วารสารศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts
<p> วารสารศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (Journal of Liberal Arts, Thammasat University) เป็นวารสารทางวิชาการที่มีกระบวนการประเมินคุณภาพบทความจากผู้ทรงคุณวุฒิในสาขานั้นหรือสาขาที่เกี่ยวข้องอย่างน้อย 3 คน ซึ่งผู้พิจารณาไม่ทราบชื่อผู้แต่ง และผู้แต่งไม่ทราบชื่อผู้พิจารณา (double blinded peer-reviews) จัดพิมพ์ขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้และผลการศึกษา การค้นคว้าใหม่ๆ ทฤษฎี การวิจัย วิธีวิทยา และแนวคิดในสาขาสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ ได้แก่ ภาษา วรรณกรรม ภาษาศาสตร์ ปรัชญา การศึกษา ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ บรรณารักษศาสตร์ จิตวิทยา มานุษยวิทยาและสังคมศาสตร์ เปิดรับบทความที่เขียนด้วยภาษาไทย ภาษาอังกฤษหรือภาษาต่างประเทศอื่นๆ โดยอาจจะอยู่ในรูปแบบบทความวิชาการ บทความวิจัย บทความปริทัศน์ หรือบทวิจารณ์หนังสือ</p> <p> วารสารศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กำหนดออกปีละ 3 ฉบับ คือ ฉบับแรก เดือนมกราคม - เมษายน ฉบับที่ 2 เดือนพฤษภาคม - สิงหาคม และฉบับที่ 3 เดือนกันยายน - ธันวาคม ทั้งนี้ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2562 เป็นต้นไปเปลี่ยนแปลงรูปแบบตีพิมพ์ให้เหลือเพียงรูปแบบเดียวคือการตีพิมพ์ออนไลน์เท่านั้น</p>th-THjournal@arts.tu.ac.th (Editorial Team)journal@arts.tu.ac.th (Ms.Ratthanan Vijitkrittapong)Fri, 25 Apr 2025 22:21:55 +0700OJS 3.3.0.8http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss60“เสียง” ในประกาศคณะราษฎร ฉบับที่ 1 : วรรณศิลป์เพื่อการปฏิวัติ
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/281429
<p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออ่านใหม่<em>ประกาศคณะราษฎร ฉบับที่ </em><em>1</em> ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ด้วยมุมมองวรรณกรรมศึกษาผ่านทฤษฎีศาสตร์แห่งการเล่าเรื่อง (Narratology) ด้วยกรอบการพิจารณาดังกล่าว <em>ประกาศคณะราษฎร </em><em>ฉบับที่ 1</em> ไม่ได้เป็นเพียงหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญในช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมืองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย แต่ยังถือเป็นตัวบทที่มีลักษณะทางวรรณกรรม คือมีกลวิธีทางวรรณศิลป์เพื่อสื่อสารความคิดสำคัญ ผู้ประพันธ์ใช้เสียงเล่าที่แตกต่างกันในประกาศ ได้แก่ เสียงของผู้โค่นล้ม และเสียงของวีรบุรุษ การใช้เสียงดังกล่าวเป็นไปเพื่อให้ข้อเขียนนี้มีอานุภาพมากพอที่จะเร่งเร้าปฏิกิริยาทางอารมณ์จากคนกลุ่มต่าง ๆ ได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งกษัตริย์และชนชั้นปกครองอันจะช่วยทำให้การยึดอำนาจบรรลุผลสำเร็จ การอ่าน<em>ประกาศคณะราษฎร ฉบับที่ </em><em>1</em> ด้วยมุมมองนี้นำไปสู่ความเข้าใจว่า เสียงเล่าใน<em>ประกาศคณะราษฎร ฉบับที่ </em><em>1 </em>เป็นการสร้างบุคลิกขึ้นมาเพื่อใช้ประโยชน์เฉพาะกิจ มิได้เป็นเสียงจริงของผู้ประพันธ์หรือเสียงร่วมของทั้งคณะราษฎร ดังนั้นเสียงของผู้เล่ากับตัวผู้ประพันธ์จึงเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาแยกกัน</p>ธีธัช สุเมธสวัสดิ์
Copyright (c) 2025
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/281429Fri, 25 Apr 2025 00:00:00 +0700ภูมิปัญญาการดำรงชีวิตภายหลังภัยพิบัติ : กรณีศึกษาการปรับตัวทางวัฒนธรรมของผู้อพยพชาวจีนยุคก่อนในประเทศไทยจากภาพยนตร์ Wonderful Town
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/283792
<p>ภาพยนตร์ไทยเรื่อง<em> Wonderful Town</em> บอกเล่าเรื่องราวความรักและภัยพิบัติที่เกิดขึ้น ณ เมืองเล็ก ๆ ริมชายฝั่งทะเลอันดามันที่เงียบสงบ ภายหลังเหตุการณ์สึนามิพัดถล่ม ในบ้านเมืองที่บอบช้ำ ผู้คนกำลังฟื้นตัวอย่างช้า ๆ หลังได้รับผลกระทบทั้งทางร่างกายและจิตใจ “ต้น” สถาปนิกหนุ่มจากกรุงเทพฯ ได้พบรักกับ “นา” หญิงสาวท้องถิ่น พวกเขาได้สร้างประสบการณ์มหัศจรรย์ร่วมกันที่นี่ แม้ความรักของพวกเขาจะไม่สมหวัง แต่ชีวิตก็ยังคงดำเนินต่อไปอย่างกล้าหาญ เหมือนเช่นชาวบ้านทั่วไปที่ปรับตัวและเริ่มชีวิตใหม่หลังจากสึนามิผ่านไป ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานพลวัตทางวัฒนธรรมจีนที่หลากหลาย ซึ่งสะท้อนการปรับตัวของผู้อพยพย้ายถิ่นฐานของชาวจีนมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในยุคแรก การต้องเผชิญกับความท้าทายของภัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่สยาม ทำให้พวกเขาเกิดการยอมรับเอาปรัชญาการดำเนินชีวิตแบบไทย รวมทั้งแนวคิดนวยุคนิยม “ทางสายกลาง” ที่ได้รับการส่งเสริมตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20</p>เซิ่งหยาง อู๋, เสี่ยวฉิง ไหม่
Copyright (c) 2025
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/283792Fri, 25 Apr 2025 00:00:00 +0700สามเรื่องทุกข์ใจในวัยรุ่น
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/281454
<p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสรุปและให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า (Depressive disorder) ในเด็กและวัยรุ่น โรคออทิสติกสเปกตรัม (ASD) และความทุกข์ใจจากเพศสภาพและเพศที่ไม่สอดคล้อง (Gender Dysphoria and Gender Incongruence) ซึ่งทั้ง 3 โรคนี้ล้วนแล้วแต่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มการวินิจฉัยโรคทางจิตเวชทั้งสิ้น โดยโรคซึมเศร้าเป็นความผิดปกติทางอารมณ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงวัย ผู้ป่วยมักแสดงอารมณ์เศร้าและสูญเสียความสนใจในกิจกรรมต่าง ๆ การรักษามีทั้งการใช้ยาและการทำจิตบำบัด โรคออทิสติกสเปกตรัมเป็นความผิดปกติทางการพัฒนาของสมองที่ส่งผลต่อความสามารถในการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ผู้ป่วยมักมีพฤติกรรมและความสนใจจำกัด การรักษารวมถึงการบำบัดพฤติกรรมและการใช้ยา สำหรับความทุกข์ใจจากเพศสภาพนั้น เกิดขึ้นเมื่อมีความไม่ตรงกันระหว่างเพศกำเนิดและอัตลักษณ์ทางเพศ การวินิจฉัยในปัจจุบันใช้เกณฑ์ที่ลดการตีตราและเน้นที่การสนับสนุนทางจิตใจและสังคม ผลการศึกษาเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการเข้าใจและให้การดูแลที่เหมาะสมแก่เด็กและวัยรุ่นที่เผชิญกับปัญหาเหล่านี้อย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ</p>รังสรรค์ โฉมยา, กรรณิกา พันธ์ศรี, ภมรพรรณ์ ยุระยาตร์, ลักขณา สริวัฒน์, อารยา ปิยะกุล, วิภาณี สุขเอิบ, ดุษฎี เล็บขาว, ศุภชัย ตู้กลาง, บวรพจน์ ชมภูนุช, วิลาสินี ฝนดี
Copyright (c) 2025
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/281454Fri, 25 Apr 2025 00:00:00 +0700เกี่ยวกับวารสาร
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/288681
<p>-</p>กองบรรณาธิการ วารสารศิลปศาสตร์
Copyright (c) 2025
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/288681Fri, 25 Apr 2025 00:00:00 +0700กองบรรณาธิการ
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/288682
กองบรรณาธิการ วารสารศิลปศาสตร์
Copyright (c) 2025
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/288682Fri, 25 Apr 2025 00:00:00 +0700สารบัญ
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/288683
กองบรรณาธิการ วารสารศิลปศาสตร์
Copyright (c) 2025
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/288683Fri, 25 Apr 2025 00:00:00 +0700การศึกษาเปรียบเทียบการเลือกใช้รูปสระเสียงสั้นและรูปสระเสียงยาวของคำทับศัพท์ภาษาฝรั่งเศสในนวนิยายแปลเป็นภาษาไทยกับหลักเกณฑ์การทับศัพท์ภาษาฝรั่งเศส ฉบับราชบัณฑิตยสถานปี พ.ศ. 2554
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/280946
<p><em>หลักเกณฑ์การทับศัพท์คำภาษาฝรั่งเศส</em> ฉบับราชบัณฑิตยสถานมีความสลับซับซ้อนอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเลือกใช้รูปสระเสียงสั้นหรือสระเสียงยาวของภาษาไทยในการทับศัพท์นั้นต้องขึ้นอยู่กับโครงสร้างของพยางค์และเสียงพยัญชนะสะกดของคำภาษาฝรั่งเศส การเลือกใช้รูปสระจึงจำเป็นต้องอาศัยความรู้ทางด้านสัทศาสตร์และสัทวิทยา งานวิจัยชิ้นนี้เน้นศึกษาเปรียบเทียบคำทับศัพท์ในงานวรรณกรรมแปลกับหลักเกณฑ์การทับศัพท์ของราชบัณฑิตยสถานโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างการใช้สระเสียงสั้นและสระเสียงยาวของคำทับศัพท์ในงานแปลและหลักเกณฑ์ของราชบัณฑิตยสถาน และผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าความยุ่งยากของหลักเกณฑ์ดังกล่าวอาจเป็นอุปสรรคสำคัญที่จะนำไปใช้เป็นแนวทางปฏิบัติ นักแปลจึงน่าจะยังคงทับศัพท์ตามการเปล่งเสียงของตน การเลือกใช้รูปสระเสียงสั้นหรือรูปสระเสียงยาวมักขึ้นอยู่กับตำแหน่งเน้นเสียงหรือไม่เน้นเสียง คำทับศัพท์ในงานแปลจึงยังมีรูปแบบที่แตกต่างจากหลักเกณฑ์การทับศัพท์ของราชบัณฑิตยสถาน</p>สัญชัย สุลักษณานนท์
Copyright (c) 2025
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/280946Fri, 25 Apr 2025 00:00:00 +0700การสำรวจภูมิทัศน์งานวิจัยด้านภาษาญี่ปุ่นในประเทศไทย
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/280243
<p>บทความนี้สำรวจภูมิทัศน์งานวิจัยด้านภาษาญี่ปุ่น การเรียนการสอนภาษาญี่ปุ่น และการแปลภาษาญี่ปุ่นในประเทศไทย โดยวิเคราะห์บทความที่ตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารวิชาการในประเทศไทยในช่วง ค.ศ. 1994-2022 รวม 528 รายการ คณะผู้วิจัยได้จำแนกตามสาขาวิชา หัวข้อวิจัย หัวข้อวิจัยย่อย และระเบียบวิธีการวิจัย จากนั้นทำการวิเคราะห์ในเชิงปริมาณและคุณภาพ โดยภาพรวม งานวิจัยในประเทศไทยมีแนวโน้มเป็นงานวิจัยเชิงประยุกต์ เพื่อตอบโจทย์หรือประยุกต์ใช้กับชั้นเรียนหรือการจัดการเรียนการสอนในพื้นที่ ส่งผลให้หัวข้อวิจัยและระเบียบวิธีการวิจัยขาดความหลากหลาย แต่ก็พบแนวโน้มปรับเปลี่ยนไปสู่งานวิจัยที่มุ่งสร้างองค์ความรู้ด้านภาษาญี่ปุ่นหรือการใช้ระเบียบวิธีการวิจัยที่มีความเป็นภววิสัยสูงขึ้นเช่นกัน</p>สมเกียรติ เชวงกิจวณิช, กนกวรรณ เลาหบูรณะกิจ คะตะกิริ
