วารสารศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts <p> วารสารศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (Journal of Liberal Arts, Thammasat University) เป็นวารสารทางวิชาการที่มีกระบวนการประเมินคุณภาพบทความจากผู้ทรงคุณวุฒิในสาขานั้นหรือสาขาที่เกี่ยวข้องอย่างน้อย 3 คน ซึ่งผู้พิจารณาไม่ทราบชื่อผู้แต่ง และผู้แต่งไม่ทราบชื่อผู้พิจารณา (double blinded peer-reviews) จัดพิมพ์ขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้และผลการศึกษา การค้นคว้าใหม่ๆ ทฤษฎี การวิจัย วิธีวิทยา และแนวคิดในสาขาสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ ได้แก่ ภาษา วรรณกรรม ภาษาศาสตร์ ปรัชญา การศึกษา ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ บรรณารักษศาสตร์ จิตวิทยา มานุษยวิทยาและสังคมศาสตร์ เปิดรับบทความที่เขียนด้วยภาษาไทย ภาษาอังกฤษหรือภาษาต่างประเทศอื่นๆ โดยอาจจะอยู่ในรูปแบบบทความวิชาการ บทความวิจัย บทความปริทัศน์ หรือบทวิจารณ์หนังสือ</p> <p> วารสารศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กำหนดออกปีละ 3 ฉบับ คือ ฉบับแรก เดือนมกราคม - เมษายน ฉบับที่ 2 เดือนพฤษภาคม - สิงหาคม และฉบับที่ 3 เดือนกันยายน - ธันวาคม ทั้งนี้ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2562 เป็นต้นไปเปลี่ยนแปลงรูปแบบตีพิมพ์ให้เหลือเพียงรูปแบบเดียวคือการตีพิมพ์ออนไลน์เท่านั้น</p> Faculty of Liberal Arts, Thammasat University th-TH วารสารศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 1513-9131 บทบรรณาธิการ https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/274273 สุภินดา รัตนตั้งตระกูล Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 23 3 การกล่าวออกตัวและความสำคัญของข้อมูลการตระหนักรู้ทางอภิวัจนปฏิบัติศาสตร์ https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/269016 <p>การกล่าวออกตัวเป็นกลวิธีหนึ่งที่ช่วยลดความรุนแรงของวัจนกรรมที่มีแนวโน้มคุกคามหน้าซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันทั้งทางสื่อสังคมออนไลน์ รายการโทรทัศน์ และรายการวิทยุต่าง ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้ภาษาที่เป็นวัยรุ่นไทย อย่างไรก็ตาม องค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการกล่าวออกตัวโดยเฉพาะการกล่าวออกตัวในภาษาไทยนั้นยังมีอยู่อย่างจำกัด บทความวิชาการนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวม วิเคราะห์ และสังเคราะห์องค์ความรู้ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกล่าวออกตัว ได้แก่ แนวคิดเรื่องวัจนกรรม (speech act) แนวคิดเรื่องความสุภาพ (politeness) แนวคิดเรื่องการบรรเทาผลที่ไม่พึงประสงค์จากการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร (mitigation) และแนวคิดเรื่องการตระหนักรู้ทางอภิวัจนปฏิบัติศาสตร์ (metapragmatic awareness) เพื่อเป็นพื้นฐานในการทำความเข้าใจการใช้การกล่าวออกตัว นอกจากนี้ บทความวิชาการนี้ยังได้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการเก็บข้อมูลการตระหนักรู้ทางอภิวัจนปฏิบัติศาสตร์ในการศึกษาทางด้านวัจนปฏิบัติศาสตร์ ทั้งนี้เพื่อทำความเข้าใจการใช้และการตีความการกล่าวออกตัวซึ่งมีความซับซ้อนและมีความหลากหลายตามปัจจัยทางด้านภาษา จิตวิทยา สังคม และวัฒนธรรม</p> อำนาจ ปักษาสุข อนุชิต ตู้มณีจินดา Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 23 3 659 685 “ราโชมอน” และ “จอนะธัน ลิวิงสตัน นางนวล” : วรรณกรรมแปล ที่ทรงพลังของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/265132 <p>ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นนักปราชญ์ของเมืองไทยที่มีบทบาทสำคัญในหลายด้าน ทั้งในการเป็นนักธนาคาร นักหนังสือพิมพ์ นักการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทในฐานะที่เป็นนักเขียน ผลงานประพันธ์ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช มีจำนวนมากและเป็นที่ยอมรับว่าเขาประสบความสำเร็จในวรรณกรรมทุกประเภทที่เขียน สำหรับผลงานด้านการแปลนั้น ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้แปลวรรณกรรมไว้สองเรื่องคือ “ราโชมอน” และ “จอนะธัน ลิวิงสตัน นางนวล” บทความชิ้นนี้จึงมุ่งนำเสนอแนวคิดและปรัชญาชีวิตที่แฝงซ่อนอยู่ในวรรณกรรมทั้งสองเรื่อง ซึ่งเป็นสิ่งประเล้าประโลมใจที่ทำให้ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้แปลผลงานทั้งสองมาเป็นภาษาไทย</p> <p>บทละครเรื่อง “ราโชมอน” สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างวรรณกรรมกับบริบททางสังคมและวัฒนธรรม ซามูไรเคยได้รับทั้งเกียรติ อำนาจ และอภิสิทธิ์เหนือชนชั้นอื่น ๆ ในสังคม แต่เมื่อชนชั้นกลางของญี่ปุ่นเริ่มเติบโตขึ้น ทำให้มีอำนาจทางการเงินและทางสังคมมากขึ้น ชนชั้นซามูไรก็เริ่มเสื่อมอำนาจและด้านมืดของซามูไรก็ค่อย ๆ ถูกเปิดเผยออกมา ตัวละครซามูไรในเรื่องเป็นคนขี้ขลาดและฝีมือในการต่อสู้ก็อยู่ในระดับที่ย่ำแย่ แต่เขากลับชอบแสดงความองอาจ การมีอำนาจเหนือคนอื่น และสนใจแต่การรักษาภาพลักษณ์ทางสังคม วรรณกรรมเรื่องนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงทวิภาวะซึ่งเป็นหลักสำคัญในการสร้างตัวละครตลอดทั้งเรื่อง ภรรยาซามูไรมีรูปลักษณ์ที่สวยงามและบอบบาง อันสื่อถึงความอ่อนแอและความบริสุทธิ์ของหญิงผู้ดีคนหนึ่ง แต่แท้จริงแล้วเธอเป็นเพียงลูกสาวคนครัว และไร้ซึ่งคุณสมบัติของภรรยาที่ดี ตาโจมารุเป็นจอมโจรที่มีแต่ชื่อ เพราะเป็นคนขี้ขลาดและไร้ฝีมือในการสู้รบ คนตัดฟืนแม้จะเป็นคนขี้โกหก เป็นขโมย แต่ก็เป็นคนมีน้ำใจและมีความเมตตา ขณะที่การอ่าน “จอนะธัน ลิวิงสตัน นางนวล” ทำให้มีกำลังใจในการพัฒนาศักยภาพของตนเองและในการประกอบกิจอันเป็นกุศลแก่เพื่อนร่วมโลก จอนะธัน นกนางนวลที่เป็นตัวละครเอกได้ค้นพบความหมายที่แท้จริงของการดำรงชีพ ทำให้เขาได้สัมผัสกับบรรยากาศใหม่ และประสบการณ์ใหม่ การตระหนักในพลานุภาพของจิตทำให้ตัวละครบังเกิดความปีติและสามารถปลดปล่อยจิตให้เป็นอิสระจากขอบเขตบางอย่างที่คับแคบ วรรณกรรมเรื่องนี้ยังให้บทเรียนเกี่ยวกับการเบี่ยงเบนจุดสนใจที่จะทำให้มีสมาธิอย่างเต็มที่กับเป้าหมายหลัก ตลอดจนแนวคิดเกี่ยวกับคุรุภาวะที่กอปรด้วยความเมตตากรุณา ความอ่อนน้อมถ่อมตน จิตอันเป็นกุศล และที่สำคัญคือบทเรียนที่คุรุที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือคุรุที่อยู่ภายในตัวของแต่ละบุคคล</p> Truong Thi Hang Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 23 3 686 716 กลวิธีการสร้าง “สาร” ในการ์ตูนผีเขมร https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/267368 <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อให้ทราบถึงชนิดของผีที่ปรากฏในการ์ตูนผีของเขมร และ 2) ศึกษากลวิธีการสร้าง “สาร” โดยศึกษาจากการ์ตูนที่ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ Enjoy Reading จำนวน 25 เรื่อง ผลการศึกษาพบว่า ผีที่ปรากฏในการ์ตูนผีของเขมรแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก ผีที่ใช้คำนามทั่วไปในการเรียกขาน คือ “โขมจ” และ “วิญญาณ” และกลุ่มที่ 2 ผีที่มีการระบุชนิดอย่างชัดเจน ได้แก่ ผีตายทั้งกลม ผีบ้านผีเรือน ผีนางตะเคียน ผีน้ำ ผีกุมารทอง อสุรกาย และ ผีเนียะตา ส่วนกลวิธีการสร้าง “สาร” ในการ์ตูนผีของเขมร ประกอบด้วย 4 ลักษณะ คือ 1) การดึงดูดความสนใจ 2) การสร้างให้เกิดประสบการณ์ร่วมกันระหว่างผู้ส่งสารและผู้รับสาร 3) การตรงกับความต้องการของผู้รับสาร และ 4) การให้คำแนะนำแก่ผู้รับสาร กลวิธีที่กล่าวมาทั้งหมดนี้มีส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้รับสารได้ดื่มด่ำกับสุนทรียแห่งความสยองขวัญ และเกิดสังคมประกิตตามมาอีกด้วย</p> ชาญชัย คงเพียรธรรม Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 23 3 717 733 ส่งเสียงชวา : การประกอบสร้างเรื่องราวของความเป็นชวาในพื้นที่ดนตรีไทย https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/270001 <p>ดนตรีไทยมีเสียงของชวาปรากฏอยู่ ลักษณะของชวาในดนตรีไทยมีความพิเศษและเต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวที่ซับซ้อนและเป็นส่วนหนึ่งในวิวัฒนาการของดนตรีไทย บทความนี้มีวัตถุประสงค์ในการอธิบายเรื่องราวของชวาและความเป็นชวาที่อยู่ในดนตรีไทย และอภิปรายกระบวนการประกอบสร้างชวาขึ้นจากองค์ประกอบทางดนตรีและองค์ประกอบแวดล้อมของดนตรี พบว่าระยะการก่อตัวของความเป็นชวาในดนตรีไทยมีลักษณะเป็น 2 ระยะ คือ ระยะดั้งเดิม ที่การรับรู้เรื่องชวาในสังคมดนตรีไทย ผ่านอิทธิพลของมลายูที่ได้รับการปะปนร่วมในพื้นที่ชาติพันธุ์แขก และประกอบขึ้นจากเครื่องดนตรี ปี่ชวา กลองแขก กระทั่งขยายตัวขึ้นไปเป็นวงดนตรี ปี่พาทย์นางหงส์ วงบัวลอย และวงกลองแขกเครื่องใหญ่ และ บทเพลงที่แสดงออกถึงความเป็นแขกชวาได้กำกับด้วยคีตวรรณกรรม กล่าวคือใช้คำร้องจากวรรณคดีอิเหนาซึ่งเป็นวรรณกรรมชิ้นเอกของชวา ระยะต่อมาคือระยะใหม่ หลวงประดิษฐไพเราะคือบุคคลสำคัญในการประกอบสร้างชวาด้วยปัจจัยหลัก คือ เพลงยะวา ซึ่งเป็นทำนองของราดรัง บิมา กูร์ดา และการนำเข้ามาของอังกะลุงได้สร้างการรับรู้ใหม่ที่เกี่ยวกับชวา อย่างไรก็ตาม ภาพความเป็นชวาชัดขึ้นในระยะใหม่นี้แต่ก็แฝงเคลือบไปด้วยอิทธิพลของมลายูอยู่</p> จารุวัฒน์ นวลใย ชยุติ ทัศนวงศ์วรา Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 23 3 734 764 เกี่ยวกับวารสาร https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/274264 <p>-</p> กองบรรณาธิการ วารสารศิลปศาสตร์ Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 23 3 กองบรรณาธิการ https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/274271 กองบรรณาธิการ วารสารศิลปศาสตร์ Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 23 3 สารบัญ https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/274272 กองบรรณาธิการ วารสารศิลปศาสตร์ Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 23 3 ภาษาและอารมณ์ความรู้สึกในสถานการณ์การระบาดโควิด 19 : การศึกษาคลังข้อมูลภาษา https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/269776 <p>บทความนี้ต้องการนำเสนอกระบวนการจัดทำคลังข้อมูลภาษาอารมณ์ความรู้สึกของไทยผ่านโปรแกรม Corpus editor ซึ่งพัฒนาโดยเนคเทค จากข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ระหว่างเดือนมกราคม 2563 ถึงเดือนธันวาคม 2564 รวมจำนวนข้อมูล 3,341,498 คำ และนำคลังข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์อารมณ์ความรู้สึก 7 อารมณ์พื้นฐาน เพื่อพิจารณาว่าอารมณ์ความรู้สึกจากสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ในไทยเป็นอย่างไร ผลการศึกษาเชิงสถิติพบว่าอารมณ์ความรู้สึก Anger พบมากที่สุด และอารมณ์ความรู้สึก Surprise พบน้อยที่สุด ที่น่าสังเกตคืออารมณ์ความรู้สึก Neutral พบอัตราสูงในข้อมูลคลิป ศบค. เท่านั้น ซึ่งดูเหมือนว่าหน่วยงานกลางของรัฐแสดงความชอบธรรมในการสื่อสารกับสาธารณะเพื่อสร้างสมดุลด้านอารมณ์ความรู้สึกของไทย</p> จันทิมา อังคพณิชกิจ โกสินทร์ ปัญญาอธิสิน สุธาสินี ปิยพสุนทรา Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 23 3 1 32 “สอนเด็กให้เป็นคนดี” มายาคติคุณธรรมในโรงเรียนไทย https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/267799 <p>ปัจจุบันโรงเรียนสอนให้นักเรียนเป็นคนดีผ่านโครงการคุณธรรมตามกรอบที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กำหนด งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษามายาคติคุณธรรมในโรงเรียนไทย โดยใช้การวิเคราะห์วาทกรรมเชิงวิพากษ์ เก็บข้อมูลจากการวิเคราะห์เอกสารโครงการโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. สนทนากลุ่มครูและผู้บริหารโรงเรียนต้นแบบที่มีการสอนคุณธรรม 12 โรงเรียน ศึกษากรณีศึกษาจำนวน 5 โรงเรียน และวิเคราะห์ข้อมูลที่เป็นแก่นสาระของวาทกรรมและปฏิบัติการทางวาทกรรม ผลการวิจัยพบว่า