแฟนคลับและศิลปินจีนด้วยมาตรการชิงหล่าง กับปทัสถานและความสัมพันธ์ทางสังคมในจีนคอมมิวนิสต์
2025-03-31T10:03:13+07:00
นันทพร ผลอนันต์
namwan319@gmail.com
จิรภัทร กิตติวรากูล
Jirapat11@gmail.com
<p> สังคมคอมมิวนิสต์จีนมีระบบการเมืองการปกครองแบบเผด็จการตามทฤษฎีอำนาจนิยม มีการควบคุมและใช้สื่อเพื่อเป็นเครื่องมือของทางการในการรักษาอุดมการณ์ทางการเมือง การสืบทอดวัฒนธรรมแบบดั้งเดิม และความพยายามในการสร้างสภาพแวดล้อมสื่อที่ดี การควบคุมและใช้สื่อดังกล่าวหมายรวมไปถึงสื่อบันเทิงด้วยเช่นกัน จากที่กล่าวมา ทางการจีนจึงได้มีการออก “มาตรการชิงหล่าง” เพื่อใช้เป็นเครื่องมือหนึ่งในการควบคุมสตูดิโอต้นสังกัดของศิลปิน และบรรดาแฟนคลับของศิลปิน เพื่อให้อยู่ในกรอบความประพฤติที่เหมาะสม <br /> บทความนี้แบ่งการวิเคราะห์เนื้อหาออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการใช้ทฤษฎีบรรทัดฐานของสื่อมวลชน (normative theories of media) ในการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของสื่อที่เกี่ยวข้องกับเหล่าแฟนคลับศิลปินจีน กับบรรทัดฐานของสาธารณรัฐประชาชนจีนที่มีระบบการเมืองการปกครองแบบเผด็จการตามทฤษฎีอำนาจนิยม ซึ่งการวิเคราะห์แสดงให้เห็นถึงอุดมการณ์ของคอมมิวนิสต์จีนที่เน้นบรรทัดฐานด้านความเท่าเทียม ด้านการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมาก่อนส่วนตนและด้านการต่อต้านระบบทุนนิยม โดยการล้มล้างทุกกิจกรรมที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ขจัดทุกความเสี่ยงที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งและห้ามกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายเกินจำเป็น</p> <p> ในส่วนที่สองของบทความเป็นการวิเคราะห์โครงสร้างและหน้าที่ทางสังคมของกลุ่มแฟนคลับของศิลปินจีนโดยใช้ทฤษฎีวิพากษ์แนวคิดอำนาจเหนือ (hegemony) การวิเคราะห์แสดงให้เห็นถึงโครงสร้างทางสังคมและความสัมพันธ์ระหว่างทางการจีนที่เป็นชนชั้นปกครอง ใช้อำนาจเหนือในการประกาศใช้มาตรการชิงหล่างเพื่อควบคุมสตูดิโอหรือค่ายต้นสังกัดของศิลปิน ศิลปิน รวมถึงประชาชนที่เป็นแฟนคลับให้อยู่ในกรอบเกณฑ์ที่ประเทศชาติต้องการ และวิเคราะห์ด้วยทฤษฎีโครงสร้างหน้าที่นิยม โดยเน้นวิเคราะห์เฉพาะกรอบหน้าที่ในด้าน “การถ่ายทอดมรดกทางสังคมจากคนรุ่นหนึ่งไปยังคนรุ่นหลัง” การวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่า ศิลปินและสื่อบันเทิงไม่ได้เป็นเครื่องจรรโลงใจของกลุ่มแฟนคลับเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือของทางการจีนในการรักษาอุดมการณ์ทางการเมือง การสืบทอดวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมและความพยายามในการสร้างสภาพแวดล้อมสื่อที่ดีอีกด้วย</p>
2025-06-25T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการสื่อสารและสื่อบูรณาการ