Copyright (c) 2025
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/280243Fri, 25 Apr 2025 00:00:00 +0700กลวิธีความไม่สุภาพในข้อความกลั่นแกล้งบนสื่อสังคมออนไลน์ภาษาไทย
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/281707
<p>การกลั่นแกล้งบนสื่อสังคมออนไลน์เป็นปรากฏการณ์ทางสังคมที่ได้รับความสนใจจากนักวิชาการในหลากหลายศาสตร์ อย่างไรก็ตาม การศึกษาในมุมมองทางภาษาศาสตร์ยังมีอยู่อย่างจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของสังคมไทย งานวิจัยนี้จึงมุ่งศึกษารูปแบบและกลวิธีทางภาษาที่ใช้ในการกลั่นแกล้งบนสื่อสังคมออนไลน์ภาษาไทย โดยเก็บข้อมูลจากข้อความแสดงความคิดเห็นใต้ตัวบทข่าว 35 ตัวบท บนเพจเฟซบุ๊ก “อีจัน” ระหว่างปี พ.ศ. 2564-2566 ตามกรอบเงื่อนไขวัจนกรรมการกลั่นแกล้ง แล้วนำมาวิเคราะห์ตามแนวคิดความไม่สุภาพ ผลการศึกษาพบการใช้กลวิธีแสดงความไม่สุภาพทั้งโดยตรง ได้แก่ 1) การใช้คำที่มีความหมายทางลบ 2) การแบ่งพวก 3) การแสดงอารมณ์ความรู้สึก และกลวิธีแสดงความไม่สุภาพโดยอ้อม ได้แก่ 1) การใช้ความเปรียบ 2) การใช้ถ้อยคำนัยผกผัน 3) การตั้งฉายานาม 4) การออกตัว 5) การละถ้อยคำ งานวิจัยนี้ช่วยให้คำนิยามเกี่ยวกับการกลั่นแกล้งบนสื่อสังคมออนไลน์มีความชัดเจนมากขึ้น และสร้างความตระหนักรู้ในการใช้ภาษาบนสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งจะนำไปสู่การใช้ภาษาอย่างสร้างสรรค์และเคารพผู้อื่นมากขึ้นในอนาคต</p>ประภัสสร สีหรักษ์, อำนาจ ปักษาสุข, อนุชิต ตู้มณีจินดา
Copyright (c) 2025
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/281707Fri, 25 Apr 2025 00:00:00 +0700ยิ่งคุยยิ่งสนิท : อิทธิพลของชุดคำถามสร้างความใกล้ชิดต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/281069
<p>การสนทนาเป็นเครื่องมือหนึ่งที่มนุษย์ใช้ในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล งานวิจัยกึ่งทดลองนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงอิทธิพลของชุดคำถามสร้างความใกล้ชิดต่อความสนิทสนม อาสาสมัครซึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกสนทนากันด้วยชุดคำถามสร้างความใกล้ชิด และกลุ่มที่สองสนทนาด้วยชุดคำถามคุยเล่น ทั้งสองกลุ่มประเมินระดับความใกล้ชิดทางความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรม ผลปรากฏว่า ชุดคำถามสร้างความใกล้ชิดสามารถเพิ่มความใกล้ชิดทางความคิดและพฤติกรรมได้มากกว่าชุดคำถามคุยเล่น แต่ไม่มีผลต่อความรู้สึกใกล้ชิด</p>โมนิล เตชะวชิรกุล, บุรชัย อัศวทวีบุญ
Copyright (c) 2025
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/281069Fri, 25 Apr 2025 00:00:00 +0700สัญญะวัฒนธรรมกับการนำเสนอภาพแทนผู้หญิงจีนในนวนิยายรักแนวจีนโบราณที่ประพันธ์โดยนักเขียนไทย
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/282342
<p>การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์สัญญะวัฒนธรรมและการนำเสนอภาพแทนผู้หญิงจีนในนวนิยายรักแนวจีนโบราณที่ประพันธ์โดยนักเขียนไทย โดยศึกษาวิเคราะห์นวนิยายรักแนวจีนโบราณจากเว็บไซต์ Meb จำนวน 11 เรื่อง 12 เล่ม และวิเคราะห์สัญญะที่สัมพันธ์กับตัวละครเอกหญิงเป็นตัวแทน เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพโดยพิจารณาด้านเนื้อหาของเรื่องและนำเสนอผลการวิจัยแบบพรรณนาวิเคราะห์ ผลการวิจัยพบว่า ในนวนิยายรักแนวจีนโบราณที่ศึกษาได้ปรากฏสัญญะวัฒนธรรมมีทั้งหมด 4 หมวด ได้แก่ 1) สัญญะวัฒนธรรมหมวดวัตถุธรรมชาติ ทำให้เห็นภาพแทนความสวยงาม ความเข้มแข็ง ความเด็ดเดี่ยว ความบริสุทธิ์ และความเจ้าเล่ห์ของผู้หญิงจีน 2) สัญญะวัฒนธรรมหมวดวัตถุที่มนุษย์สร้าง สื่อให้เห็นภาพแทนความสวยงาม มีฐานะสูง ไม่มีอิสระ และอ่อนแอของผู้หญิงจีน หมวดสถานที่ สื่อให้เห็นถึงภาพแทนผู้หญิงจีนเป็นคนที่มีชาติกำเนิดสูง แต่เป็นคนถูกกดขี่ อยู่ใต้กฎระเบียบและอำนาจ มีความศรัทธาในเทพเจ้าและยังสื่อให้เห็นถึงสติปัญญา ความเป็นตัวของตัวเองของผู้หญิงจีน 3) สัญญะวัฒนธรรมหมวดพฤติกรรมทางสังคมสื่อให้เห็นถึงผู้หญิงจีนมีความกล้าหาญ เป็นตัวของตัวเอง มีความเมตตา มีการแบ่งชนชั้น และอยู่ใต้อำนาจของผู้ชาย และ 4) สัญญะวัฒนธรรมหมวดความเชื่อ เป็นสัญญะที่สื่อถึงภาพแทนผู้หญิงจีนมีความศรัทธาเพื่อทำให้จิตใจสงบสุข ผลงานวิจัยนี้สะท้อนให้เห็นความเข้าใจทางวัฒนธรรมของนักเขียนชาวไทยที่มีต่อวัฒนธรรมจีนมีความถูกต้อง ทำให้นวนิยายรักแนวจีนโบราณมีความสมจริง และมีคุณค่ายิ่งขึ้น</p>จั๋ย หยูนเหมย, จันทร์สุดา ไชยประเสริฐ