มายาคติคุณธรรมที่แฝงฝังในโรงเรียนไทย คือ มายาคตินักเรียนดี 3 ประการ 1) นักเรียนดีต้องไม่มีพฤติกรรมปัญหา ครูจึงต้องกดปัญหาไว้ให้มีน้อยลงและเพิ่มพฤติกรรมความดีให้ได้มากที่สุดโดยให้นักเรียนทำโครงงานคุณธรรม 2) นักเรียนดีต้องทำกิจกรรมทางศาสนา เป็นมายาคติที่เชื่อว่าความดีงามอยู่ในวิถีปฏิบัติของศาสนา การที่นักเรียนไหว้พระ ทำสมาธิ สวดมนต์ เหล่านี้คือการทำดี 3) นักเรียนดีต้องปฏิบัติตัวเหมือนคนดีต้นแบบ ใช้กิจกรรมยกย่องเชิดชูเกียรติคนต้นแบบเป็นกลยุทธ์ในการสอน ความดีจึงไม่อาจเริ่มจากการเรียนรู้ปัญหาของนักเรียนเอง มายาคติเหล่านี้ขับเคลื่อนด้วยกลไกปฏิบัติการวาทกรรมสร้างนักเรียนดี ในคู่มือโครงการโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. ภายใต้การประเมินผลโรงเรียนดีติดดาว และการศึกษาคุณธรรมที่ยึดโยงกับรัฐชาติ เป็นกลไกสั่งการจากบนลงล่างจนละเลยปัจจัยด้านชุมชนซึ่งมีบริบททางสังคมวัฒนธรรมที่เป็นการดำรงอยู่ของผู้คนในแต่ละพื้นถิ่น การจัดการศึกษาเพื่อสอนคุณธรรมจึงควรเปิดพื้นที่ให้ชุมชนได้เป็นเจ้าของในการกำหนดคุณธรรมอัตลักษณ์ของตนเอง</p> กิตติรัตน์ ปลื้มจิตร Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 23 3 33 62 การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพของสิ่งกระตุ้นทางสายตาในการออกเสียงประโยคคำถามภาษาอังกฤษของผู้เรียนชาวไทย https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/261680 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาว่าการใช้สิ่งกระตุ้นทางสายตา (visual cue) ในแบบที่ 1 คือ แบบมีตัวเลข ในแบบที่ 2 คือ แบบไม่มีตัวเลขและการไม่ใช้สิ่งกระตุ้นทางสายตา มีความแตกต่างต่อการช่วยให้ผู้เรียนชาวไทยสามารถออกเสียงประโยคคำถามตอบรับและปฏิเสธ (Yes/No question) และประโยคคำถามตอบแสดงเนื้อความ (WH question) ในภาษาอังกฤษได้ใกล้เคียงกับเจ้าของภาษาหรือไม่ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือ นิสิตสาขาภาษาอังกฤษ ชั้นปีที่ 1 คณะมนุษยศาสตร์ ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง จำนวน 30 คน ประโยคที่ใช้ในการทดสอบคือ ประโยคคำถามตอบรับและปฏิเสธ และประโยคคำถามตอบแสดงเนื้อความ รวมทั้งหมด 30 ประโยค การทดสอบ ผู้เข้าร่วมการทดลองได้ทดสอบการพูด แบ่งกลุ่มออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละ 10 คน ในแต่ละกลุ่มจะได้รับการทดสอบการพูดที่แตกต่างกัน คือ การทดสอบโดยใช้สิ่งกระตุ้นทางสายตาแบบมีตัวเลขกับแบบไม่มีตัวเลข และไม่ใช้สิ่งกระตุ้นทางสายตา วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการหาค่าเฮิรตซ์ (Hertz) ในโปรแกรม Praat แปลงค่าเซมิโทน (semitone) และใช้สูตรหาค่าระยะทางแบบยุคลิด (Euclidean distance) เพื่อหาค่าระยะห่างทั้ง 11 จุด ผลการวิจัยพบว่า การทดสอบโดยใช้สิ่งกระตุ้นทางสายตาแบบมีตัวเลข สามารถช่วยให้ผู้เรียนชาวไทยสามารถออกเสียงประโยคคำถามตอบรับและปฏิเสธ และประโยคคำถามตอบแสดงเนื้อความในภาษาอังกฤษได้ใกล้เคียงกับเจ้าของภาษามากที่สุด</p> ดุสิตา พุทธศรี ธนศักดิ์ ศิริคะเณรัตน์ Copyright (c) 2022 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 23 3 63 85 ภาวะก้ำกึ่งและคลุมเครือในตำแหน่งแห่งที่ของคำว่า “อีสาน” ตั้งแต่ทศวรรษ 2440 ถึงปัจจุบัน https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/265303 <p>บทความวิจัยนี้มุ่งศึกษาเกี่ยวกับความหมายและพลวัตของคำว่า “อีสาน” ในฐานะคำซึ่งมีอิทธิพลต่อการจัดวางตำแหน่งแห่งที่ให้กับบรรดาสรรพสิ่งที่มีอยู่ในพื้นที่ที่ถูกเรียกว่าอีสาน ไม่ว่าในด้านภาษา ประวัติศาสตร์ ศิลปะ วรรณกรรม และวัฒนธรรมประเพณี ฯลฯ การศึกษาใช้วิธีสังเคราะห์เอกสารด้วยวิธีการทางประวัติศาสตร์ ผลการศึกษาพบว่า คำว่า “อีสาน” คือคำที่เกิดขึ้นจากนโยบายและบทบาททางการเมืองของชนชั้นปกครองสยามที่มีต่อพื้นที่อีสานตั้งแต่ต้นทศวรรษ 2430 อันทำให้คำดังกล่าวเจือปนไปด้วยอุดมการณ์ในความเป็นไทย แต่จากความเป็นจริงที่ว่า คำว่าอีสานเกิดขึ้นเพื่อนิยามพื้นที่ที่ราบสูงโคราชในฐานะหน่วยการเมืองที่ขึ้นกับรัฐสยามที่กรุงเทพฯ โดยไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้อธิบายบรรดาสรรพสิ่งที่มีอยู่ในพื้นที่ที่ถูกเรียกว่าอีสาน เมื่อประกอบกับที่พบว่า คำดังกล่าวนี้มักถูกอธิบาย ในลักษณะที่สัมพันธ์กับความศิวิไลซ์แบบลาว อันทำให้คำว่าอีสานเต็มไปด้วยภาวะก้ำกึ่งและคลุมเครือ รวมทั้งไม่ลงตัวสำหรับการอธิบายเกี่ยวกับสรรพสิ่งที่มีอยู่ในพื้นที่อีสาน</p> เชิดชาย บุตดี วิศรุต พึ่งสุนทร Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 23 3 86 110 ความเครียด : การศึกษาอุปลักษณ์เชิงมโนทัศน์ของผู้ใช้ภาษาไทยในทวิตเตอร์ https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/264020 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถ้อยคำอุปลักษณ์ที่สะท้อนมโนอุปลักษณ์ความเครียดในภาษาไทยและศึกษาหน้าที่ของอุปลักษณ์ โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากทวิตเตอร์เดือนมีนาคม พ.ศ. 2565 ที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความเครียด จำนวน 2,522 ข้อความ และวิเคราะห์ข้อมูลตามแนวคิด อุปลักษณ์เชิงมโนทัศน์และหน้าที่ของอุปลักษณ์ ผลการวิจัยพบถ้อยคำอุปลักษณ์ที่สะท้อนมโนอุปลักษณ์ความเครียดว่าเป็นวัตถุสิ่งของ สิ่งมีชีวิต น้ำ สิ่งปลูกสร้าง พื้นที่ปิดล้อม และไฟหรือความร้อน โดยอุปลักษณ์ดังกล่าวมีหน้าที่สำคัญทั้งด้านการถ่ายทอดความคิด ด้านบุคคลสัมพันธ์ และด้านการเรียบเรียงความ</p> วุฒินันท์ แก้วจันทร์เกตุ Copyright (c) 2022 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 23 3 111 139 การใช้บุคลาธิษฐานและค่านิยมที่ปรากฏในข้อความโฆษณาของตราสินค้ารัสเซีย https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/261650 <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการใช้บุคลาธิษฐานและค่านิยมที่ปรากฏในข้อความโฆษณาของตราสินค้ารัสเซีย ตามกรอบแนวคิดบุคลาธิษฐานของ Arnold (2002) และแนวคิดวาทกรรมวิเคราะห์เชิงวิพากษ์ของ Fairclough (1995) ในการวิเคราะห์ค่านิยมที่ปรากฏในข้อความโฆษณาซึ่งได้เลือกเก็บตัวอย่างจากหน้าเว็บไซต์ทางการของตราสินค้า โดยการใช้เว็บไซต์กูเกิล และยานเด็กซ์เป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูล ผลการศึกษาพบว่าการใช้บุคลาธิษฐานในข้อความโฆษณาสามารถแบ่งได้เป็น 4 กลุ่มตามประเภทของคำ คือ การใช้คำกริยา การใช้คำสรรพนาม การใช้คำนาม และการใช้คำวิเศษณ์ ส่วนค่านิยมที่ปรากฏในข้อความโฆษณาสามารถแบ่งได้ 5 ค่านิยม คือ ค่านิยมเกี่ยวกับชาและการดื่มชา ค่านิยมความเป็นกลุ่มนิยม ค่านิยมเกี่ยวกับผู้หญิง ค่านิยมเกี่ยวกับสี ค่านิยมการใช้คำภาษาต่างประเทศ ผลการศึกษาสามารถนำไปใช้ประกอบการเรียนการสอนในหัวข้อการสื่อสารระหว่างวัฒนธรรม และใช้ประกอบการวิเคราะห์โวหารภาพพจน์ในงานประพันธ์ต่าง ๆ</p> ชนันพร เหมสกุล Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 23 3 140 163 ปัจจัยที่ส่งผลต่อความแตกต่างของสำนวนแปลภาษาไทยในนวนิยายเรื่อง 1984 ของจอร์จ ออร์เวลล์ https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/263770 <p>นวนิยายเรื่อง <em>1984</em> ของจอร์จ ออร์เวลล์ ได้รับการแปลเป็นภาษาไทยจำนวน 2 สำนวนในช่วงเวลาที่ห่างกันเกือบ 40 ปี บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการแปลนวนิยายทั้งสองสำนวน ข้อมูลที่ใช้ในการศึกษา คือ สำนวนแปลภาษาไทยสองสำนวนในนวนิยายเรื่อง <em>1984</em> ของจอร์จ ออร์เวลล์ ได้แก่ สำนวนแปลของรัศมี เผ่าเหลืองทอง และ อำนวยชัย ปฏิพัทธ์เผ่าพงศ์ (สำนวนที่ 1) และสำนวนแปลของสรวงอัปสร กสิกรานันท์ (สำนวนที่ 2) ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยด้านเวลาที่แปลส่งผลต่อความแตกต่างของกลวิธีการแปลและการใช้ภาษาในสำนวนแปลภาษาไทยสองสำนวน นอกจากนี้ ข้อจำกัดเชิงอัตวิสัยอันสัมพันธ์กับผู้แปลยังส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อความแตกต่างของสำนวนแปลทั้งสองสำนวนด้วย</p> ธงชัย แซ่เจี่ย Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 23 3 164 186 กลวิธีการแปลคำจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษในหนังสือรวมบทร้อยกรองอิสระเรื่อง “ไม่มีหญิงสาวในบทกวี” https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/269599 <p>งานวิจัยฉบับนี้ศึกษากลวิธีการแปลคำประเภทต่าง ๆ จากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษที่พบในหนังสือรวมบทร้อยกรองอิสระคัดสรรเรื่อง “ไม่มีหญิงสาวในบทกวี” โดยซะการีย์ยา อมตยา (2553) บรรณาธิการโดย ธอม ราดซีเอนดะ และแปลโดย ปรียาภรณ์ เจริญบุตร และ สุนิดา สุพันธมาตย์ ผู้วิจัยวิเคราะห์กลวิธีการแปลคำ โดยใช้วิธีการแบ่งประเภทของคำตามหลักของชำนาญ รอดเหตุภัย (2523) ซึ่งแบ่งคำออกเป็น 20 ประเภท โดยพบว่าบทร้อยกรองดังกล่าวมีการใช้คำ 13 ประเภท ผู้วิจัยได้เลือกคำ 10 ประเภท (รวม 219 คำ) เพื่อวิเคราะห์กลวิธีการแปลจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ และพบว่า มีการใช้วิธีการแปลคำโดยใช้คำภาษาอังกฤษที่มีความหมายเหมือนหรือเทียบเคียง (equivalence) ทั้งสิ้น 169 คำ และมีคำที่ไม่มีความหมายเทียบเคียงในภาษาอังกฤษ (non-equivalence) จำนวน 50 คำ ที่แปลโดยใช้กลวิธีการแก้ปัญหาการแปลคำที่เสนอโดยเบเคอร์ (Baker, 2011) 6 วิธี เรียงลำดับจากมากไปหาน้อยได้แก่ 1) การแปลโดยการละ 2) การแปลโดยใช้คำยืมหรือคำยืมประกอบคำอธิบาย 3) การแปลโดยการถอดความโดยใช้คำที่มีความหมายเกี่ยวข้องกัน 4) การแปลโดยใช้คำที่มีความหมายกว้างกว่า 5) การแปลโดยการถอดความโดยใช้คำที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน และ 6) การแปลโดยใช้คำที่เป็นกลางหรือสื่ออารมณ์น้อยกว่า นอกจากนี้ ยังพบลักษณะการแปลคำประเภทอื่น ๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ การแปลคำที่เป็นชื่อเฉพาะ และการแปลคำที่มีข้อจำกัดด้านรูปแบบการสะกดคำในภาษาไทย</p> ผณิดา ชื่นมนุษย์ กมลรัตน์ ศรีหารักษา Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 23 3 187 216 การศึกษางานแปลวรรณกรรมคำสอนจีน สมัยรัตนโกสินทร์ตอนกลาง : กรณีศึกษาการแปลเรื่องนางเคงเกียงสอนบุตร https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/270084 <p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการแปลวรรณกรรมคำสอนจีนเป็นภาษาไทยสมัยรัตนโกสินทร์ตอนกลางเรื่องนางเคงเกียงสอนบุตร ซึ่งสันนิษฐานว่าแปลในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยถือเป็นยุครอยต่อโดยมีการผสมผสานระหว่างวรรณคดีรูปแบบเก่าและวรรณคดีรูปแบบใหม่ที่ได้รับอิทธิพลมาจากชาติตะวันตก ทั้งนี้ เนื่องจากในสมัยนั้นไม่มีผู้เชี่ยวชาญทั้งภาษาจีนและไทยได้ดีในบุคคลเดียวกันเหมือนกับช่วงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ลักษณะและวิธีการแปลวรรณกรรมจีนทั้งหลายจึงต้องอาศัยทั้งวิธีการเพิ่มเติมข้อความ ขยายความ วิธีรวบรัดตัดย่อ เพื่อให้ผู้อ่านชาวไทยเข้าใจเนื้อหาของวรรณกรรมนั้น ๆ ได้ง่ายขึ้น ผลการศึกษาพบว่า เรื่องนางเคงเกียงสอนบุตรใช้วิธีการแปลต่อไปนี้ การตัดข้อความ ขยายความ ดัดแปลงข้อความ เพิ่มเติมตัวอย่างในข้อความต้นฉบับ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้บทแปลภาษาไทยมีเนื้อหาที่คลาดเคลื่อนกับต้นฉบับภาษาจีนอยู่มาก สำหรับการถอดเสียงภาษาจีนเป็นภาษาไทย พบว่าคำทับศัพท์ภาษาจีนในบทแปล เช่น ชื่อบุคคล ถอดตามเสียงภาษาจีนแต้จิ๋วเป็นหลัก แต่ยังคงปรากฏการถอดเสียงตามภาษาจีนฮกเกี้ยนอยู่บ้าง เช่นเดียวกับวรรณกรรมจีนเรื่องอื่น ๆ ที่ปรากฏในสังคมไทยก่อนยุคดังกล่าว อาทิ ไซ่ฮั่น สามก๊ก เลียดก๊ก สุภาษิตขงจู๊ เป็นต้น ซึ่งแสดงถึงการเปลี่ยนผ่านจากการใช้คำทับศัพท์ตามเสียงจีนฮกเกี้ยนมาเป็นเสียงจีนแต้จิ๋ว อนึ่ง ผู้วิจัยคาดว่าวัตถุประสงค์หลักในการแปลวรรณกรรมคำสอนเรื่องนี้ คือ ผู้แปลปรารถนาจะเผยแพร่งานวรรณกรรมเชิงปรัชญาของจีนสู่สังคมไทย ตลอดจนสะท้อนหลักปฏิบัติตนของชนชั้นต่าง ๆ ในสังคม</p> ศิริวรรณ ลิขิตเจริญธรรม Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 23 3 217 241 ภาพสะท้อนภาวะสมัยใหม่จากพระราชนิพนธ์บทละครแปลงจากภาษาฝรั่งเศส ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/270666 <p>พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นผู้นิพนธ์บทละครพูด ซึ่งเป็นบทพระราชนิพนธ์ละครแปลงจากภาษาฝรั่งเศส โดยอาศัยต้นฉบับจากวรรณกรรมร่วมสมัยในช่วงคริสต์ศตวรรษที่19-20 มาเป็นแนวทางในการแปลงเป็นบทละครภาษาไทย ซึ่งยังสะท้อนสภาวะสมัยใหม่ (modernity) แก่ผู้คนในสังคมไทยในสมัยรัชกาลที่ 6 การศึกษาบทพระราชนิพนธ์ละครแปลงจากละครพูดภาษาฝรั่งเศสร่วมกับการวิเคราะห์หลักฐานทางประวัติศาสตร์อันได้แก่ บันทึก จดหมายเหตุ และสื่อวรรณกรรมร่วมสมัยอื่น ๆ ซึ่งเป็นการสื่อสารของรัชกาลที่ 6 กับพสกนิกรในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว อีกทั้งทฤษฎีแนวความคิดภาวะสมัยใหม่ จึงเป็นการเปรียบเทียบให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพด้านการแปลงบทประพันธ์เพื่อสอดแทรกและชักนำสังคมไทยให้ก้าวทันโลกสมัยใหม่ มีความแข็งแกร่งต่ออิทธิพลคุกคามจากภายนอก ไปจนถึงสร้างความเป็นชาตินิยมสมัยใหม่ให้สังคมมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทำให้เข้าใจถึงพัฒนาการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยจากยุคจารีตเข้าสู่ความเป็นสมัยใหม่ได้อย่างกลมกลืน</p> คัคนางค์ คันธสายบัว Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 23 3 242 263 การศึกษาหัวข้อไวยากรณ์คำสุภาพภาษาญี่ปุ่นในตำราเรียนชั้นต้น https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/266519 <p class="Contentnew0">บทความวิจัยนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษา <em>Keigo</em> (คำสุภาพในภาษาญี่ปุ่น) ในหัวข้อไวยากรณ์ในตำราภาษาญี่ปุ่นที่เผยแพร่ในประเทศไทย โดยเน้นศึกษาคำนิยาม เกณฑ์การแบ่งประเภทและการยกตัวอย่างของ <em>Keigo</em> ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า คำนิยามและเกณฑ์การแบ่งประเภทของ <em>Keigo </em>ในตำรามีจุดที่ต่างกันและคลาดเคลื่อนจากหลักเกณฑ์ของ Bunkacho จากการศึกษาลักษณะการยกตัวอย่างประโยคการใช้ <em>Keigo</em> พบว่า ยังขาดคำอธิบายเกี่ยวกับบริบทอยู่ ดังนั้นผู้วิจัยจึงคาดหวังว่าบทความนี้จะสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับ <em>Keigo</em> ให้กระจ่างชัดขึ้น และการชี้ให้เห็นถึงปัญหาของ <em>Keigo</em> ในหัวข้อไวยากรณ์ เพื่อลดปัจจัยก่อความเข้าใจผิดของผู้เรียนภาษาญี่ปุ่น</p> ชนิกา จิตธารารักษ์ ฉัตรพงศ์ เศรษฐสมภพ Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 23 3 264 287 ความสำคัญของวิชาการฝึกงานต่อการพัฒนาทักษะทางปัญญาและทักษะทางพฤติกรรมนักศึกษาวิชาเอกภาษาญี่ปุ่น https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/265778 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาว่าวิชาการฝึกงานมีความสำคัญต่อนักศึกษารวมถึงหลักสูตรอย่างไร โดยศึกษาประเด็นที่เกี่ยวข้องกับทักษะทางปัญญาและทักษะทางพฤติกรรมของนักศึกษา เพื่อนำผลการวิจัยมาปรับปรุงพัฒนานักศึกษาให้เป็นบุคลากรคุณภาพถึงพร้อมทุกด้านยิ่งขึ้น ข้อมูลที่ใช้ในการศึกษามาจากความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้อง ได้แก่ นักศึกษาฝึกงาน และหน่วยงานที่รับนักศึกษาฝึกงาน ผลการศึกษาพบว่าเป้าหมายการฝึกงานของนักศึกษามีทั้งส่วนที่เกี่ยวข้องกับทักษะทางปัญญา และทักษะทางพฤติกรรม หลังการฝึกงาน นักศึกษาประเมินตนเองว่าสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ และพึงพอใจการฝึกงานในระดับ “มาก” ผู้ประกอบการคาดหวังทักษะทางปัญญาและทักษะทางพฤติกรรมจากนักศึกษาฝึกงานในระดับ “มาก” โดยความคาดหวังทักษะทางพฤติกรรมสูงกว่าทักษะทางปัญญาเล็กน้อย ด้านผลประเมินการฝึกงาน แม้ค่าเฉลี่ยผลประเมินทักษะทางปัญญาและทักษะทางพฤติกรรมของนักศึกษาหลังการฝึกงานต่ำกว่าความคาดหวัง แต่ไม่มีนัยสำคัญเชิงสถิติ เมื่อพิจารณารายข้อพบว่า นักศึกษามีทักษะการสื่อสารต่ำกว่าที่ผู้ประกอบการคาดหวังในทุกกลุ่มงาน จากผลการศึกษาสามารถสรุปได้ว่าการฝึกงานช่วยชี้ให้เห็นข้อควรปรับปรุงสำหรับนักศึกษาและหลักสูตรชัดเจนขึ้นและสะท้อนการจัดการเรียนการสอนในปัจจุบันที่ยังไม่สามารถพัฒนาให้นักศึกษามีทักษะการสื่อสารที่ดีมีประสิทธิภาพได้ การพัฒนาทักษะทางพฤติกรรมโดยเฉพาะทักษะการสื่อสารจึงเป็นประเด็นที่ท้าทายหลักสูตรในการหาวิธีการเสริมสร้างทักษะการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นตามที่ผู้ประกอบการคาดหวัง</p> พัชราพร แก้วกฤษฎางค์ สุณีย์รัตน์ เนียรเจริญสุข ปิยะนุช วิริเยนะวัตร์ Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 23 3 288 309 มนุษยศาสตร์ในศตวรรษที่ 21 : วิเคราะห์เนื้อหาและทิศทางของหลักสูตรอาณาบริเวณศึกษาในอุดมศึกษาไทย https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/262232 <p>งานวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อวิเคราะห์เนื้อหารายวิชาบังคับด้านมนุษยศาสตร์ในหลักสูตรอาณาบริเวณศึกษา และ 2) เพื่อวิเคราะห์ทิศทางของมนุษยศาสตร์ในศตวรรษที่ 21 สำหรับหลักสูตรอาณาบริเวณศึกษา โดยมีขั้นตอนการวิจัย คือ 1) การสำรวจและรวบรวมหลักสูตรอาณาบริเวณศึกษาในระดับปริญญาตรีที่ดำเนินการเรียนการสอนในสถาบันอุดมศึกษาของไทย 2) การวิเคราะห์เนื้อหารายวิชาจากสาขาย่อยของมนุษยศาสตร์ ด้วยการศึกษารายวิชาต่าง ๆ จากกลุ่มวิชาบังคับในหลักสูตรอาณาบริเวณศึกษา 3) การระบุทิศทางมนุษยศาสตร์ในศตวรรษที่ 21 สำหรับหลักสูตรอาณาบริเวณศึกษา จากการวิจัยพบว่า การจำแนกสาขาย่อยของมนุษยศาสตร์ สามารถแบ่งเป็น 1) สาขาปรัชญาและศาสนา 2) สาขาภาษา 3) สาขาประวัติศาสตร์ 4) สาขาวรรณคดี และ 5) สาขาศิลปะ หลักสูตรอาณาบริเวณศึกษาในระดับปริญญาตรี มีจำนวน 21 หลักสูตร ซึ่งพบว่าเนื้อหาในสาขาภาษาและสาขาประวัติศาสตร์ ปรากฏรายวิชาในหลักสูตรมากที่สุด ส่วนสาขาวรรณคดีปรากฏรายวิชาในหลักสูตรน้อยที่สุด