Copyright (c) 2025
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/282342Fri, 25 Apr 2025 00:00:00 +0700การก้าวพ้นสภาวะสัจนิยมอินเตอร์เฟซ : การวิพากษ์ระบบทุนนิยมแพลตฟอร์มผ่านอินเตอร์เฟซวิจารณ์
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/283853
<p>บทความวิจัยนี้ศึกษากระบวนการวิพากษ์ระบบทุนนิยมแพลตฟอร์ม (platform capitalism) ตามแนวคิดของนิค เซอร์นิเซค (Nick Srnicek) โดยใช้ระเบียบวิธีอินเตอร์เฟซวิจารณ์ (interface criticism) เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราสามารถก้าวข้ามสภาวะสัจนิยมอินเตอร์เฟซ (interface realism) ผ่านวัฒนธรรมการอ่านได้อย่างไร ปัจจุบันแพลตฟอร์มไม่เพียงกลายเป็นคำศัพท์ทั่วไป แต่ยังควบคุมพฤติกรรมผู้ใช้ในระบบบริโภคนิยม จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของความจริง (reality) ของผู้ใช้ การออกแบบอินเตอร์เฟซเป็นสื่อกลางสำคัญที่เชื่อมโยงแพลตฟอร์ม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผู้ใช้ และการบริโภคให้หลอมรวมกัน การวิจารณ์อินเตอร์เฟซโดยมององค์ประกอบการออกแบบเป็นตัวบท เช่น นวนิยายอย่าง <em>House of Leaves</em> หรือแอปพลิเคชันสื่อโซเซียล เป็นวิธีสำคัญที่ช่วยสร้างความเป็นไปได้ในการก้าวพ้นสภาวะสัจนิยมอินเตอร์เฟซ</p>เมธาวี โหละสุต
Copyright (c) 2025
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/283853Fri, 25 Apr 2025 00:00:00 +0700ภาพลักษณ์ความเป็นไทยในภาพยนตร์รักแนวท่องเที่ยวของไทย
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/281328
<p>งานวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 2 ข้อ คือ 1) เพื่อศึกษาภาพลักษณ์ความเป็นไทยในภาพยนตร์รักแนวท่องเที่ยวของไทย และ 2) เพื่อศึกษากลวิธี การนำเสนอภาพลักษณ์ความเป็นไทยในภาพยนตร์รักแนวท่องเที่ยวของไทย ใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) และเสนอผลการวิจัยแบบพรรณนาวิเคราะห์ โดยศึกษาภาพยนตร์ 11 เรื่อง ที่ฉายในโรงภาพยนตร์ในประเทศไทยระหว่าง พ.ศ. 2547-2566 ผลการวิจัยพบว่า ภาพยนตร์รักแนวท่องเที่ยวของไทยสะท้อนให้เห็นภาพลักษณ์ความเป็นไทย 3 ลักษณะ ได้แก่ 1) เมืองไทยเป็นเมืองที่มีภูมิทัศน์ธรรมชาติ สวยงาม 2) เมืองไทยเป็นเมืองที่มีศิลปวัฒนธรรมงดงามและรุ่งเรือง และ 3) เมืองไทยเป็นเมืองที่มีประเพณีเก่าแก่และมีเสน่ห์ซึ่งสืบทอดมาจนปัจจุบัน ส่วนกลวิธีการนำเสนอภาพลักษณ์ความเป็นไทยในภาพยนตร์รักแนวท่องเที่ยวของไทยพบ 3 กลวิธี คือ 1) กลวิธีการนำเสนอผ่านฉาก 2) กลวิธีการนำเสนอผ่านเสียง และ 3) กลวิธีนำเสนอผ่านโครงเรื่อง การนำเสนอผ่านฉากแบ่งออกเป็นฉากธรรมชาติและฉากวัฒนธรรม การนำเสนอผ่านเสียงแบ่งออกเป็นการใช้ภาษาท้องถิ่น บทสนทนา และดนตรีประกอบ ส่วนการนำเสนอผ่านโครงเรื่อง ภาพยนตร์ใช้วิธีนำเสนอความเป็นไทยผ่านการเปิดเรื่อง นำเสนอภาพลักษณ์ความเป็นไทยผ่านการสร้างเหตุการณ์ในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวของตัวละครเอก และนำเสนอความเป็นไทยผ่านการปิดเรื่อง เนื้อหาภาพยนตร์รักแนวท่องเที่ยวนั้นได้นำเสนอความเป็นไทยด้วยโครงเรื่องง่าย ๆ เกี่ยวกับธรรมชาติ ภูมิอากาศ เกี่ยวกับมนุษย์และสิ่งรอบตัว โดยได้แสดงออกถึงลักษณะ และวิถีชีวิตของคนไทยทั้งสิ้น การสร้างภาพลักษณ์ความเป็นไทยผ่านภาพยนตร์ทำให้ผู้ชมได้รับภาพอย่างสมจริง นับเป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศไทยในอีกทางหนึ่งโดยผ่านภาพยนตร์รักแนวท่องเที่ยวนี้</p>เหอ ลี่น่า, วีรวัฒน์ อินทรพร
Copyright (c) 2025
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/281328Fri, 25 Apr 2025 00:00:00 +0700ความเหลื่อมล้ำเชิงพื้นที่ทางด้านการศึกษาในประเทศจีน
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/282267
<p>ในอดีตที่ผ่านมา งานศึกษาวิจัยความเหลื่อมล้ำในประเทศจีนมักศึกษา สองประเด็นหลัก ได้แก่ ความเหลื่อมล้ำเชิงพื้นที่ และความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา มีงานวิจัยจำนวนน้อยที่ศึกษาผลกระทบความเหลื่อมล้ำเชิงพื้นที่ต่อการศึกษา การแยกประเด็นวิจัยจึงทำให้ขาดภาพความเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของทั้งสองปรากฏการณ์ ในความเป็นจริง ความเหลื่อมล้ำเชิงพื้นที่และความเหลื่อมล้ำทางการศึกษามีความสัมพันธ์กัน ด้วยช่องว่างของงานศึกษาดังกล่าว งานวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาความเหลื่อมล้ำเชิงพื้นที่ในประเทศจีน ผ่านการศึกษาด้วยระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพจากเอกสารทั้งปฐมภูมิและทุติยภูมิ และใช้กรอบแนวคิดลัทธิเสรีนิยมใหม่ การวิจัยเริ่มการศึกษาตั้งแต่ยุคเหมา เจ๋อตง จนกระทั่งถึงปัจจุบันเพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ผลการศึกษาวิจัยพบว่า ความเหลื่อมล้ำเชิงพื้นที่ได้ส่งผลกระทบให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาระหว่างภูมิภาค โดยเฉพาะภาคตะวันออกกับภาคตะวันตกของจีน และระหว่างเมืองกับชนบท ซึ่งความเหลื่อมล้ำระหว่างพื้นที่ได้ส่งผลกระทบต่อความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ดังต่อไปนี้ 1) รายได้ของประชากร 2) จำนวนปีการศึกษาเฉลี่ย 3) โอกาสการได้รับการศึกษา 4) ความเหลื่อมล้ำด้านเงินลงทุนและสนับสนุนการศึกษา และ 5) ความเหลื่อมล้ำเชิงภูมิศาสตร์ของที่ตั้งมหาวิทยาลัย</p>ธรรม์ธเนศ ปุณณ์ธนามหาการุณ