และเมื่อเปรียบเทียบรายวิชามนุษยศาสตร์และเนื้อหาจากหลักสูตรเก่าและหลักสูตรใหม่ พบว่ามีทิศทางและเนื้อหารายวิชาที่ใกล้เคียงเดิม ขณะที่ทิศทางมนุษยศาสตร์ควรผนวกแนวทางการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ทั้งทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ การคิดเชิงสร้างสรรค์ การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการเรียนรู้ในรูปแบบบูรณาการ</p> ปริตต์ อรุณโอษฐ์ ดนุพล เฉลยสุข Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 23 3 310 345 การต่อสู้และจิตสำนึกทางการเมืองของชาวนาและผู้ตกอยู่ในสถานะรองในฟิลิปปินส์สมัยอาณานิคมใน PO-ON ของฟรานซิสโค ซีโอนีล โฮเซ https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/265001 <p>บทความชิ้นนี้ต้องการศึกษาวิเคราะห์นวนิยายฟิลิปปินส์แบบหลังอาณานิคมในภาษาอังกฤษเรื่อง <em>PO-ON</em> ของฟรานซิสโค ซีโอนีล โฮเซ ผ่านกรอบคิด “การศึกษาผู้ตกอยู่ในสถานะรอง” เพื่อเผยให้เห็นว่า ภายใต้การปกครองของคณะสงฆ์คาทอลิกและข้าราชการอาณานิคมในช่วงปลายสมัยอาณานิคมสเปนและในสงครามฟิลิปปินส์-อเมริกันนั้น ชาวนาและผู้ตกอยู่ในสถานะรองชาวพื้นเมืองมีการต่อสู้ต่อการครอบงำดังกล่าวในรูปแบบที่หลากหลาย อีกทั้งยังเป็นการเคลื่อนไหวในระดับจิตสำนึกทางการเมืองที่ประกอบขึ้นจากโลกทัศน์และประสบการณ์เฉพาะของพวกเขาเอง ดังนั้น บทความชิ้นนี้จึงต้องการถกเถียงต่อวาทกรรมแบบจักรวรรดิในประวัติศาสตร์นิพนธ์ฟิลิปปินส์ยุคหลังอาณานิคมที่จัดวางให้กบฏชาวนาอยู่ในฐานะการต่อสู้แบบก่อนการเมือง และปราศจากจิตสำนึกทางการเมือง</p> สิริฉัตร รักการ ทวีศักดิ์ เผือกสม สิงห์ สุวรรณกิจ Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 23 3 346 376 ไอดอลทางการเมืองของคนรุ่นใหม่ https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/266118 <p>บทความวิจัยนี้ต้องการศึกษาคนรุ่นใหม่ที่ตื่นตัวทางการเมืองภายใต้โครงสร้างความรู้สึกใหม่เพื่อเข้าใจว่าพวกเขามีความต้องการต้นแบบทางการเมือง หรือ “ไอดอลทางการเมือง” ที่มีคุณลักษณะอย่างไร ด้วยระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ (qualitative methodology) จากกลุ่มตัวอย่างผู้ให้ข้อมูลในพื้นที่จังหวัดหนึ่งในเขตภาคเหนือตอนบน จำนวน 61 คน ผลการวิจัยพบว่า ต้นแบบทางการเมืองหรือไอดอลทางการเมืองที่คนรุ่นใหม่ต้องการ ประกอบด้วยคุณสมบัติเหล่านี้คือ 1) เป็นผู้นำและสามารถสร้างความหวังและพลังบวกในทางการเมือง 2) เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง (change agent) และ 3) เข้าใจปัญหาและมีข้อเสนอที่เป็นรูปธรรม นอกจากนี้จะต้องมีความรู้ความสามารถ รับฟังเสียงประชาชน รับฟังความเห็นที่แตกต่างและสามารถส่งอิทธิพลทางความคิดในวงกว้าง</p> มาลินี คุ้มสุภา Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 23 3 377 406 วุฒิภาวะทางอาชีพของผู้เรียนระดับปริญญาตรี สาขาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการ https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/257008 <p>บทความวิจัยนี้ มีเป้าประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับวุฒิภาวะทางอาชีพของผู้เรียนระดับปริญญาตรี สาขาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการ และ 2) เปรียบเทียบภูมิหลังกับวุฒิภาวะทางอาชีพของผู้เรียน เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามจากผู้เรียนระดับปริญญาตรี ด้านอุตสาหกรรมการบริการและการท่องเที่ยว จำนวน 257 คน เลือกตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนาและสถิติอ้างอิง ผลการวิจัย แสดงผลว่า 1) ผู้เรียนระดับปริญญาตรี สาขาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการมีวุฒิภาวะทางอาชีพระดับค่อนข้างสูง และ 2) ผู้เรียนมีภูมิลำเนาต่างกันมีวุฒิภาวะทางอาชีพแตกต่างกัน (<em>p</em> &lt; 0.05)</p> พงศ์เสวก เอนกจำนงค์พร Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 23 3 407 420 รูปแบบการพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวสำหรับอุทยานธรณีผาชัน สามพันโบก จังหวัดอุบลราชธานี https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/265766 <p>บทความวิจัยนี้มุ่งเสนอรูปแบบการพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวสำหรับอุทยานธรณีผาชัน สามพันโบก จังหวัดอุบลราชธานี เป็นการวิจัยแบบผสม กลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอุทยานธรณีผาชัน สามพันโบก จำนวน 30 คน นักท่องเที่ยวทดลอง 30 คน และนักท่องเที่ยว 400 คน เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ และการประชุมกลุ่มย่อย ซึ่งวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหาและสถิติเชิงพรรณนา ผลการศึกษาพบว่า รูปแบบเส้นทางการท่องเที่ยวสำหรับอุทยานธรณีผาชัน สามพันโบก ได้สร้างขึ้นเป็นแบบผสมผสานที่รวมเอาทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน โดยแสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ของวิถีชีวิตลุ่มน้ำโขง อีกทั้ง มีกิจกรรมที่หลากหลายที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้มีส่วนร่วมกับคนในพื้นที่ เพื่อเป็นการสร้างเสริมประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งสามารถสร้างเส้นทางการท่องเที่ยวได้ 2 รูปแบบ คือ สำหรับ 3 วัน 2 คืน และสำหรับ 1 วัน โดยแบ่งได้ 3 เส้นทาง ได้แก่ 1) ธรณีสัณฐานจิตวิญญาณแม่น้ำโขง 2) จากแสงแรกแห่งสยามสู่เขตคามไดโนเสาร์ และ 3) ประวัติศาสตร์ผาแต้มสี ธรณีภูพร้าว วัดเรืองแสง</p> ปริวรรต สมนึก พัชรี ธานี กันยรัชนิ์ ศรีจันทร์ Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 23 3 421 449 การสร้างพื้นที่การเรียนรู้และการท่องเที่ยวผ่านเรื่องราวศิลปวัฒนธรรมชุมชนด้วยการแกะสลักบนประตูอุโบสถวัดศิริมงคล บ้านอาฮี อำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/266149 <p>การวิจัยนี้ผู้วิจัยใช้ระเบียบวิธีการวิจัยเชิงคุณภาพในการศึกษา มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาบริบทวัดศิริมงคล บ้านอาฮี อำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย และ 2) ศึกษาการสร้างพื้นที่การเรียนรู้ทางศิลปวัฒนธรรมบนประตูอุโบสถแกะสลัก วัดศิริมงคล อำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย กลุ่มเป้าหมายที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูลคือ ผู้รู้ ผู้ปฏิบัติ 13 คน ใช้แบบสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้าง และประเด็นการสนทนากลุ่มเป็นเครื่องมือในการเก็บและรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการศึกษาพบว่า 1) วัดศิริมงคลสร้างขึ้นราว พ.