Copyright (c) 2025
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/282267Fri, 25 Apr 2025 00:00:00 +0700การพัฒนายุทธศาสตร์การแก้ปัญหาครัวเรือนยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำใน 2 อำเภอต้นแบบ (อำเภอรามัน/อำเภอบันนังสตา) จังหวัดยะลา
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/280508
<p>การพัฒนายุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาครัวเรือนยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำใน 2 อำเภอต้นแบบ (อำเภอรามัน/อำเภอบันนังสตา) จังหวัดยะลา มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) นำเสนอความสำเร็จที่เกิดจากการพัฒนาและสังเคราะห์ยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาครัวเรือนยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำใน 2 อำเภอต้นแบบ 2) นำเสนอข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการแก้ปัญหาและพัฒนาครัวเรือนยากจน จังหวัดยะลา ความสำเร็จที่เกิดจากการพัฒนาและการสังเคราะห์ยุทธศาสตร์ฯ ทำให้เกิดการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์ระดับอำเภอต้นแบบในการแก้ปัญหาความยากจน การมีส่วนร่วมของกลไกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โมเดลการทำงานแบบพหุภาคีของอำเภอต้นแบบระบบฐานข้อมูลครัวเรือนยากจนที่ผ่านการสอบทานอย่างแม่นยำ การใช้ข้อมูลครัวเรือนยากจนในการวางแผนแก้ไขปัญหาและการพัฒนาระบบงานภาครัฐเชิงพื้นที่เกิดการใช้กลไกหน่วยปฏิบัติการส่วนหน้ากระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมจังหวัดยะลาในการพัฒนาเชิงพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาความยากจน ส่วนข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ได้แก่ ควรมีการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาและพัฒนาเชิงพื้นที่ทุกบริบทที่เกี่ยวข้องกับครัวเรือนยากจนแบบองค์รวม การบูรณาการทำงานภายใต้เครือข่ายความร่วมมือ มีการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลครัวเรือนยากจนอย่างเป็นรูปธรรม ควรนำข้อมูลจากฐานข้อมูลครัวเรือนยากจนไปใช้ในการวางแผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการแก้จนทุกระดับ และควรส่งต่อข้อมูลครัวเรือนยากจนที่ผ่านการยืนยันข้อมูลและมีความยินยอมที่จะเปิดเผยข้อมูลเข้าสู่ระบบและช่องทางการช่วยเหลือภายใต้การทำงานของภาคีเครือข่ายความร่วมมือ</p>ยุทธนา กาเด็ม, ซูลฟีกอร์ มาโซ , สุพัตรา รุ่งรัตน์, เกสรี ลัดเลีย, กมลวรรณ ชนะกุล, นูรีดา มะแซ
Copyright (c) 2025
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/280508Fri, 25 Apr 2025 00:00:00 +0700ทวารวดีในศรีสะเกษ : ชุมชนโบราณและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในบริเวณลุ่มแม่น้ำมูล - ห้วยทับทันช่วงพุทธศตวรรษที่ 12-16
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/281946
<p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ของการศึกษาสองประการ ประการแรก ศึกษาแหล่งประวัติศาสตร์และชุมชนโบราณในวัฒนธรรมทวารวดีบริเวณลุ่มแม่น้ำมูล - ห้วยทับทันในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ และประการที่สอง ศึกษาความสำคัญของหลักฐานทางประวัติศาสตร์สมัยวัฒนธรรมทวารวดีในพื้นที่ดังกล่าว โดยใช้วิธีวิจัยทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีในการสำรวจและวิเคราะห์หลักฐานที่พบในชุมชนโบราณเพื่ออธิบายความสัมพันธ์ของวัฒนธรรมทวารวดีที่ปรากฏร่องรอยในพื้นที่ดังกล่าว จากการศึกษาพบว่ามีชุมชนโบราณสมัยทวารวดีไม่น้อยกว่ายี่สิบชุมชนตั้งตัวเรียงรายอยู่ในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำมูล - ห้วยทับทัน และมีหลักฐานอย่างน้อยห้าประเภทที่สะท้อนอิทธิพลทางวัฒนธรรมสมัยทวารวดีในช่วงพุทธศตวรรษที่ 12-16 คือ 1) ลักษณะคูน้ำคันดินล้อมรอบสองชั้น 2) เสมาหินทรายหรือศิลาแลง 3) ซากโบราณสถานสถูปหรือเจดีย์ก่อด้วยอิฐดินเผา 4) ศิลาจารึกภาษาสันสฤตอักษรปัลลวะ และ 5) ชิ้นส่วนรูปเคารพขนาดเล็กเนื่องในพุทธศาสนาที่คาดว่าสัมพันธ์กับนิกายมหายาน บทความนี้ต้องการเสนอว่าวัฒนธรรมทวารวดีในศรีสะเกษเป็นส่วนหนึ่งของ “วัฒนธรรมทวารวดีอีสาน” ที่รับอิทธิพลความเชื่อทางพุทธศาสนามาจากหลากหลายช่องทางเข้ามาผสมผสานกับความเชื่อท้องถิ่น และในบางกรณียังพบร่องรอยวัฒนธรรมเจนละผสมผสานอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ร่องรอยวัฒนธรรมทวารวดีในศรีสะเกษพบหลักฐานที่หลากหลาย ทั้งที่สะท้อนถึงอิทธิพลความเชื่อทางศาสนาและอำนาจทางการเมืองที่เหลื่อมซ้อนกันอยู่ แต่น่าเสียดายปัจจุบันยังขาดการศึกษาทางวิชาการและการขุดค้นทางโบราณคดีอย่างเพียงพอ เพื่อไขปริศนานี้ให้กระจ่าง</p>วุฒิชัย นาคเขียว, บริพัตร อินปาต๊ะ, ศิริวุฒิ วรรณทอง, ธันยพงศ์ สารรัตน์
Copyright (c) 2025
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/281946Fri, 25 Apr 2025 00:00:00 +0700ความท้าทายในการทำความเข้าใจนิพพานในยุคปัจจุบัน
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/281285
<p>บทความนี้มุ่งศึกษาความท้าทายในการทำความเข้าใจนิพพานในยุคปัจจุบัน โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือการวิเคราะห์ปัจจัยที่ทำให้แนวคิดนิพพาน ซึ่งหมายถึงการหลุดพ้นจากทุกข์และการเวียนว่ายตายเกิด มีความซับซ้อนมากขึ้นเมื่อถูกตีความในบริบทของสังคมและวัฒนธรรมสมัยใหม่ งานวิจัยจะสำรวจความแตกต่างในการตีความนิพพานตามสำนักและการศึกษาต่าง ๆ ตลอดจนผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เช่น ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและวิถีชีวิต ที่มีต่อการปฏิบัติธรรมและการเข้าใจนิพพาน ผลการวิจัยพบว่า การตีความนิพพานในปัจจุบันมีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น เนื่องจากความแตกต่างในการสอนและการปฏิบัติธรรมในแต่ละสำนัก การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม รวมถึงการมุ่งเน้นที่วัตถุนิยมและเหตุผลนิยมในยุคสมัยใหม่ ทำให้การอธิบายและเข้าใจนิพพานยิ่งห่างไกลจากการตีความดั้งเดิม นอกจากนี้ การขยายตัวของเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตยังทำให้ความเข้าใจนิพพานถูกเชื่อมโยงกับความสุขทางโลกมากขึ้น การศึกษานี้เสนอแนวทางในการปรับการตีความและการปฏิบัติธรรม เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและช่วยให้สามารถนำหลักธรรมไปใช้ในการดำเนินชีวิตในยุคปัจจุบันได้ดีขึ้น</p>พระมหาสราวุธ โพธิ์ศรีขาม, พระจาตุรงค์ ชูศรี
Copyright (c) 2025
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/281285Fri, 25 Apr 2025 00:00:00 +0700ภาพแทน “ไทย” ในแบบเรียนวิชาประวัติศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาของกัมพูชา
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/281000
<p>บทความนี้มุ่งศึกษาภาพแทนไทยที่ปรากฏในแบบเรียนวิชาประวัติศาสตร์ระดับชั้นมัธยมศึกษาของกัมพูชา ผลการศึกษาพบว่า ภาพแทนไทยที่ปรากฏมีอยู่ 7 ลักษณะ คือ 1. ไทยคือคนป่าที่อพยพลงมาจากทางตอนใต้ของจีน 2. ไทยเป็นโจรที่ปล้นแผ่นดินและวัฒนธรรมเขมร 3. ไทยเป็นศัตรูของชาติ 4. ไทยเนรคุณเขมร 5. ไทยเคยพ่ายแพ้ให้แก่พม่า 6. ไทยมีกษัตริย์ที่ดี และ 7. การเมืองไทยวุ่นวาย จุดอ่อนของแบบเรียนดังกล่าวคือ ความถูกต้องของข้อมูลทางประวัติศาสตร์ และการนำเสนอโดยใช้ภาษาวรรณกรรมที่เน้นอารมณ์ความรู้สึกมากเกินไป ซึ่งอาจเป็นผลมาจากความจงใจของผู้จัดทำที่ต้องการสร้างความรู้สึกชาตินิยม ด้วยการสร้างศัตรูของชาติขึ้นมา</p>ชาญชัย คงเพียรธรรม
Copyright (c) 2025
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/281000Fri, 25 Apr 2025 00:00:00 +0700Comparing Language Learning Strategies of English and Chinese Employed by Tertiary Thai Students
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/281377
<p>The scope of multilingualism in language learning strategies is currently quite limited. This study aims to address the gap by investigating the language learning strategies used by Thai university students who enrolled in an international program conducted in English (L2) and were also studying Chinese as their third language (L3). The research focuses on comparing the strategies employed for learning English, a West Germanic language in the Indo-European language family, and Chinese, a Sino-Tibetan language. The study surveyed 123 university students in International Business: China from southern Thailand who learned through English and studied Chinese as part of their program. Data were collected using two sets of questionnaires based on the Strategy Inventory for Language Learning (Oxford, 1990). Descriptive statistics and paired sample t-tests were used to analyze the closed-ended questionnaire responses, while descriptive statistics and thematic analysis were applied to the open-ended questionnaire data. The findings from the closed-ended questionnaire indicated that students frequently used social strategies for learning both languages. However, the open-ended questionnaire responses revealed a preference for cognitive strategies when learning both languages. Despite the linguistic differences between English and Chinese, the findings showed similar learning strategies, with no significant differences at the 0.05 level except for memory strategies (p = 0.00). The study discusses these findings and offers recommendations for language educators.</p>Woralak Bancha, Sirikhwan Phathairak