ศ. 2284 เดิมชื่อว่าวัดสบเงิน เป็นวัดที่ชุมชนใช้ในกิจกรรมทางพุทธศาสนา กิจกรรมของชุมชนและใช้เป็นพื้นที่การจัดการท่องเที่ยว เนื่องจากมีทรัพยากรการท่องเที่ยวที่มีคุณค่าในพุทธศาสนาและชุมชน เช่น พระพุทธรูปปางนาคปรก พระธาตุมะนาวเดี่ยว และอุโบสถที่แกะสลักเรื่องราวศิลปวัฒนธรรมชุมชน และพุทธประวัติ และ 2) การสร้างพื้นที่การเรียนรู้เรื่องราวศิลปวัฒนธรรม ได้แก่ ประเพณีแห่ต้นดอกไม้ การเส็งกลอง การเลี้ยงบ้านและงานบุญเดือนหกที่มีคุณค่าของชุมชนลงบนบานประตูอุโบสถแกะสลักต้องผ่านคณะกรรมการวัดและหมู่บ้านร่วมพิจารณาให้ความเห็นชอบดำเนินการนำเรื่องราวมาเชื่อมโยงกับงานพุทธศิลป์ ด้วยการหาตำแหน่งและฉากของเรื่องราวที่เหมาะสมและมีอัตลักษณ์ของชุมชนมาทำการแกะสลักนูนสูง เพื่อการบันทึกเรื่องราวและใช้เป็นพื้นที่การเรียนรู้และสื่อการจัดการท่องเที่ยวชุมชน</p> ไทยโรจน์ พวงมณี Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 23 3 450 480 ปัจจัยที่มีผลต่อลักษณะของผู้บริโภคอาหารในสถานการณ์โควิด 19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/267947 <p>การแพร่ระบาดของโควิด 19 ส่งผลกระทบในหลากหลายด้าน ทั้งการดำเนินชีวิตและการเดินทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคบริการและร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างในช่วงมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้ผู้บริโภคต้องปรับเปลี่ยนชีวิตวิถีใหม่ นำไปสู่วัตถุประสงค์ของงานวิจัย 2 ประการ คือ 1) เพื่อศึกษาลักษณะของผู้บริโภคช่วงก่อนการระบาดของโควิด 19 ช่วงระหว่างการระบาดของโควิด 19 และช่วงคลายล็อกดาวน์ และ 2) เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อผู้บริโภคในการกลับไปรับประทานอาหารที่ร้านในช่วงที่กลับมาเปิดให้บริการ โดยเก็บข้อมูลจากผู้บริโภคที่เคยใช้บริการร้านอาหารในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลด้วยแบบสอบถามออนไลน์ จำนวน 257 คน จากนั้นวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการสถิติเชิงพรรณนา ร่วมกับการวิเคราะห์เชิงพื้นที่ด้วยระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ผลการวิจัยพบว่า 1) ในช่วงระหว่างการระบาดของโควิด 19 ผู้คนใช้บริการสั่งอาหารดิลิเวอรีมากขึ้นควบคู่ไปกับการทำอาหารรับประทานเอง ส่วนในช่วงคลายล็อกดาวน์ ความถี่และระยะการเดินทางไปรับประทานอาหารที่ร้านลดลงกว่าช่วงก่อนการระบาด 2) ปัจจัยที่มีผลต่อผู้บริโภคในการกลับไปรับประทานอาหารที่ร้านในช่วงที่กลับมาเปิดให้บริการมากที่สุดคือ ด้านรสชาติและคุณภาพอาหาร รองลงมาคือ ปัจจัยด้านบรรยากาศภายในร้านอาหารและความรู้สึกระหว่างการรับประทานอาหารที่ร้าน ทั้งนี้ ผลวิจัยสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางศึกษาข้อมูลผู้บริโภค และผู้ประกอบการร้านอาหารในพื้นที่อื่น ๆ ได้ในอนาคต เพื่อให้ได้ผลการวิจัยที่ครบถ้วนมากยิ่งขึ้น</p> อารีรัตน์ แพทย์นุเคราะห์ สมิตานัน ควรศิริ กุลขนิษฐ์ ธนภัทรศิริโชติ Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 23 3 481 511 ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี? ผลกระทบของความกตัญญูและผู้มีบุญคุณที่มีต่อความตั้งใจในการรับสินบน https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/265900 <p>“ความกตัญญเป็นเครื่องหมายของคนดี” เป็นคำกล่าวสามัญที่สะท้อนความหมายในเชิงบวกในสังคม แต่ในขณะเดียวกัน ความกตัญญูอาจส่งผลให้บุคคลกระทำผิดเพื่อช่วยเหลือผู้มีบุญคุณ งานวิจัยกึ่งทดลองนี้เพื่อศึกษาผลกระทบของความกตัญญูและผู้มีบุญคุณที่มีต่อความตั้งใจในการรับสินบน นักศึกษาจำนวน 178 คน ตอบแบบสอบถามวัดความกตัญญู หลังจากนั้นจึงสุ่มจำแนกเข้ากลุ่มให้อ่านสถานการณ์จำลอง (ผู้มีและไม่มีบุญคุณ) แล้วให้ประเมินการรับรู้ความมีบุญคุณของตัวละครและความตั้งใจในการรับสินบน ผลการวิจัยพบว่าเมื่อรับรู้ว่าตัวละครในสถานการณ์จำลองมีบุญคุณ ผู้เข้าร่วมการวิจัยตั้งใจที่จะรับสินบนมากกว่า อย่างไรก็ตาม ความกตัญญูไม่มีผลต่อความตั้งใจในการรับสินบน ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าผู้มีบุญคุณ มีผลให้บุคคลก่อพฤติกรรมต่อต้านสังคมแต่ความกตัญญูไม่มีผล</p> มนัญชัย วัฒนะกิจ อัธป์ เฝ้าอาจ วรวี พรสิริภักดี ณัทพร พรหมแย้ม ภาวัน แจ้งสว่าง พัฒนกิจ ชอบทำกิจ Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 23 3 512 527 Democracy and Modern Political Conditions in Post-Soviet Eurasia: A Case Study of Kazakhstan https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/267620 <p>This research article aims to focus on democracy and modern political conditions in post-Soviet Eurasia, specifically in the case of Kazakhstan. The objectives of this research article are: 1) to study the status of Kazakhstan as a state of the former Soviet Union; and 2) to analyze political and social change factors with the construction of Kazakhstan’s democracy and state status of post-Soviet Eurasia. After the collapse of the Soviet Union, the problems of all post-Soviet states are their anarchic politics and institutional arrangements. Kazakhstan is similar, yet has different issues