Copyright (c) 2025
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/281377Fri, 25 Apr 2025 00:00:00 +0700Revisiting Mengzi: An Ethical Examination of Voluntary Childlessness
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/283820
<p>“Voluntary childlessness” refers to the deliberate and permanent decision of an individual or couple to remain child-free. There are various reasons behind this choice, such as financial concerns, personal values, and the desire for autonomy. Some individuals prioritize personal freedom and the ability to manage their own time. However, societies often view voluntarily childless individuals as selfish, irresponsible, or immature, considering their decisions deviant. In ancient Chinese philosophy, thinkers like Mengzi discussed the importance of raising children. This study examines how Mengzi might respond to the modern phenomenon of voluntary childlessness. By analyzing Mengzi’s ethical views in the context of contemporary reasons for choosing not to have children, this article concludes that, although Mengzi lived in ancient China, he would place greater value on the compassionate and responsible rearing of children to become virtuous human beings than on viewing reproduction as a mere moral obligation. Thus, in certain cases, voluntary childlessness could be considered acceptable within Mengzi’s ethical framework. This study underscores the enduring relevance of Chinese philosophy in addressing modern social issues.</p> <p> </p>Charintorn Burapa
Copyright (c) 2025
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/283820Fri, 25 Apr 2025 00:00:00 +0700Enhancing Research-Publication Competencies of EFL Doctoral Students in English Studies: A Follow-up Study on the Reframed Community of Practice Model
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/285164
<p>This follow-up study, the third phase of a longitudinal project, examined how the Research-Publication (Res-Pub) Training Workshop, grounded in the Disciplinary Writing Expertise (DWE) framework, influenced 20 doctoral students’ self-efficacy in key areas of the Reframed Community of Practice (CoP) model, which is built on the perspectives of Lave and Wenger (1991) and Wenger (1998). These students were in English Studies, whose research focused on areas within the Humanities and Social Sciences. It explored the participants’ self-efficacy in six elements of the Reframed CoP model that characterized their scholarly development post-workshop: Expert-Guided Collaborative Learning, Participatory Learning Dynamics, Academic Identity Formation, Cognitive Mastery of Academic Practices, Scholarly Professional Growth, and Constructive Adversities in Academic Publishing. The data from a 2019 self-efficacy survey and 2022 follow-up interviews revealed high overall self-efficacy (grand mean = 3.32), with the strongest efficacy in Participatory Learning Dynamics (mean = 3.70), Expert-Guided Collaborative Learning (mean = 3.65), Academic Identity Formation (mean = 3.62), and Cognitive Mastery (mean = 3.38). However, moderate efficacy in Constructive Adversities (mean = 2.82), and Scholarly Professional Growth (mean = 2.79) suggests that the participants have yet to fully embrace independent scholarship due to limited access to global academic discourse. Qualitative findings complimentarily strengthened the quantitative data, highlighting roles of research knowledge and experienced members of the community, and knowledge construction fostered by the Reframed CoP model. The findings suggest the need for enhanced pathways to support early career scholars’ development.</p>Saneh Thongrin