attributed to political and social change. In 2022, protests preceded the Ukraine crisis in Kazakhstan. Whether Russia was involved in the collapse of the Soviet Union or not, preferential treatment was offered to a specific group who had connections with the former Soviet government. This result found that the shifts in anti-Russian resistance had affected Kazakhstan's political and social character. The protesters intended to oust the authoritarian leader Nursultan Nazarbayev, the first president from 1990 to 2019. The protests erupted with the freedom movement of Kazakhs as Hordeism, including the phenomenon of Russophobia, which added another dimension to Kazakh politics. Everyone is concerned regarding the crisis in Kazakhstan being the same process in Ukraine. The trend of nationalism in Kazakhstan is becoming increasingly evident as well as attempts to create aspirations for an anarchist state based on Western political philosophy.</p> <p> </p> Jiraporn Ruampongpattana Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 23 3 528 553 Mood, Modality, and Multimodality Analysis in the Thai Government’s Infographics during the Covid-19 Pandemic https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/268679 <p>The purposes of the current study were to explore the interpersonal clause grammar found in mood selections and modality choices and to analyze the multimodality of the Covid-19 infographics published by the Ministry of Public Health of Thailand. The theoretical frameworks were based on Halliday’s Systemic Functional Linguistics (Halliday &amp; Matthiessen, 2014) and modes of communication (Kress, 2010; The New London Group, 1996). The findings suggested that the infographics informed and provided prevention methods for the Covid-19 virus to the general Thai population. The use of obligation and modal markers were significantly higher than other types of modality due to the media’s purpose. The infographics also contained imperative clauses most frequently, followed by declarative clauses, whereas interrogative clauses were not found. In terms of multimodal analysis, the elements and formats in the Covid-19 infographics were similar and interrelated to convey meanings. The consistent presentation helped readers follow the government’s instructions easily.</p> Kittima Taibanguai Pattama Patpong Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 23 3 554 578 Kontrastive-diachrone Analyse von Euripides’ und Goethes Iphigenie als Grundlage zur Anwendung im Deutschliteraturunterricht https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/270586 <p>In dieser Studie werden die Dramen „Iphigenie bei den Taurern“ von Euripides und „Iphigenie auf Tauris“ von Goethe analysiert und verglichen. Diese Werke, die in unterschiedlichen Zeiten und kulturellen Kontexten entstanden sind, werden im Hinblick auf äußeren und innerlichen Aufbau untersucht. Trotz ihrer gemeinsamen mythischen Grundlage lassen sich signifikante Unterschiede aufgrund der verschiedenen zeitlichen und kulturellen Hintergründe erkennen. Die Ergebnisse liefern wichtige Erkenntnisse für die Literaturanalyse und -kritik. Zudem bieten sie Ideen zur Anwendung des kontrastiv-diachronen Ansatzes im Literaturunterricht, der trotz begrenzter Zeit eine umfassende literarische Bildung ermöglichen könnte. Eine kurze Diskussion zu diesem Thema wird am Ende der Analyse angestellt.</p> Prodpran Arunyig Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 23 3 579 601 莫言小说《师傅越来越幽默》及其改编的电影《幸福时光》揭示的社会问题探析 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/263828 <p>本文旨在分析莫言的中篇小说《师傅越来越幽默》及其改编的电影《幸福时光》中所反映的中国社会问题, 并探讨小说和电影在反映社会问题上存在差异的原因。本文采用文本分析法和对比分析法, 结合改编理论进行研究。研究发现, 小说反映的社会问题主要有三个, 分别是: 下岗职工缺乏社会保障; 政府官员不解决实际问题、说空话; 住院贵、医疗保障不到位。其改编的电影反映的社会问题则主要有两个, 分别是: 个别父母对子女照顾不到位及继母虐待孩子, 以及残疾人的社会保障缺失。两者反映的社会问题不同, 其原因主要在于小说改编成电影的过程中受到了四种因素的影响, 分别是: 真实的社会背景、改编者的态度、严格的电影审查制度以及大众审美的变化。因此, 电影并未如实呈现小说中所反映的尖锐的社会问题, 在改编过程中做了较大幅度的调整。</p> Wang Hongren Kanokporn Numtong Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 23 3 602 619 基于HSK动态作文语料库的泰国学生 “是” 字句偏误研究 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/265150 <p>“是” 字句是现代汉语的基础句式, 也是容易出错的句型。本文旨在了解泰国学习者 “是” 字句偏误情况, 并提供相关的教学指导。通过收集和筛选泰国学习者在 “HSK动态作文语料库” 中的 “是” 字句语料, 发现在运用 “是” 字句时出现了较多偏误。本文将这些 “是” 字句偏误分为五类, 通过偏误分析理论, 发现泰国学习者产生偏误的原因主要为目的语负迁移、中介语偏移以及学习环境的影响三个方面。最后, 从教师和学习者两个维度给汉语教师提出两点建议: 一是应对知识点充分理解与讲解, 二是应提高汉语学习者诊断句子的能力。</p> Zumin Yao Chatuwit Keawsuwan Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 23 3 620 639 孔敬府小学教育服务区一区学校中文教学现状调查研究 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/269334 <p>本研究旨在调查泰国小学教育服务区的中文教学现状, 以孔敬府小学教育服务区一区的学校为研究对象。我们综合运用问卷调查法和田野调查法, 深入研究学校基本情况、师资、课程设置、学生学习中文情况、教材使用、教师培训、教学设施和管理情况等8个方面。研究结果表明: 该学区内不同规模的学校条件差异较大, 师资短缺, 课程设置亟待改进, 学生学习中文动力不足, 缺乏统一的课程大纲, 中文教师培训不完善, 教学设施和管理有待提高。在此基础上, 我们建议强化师资力量, 提高教师待遇; 编制统一的大纲, 优化课程设置; 加强宣传引导, 激发学习兴趣; 开发本土教材, 提供多样化选择; 多元化教师培训, 提高教师教学水平; 完善教学管理, 改善教学设施等, 以促进泰国小学中文教育的全面提升和发展。</p> Ruibao Han Nathakarn Thaveewatanaseth Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 23 3 640 658