Copyright (c) 2025
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/285164Fri, 25 Apr 2025 00:00:00 +0700基于语类结构潜势的中文药品说明书语类分析
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/283092
<p>本文基于Hasan (1996) 的语类结构潜势及Swales (1990) 和Bhatia (1993) 的语步结构理论, 深入研究了中文药品说明书的语类特征。以药智数据的中成药处方数据库为依据, 笔者选取了100篇中文药品说明书 (共46491字) 进行观察、研究与分析, 采用定性和定量相结合的分析方法, 结果表明: 中文药品说明书是一种有目的、高度相似性和稳定性语步结构的语篇, 该语类的总体结构包含21个语步, 其中15个为必要成分, 6个为选择性成分。每个语步包含特定的信息, 符合医学语言语气正式、陈述客观、术语丰富、句式多样的语类特征, 用以达到告知药品信息和提示安全用药的目的。对于这一类语篇的研究不仅有助于进一步揭示语境配置构型与语类结构潜势的关系, 而且对语篇的语类分析及专门用途汉语教学具有着重要的实践指导意义。</p>Khosawan Kongkamnerd
Copyright (c) 2025
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/283092Fri, 25 Apr 2025 00:00:00 +0700触摸神圣: 张承志小说中的感官体验与宗教表达
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/286102
<p>张承志的小说通过感官叙事构建了一个融合宗教神圣性与民族文化认同的文学世界, 展现了人与自然、信仰及文化之间的深刻关联。本文选取《心灵史》、《金牧场》、《黑骏马》《北方的河》、《西省暗杀考》五部代表性作品, 探讨其感官叙事的艺术表现及其在宗教表达与民族文化中的作用。通过分析视觉、听觉、触觉等多感官体验, 揭示张承志如何借助自然景观、宗教仪式与人物情感的描写, 传递信仰的神圣性与文化象征。同时, 论文探讨感官叙事在重建神圣感、反思现代性去神圣化中的独特价值, 分析其在当代文学与文化语境中的贡献。研究表明, 张承志的感官叙事促成了宗教与文学、个体体验与集体记忆、传统文化与现代性之间的深度对话, 为少数民族文学与宗教文学研究提供了新的理论视角与研究路径。</p>Haochang Li
Copyright (c) 2025
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/286102Fri, 25 Apr 2025 00:00:00 +0700论王维诗歌的生态哲学观
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/272559
<p>王维是唐代最具影响力的山水诗人, 其诗歌深受道家、儒家、佛教思想的影响, 既蕴含情意, 又透露出对自然的启悟, 展现出圣人先贤的生态哲学智慧。本文以王维的诗歌为研究对象, 采用文献法和内容分析法, 对杨文生先生编著的《王维诗集笺注》中诗歌的写作背景、作品意象和艺术手法进行分析, 通过对诗词、诗句的研究与整理, 提炼出王维诗歌中的七种生态哲学观: 天人合一的自然观; 生态平等的文明观; 天人同构的世界观; 顺应自然的发展观; 仁爱万物的伦理观; 制而用之的天道观; 纯真质朴的道德观。王维的生态哲学观对全球化时代生态危机可能导致的严重局面具有重要的现实意义, 建议政府部门和教育部门积极宣传王维诗词, 并着重传播其生态哲学思想。此举将从四个方面为解决生态危机和构建生态文明提供方向性方案: 树立公民的生态意识; 培育公民的道德观念; 推行限度生存的理念; 完善国家的生态监管。</p>Dagong Wang, Kanokporn Numtong
Copyright (c) 2025
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/272559Fri, 25 Apr 2025 00:00:00 +0700Plagiatsprüfung im Literaturbetrieb als enigmatisches Verfahren
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/282775
<p>Diskussionen über Plagiate werden immer häufiger geführt, wobei sie nie zu einer konkreten Schlussfolgerung gelangen. Der Plagiatsvorwurf gegen die Autorin Helene Hegemann und ihren Debütroman <em>Axolotl Roadkill</em> (2010) im Zusammenhang mit Airens <em>Strobo</em> (2010) bspw. wird sowohl in wissenschaftlichen als auch populären Bereichen weiterhin kontrovers diskutiert. Die Frage wird infolgedessen gestellt, aus welchem Grund sich Beurteilungen von Rezipierenden erheblich voneinander unterscheiden können, obwohl sie dasselbe Phänomen wahrnehmen. Die vorliegende Arbeit erzielt deshalb nicht die Beantwortung, mit welchem Indikator man das Plagiat anerkennt, sondern die Annäherung an das Phänomen des Plagiats im Hinblick auf die ausgewählte Fallstudie. Damit die Fragestellung beantwortet wird, werden das Phänomen, Rezipierende, der Literaturbetrieb und die Absicht der Autorin anhand von relevanten literaturwissenschaftlichen Theorien und Konzepten, wie z. B. Intertextualität nach Kristeva und collagierte Literatur nach Bannasch, und psychologischen, wie z. B. Theory of Planned Behavior nach Ajzen, auf textueller, rezeptionsästhetischer und auktorialer Ebene untersucht. Die Ergebnisse zeigen auf textueller Ebene, dass der Text das Potential hat, collagierte Literatur zu sein, und auf rezeptionsästhetischer Ebene, dass die Plagiatsprüfung im Literaturbetrieb ein Enigma ist, weil das Plagiat nie von Rezipierenden als einheitlicher, objektiver Zustand betrachtet werden kann. Wenn die Absicht der Autorin auf auktorialer Ebene untersucht wird, ist die Schlussfolgerung, dass das Plagiat aus dem bewussten Übersehen der moralischen Grenze, der Unterschätzung des Rezipientenwissens und der Ausnutzung der Ambiguität im Gesetz entsteht.</p>Thitipol Srisong, Krisdi Chairatana
Copyright (c) 2025
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/282775Fri, 25 Apr 2025 00:00:00 +0700บทบรรณาธิการ
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/288684
สุภินดา รัตนตั้งตระกูล
Copyright (c) 2025
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/288684Fri, 25 Apr 2025 00:00:00 +0700