วารสารศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts <p> วารสารศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (Journal of Liberal Arts, Thammasat University) เป็นวารสารทางวิชาการที่มีกระบวนการประเมินคุณภาพบทความจากผู้ทรงคุณวุฒิในสาขานั้นหรือสาขาที่เกี่ยวข้องอย่างน้อย 3 คน ซึ่งผู้พิจารณาไม่ทราบชื่อผู้แต่ง และผู้แต่งไม่ทราบชื่อผู้พิจารณา (double blinded peer-reviews) จัดพิมพ์ขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้และผลการศึกษา การค้นคว้าใหม่ๆ ทฤษฎี การวิจัย วิธีวิทยา และแนวคิดในสาขาสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ ได้แก่ ภาษา วรรณกรรม ภาษาศาสตร์ ปรัชญา การศึกษา ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ บรรณารักษศาสตร์ จิตวิทยา มานุษยวิทยาและสังคมศาสตร์ เปิดรับบทความที่เขียนด้วยภาษาไทย ภาษาอังกฤษหรือภาษาต่างประเทศอื่นๆ โดยอาจจะอยู่ในรูปแบบบทความวิชาการ บทความวิจัย บทความปริทัศน์ หรือบทวิจารณ์หนังสือ</p> <p> วารสารศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กำหนดออกปีละ 3 ฉบับ คือ ฉบับแรก เดือนมกราคม - เมษายน ฉบับที่ 2 เดือนพฤษภาคม - สิงหาคม และฉบับที่ 3 เดือนกันยายน - ธันวาคม ทั้งนี้ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2562 เป็นต้นไปเปลี่ยนแปลงรูปแบบตีพิมพ์ให้เหลือเพียงรูปแบบเดียวคือการตีพิมพ์ออนไลน์เท่านั้น</p> Faculty of Liberal Arts, Thammasat University th-TH วารสารศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 1513-9131 บทบรรณาธิการ https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/292835 สุภินดา รัตนตั้งตระกูล ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 25 2 ความเป็นเอกภาพของตำนานโนรา https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/282345 <p>บทความนี้มุ่งพิจารณาตำนานโนราเพื่อชี้ให้เห็นความเป็นเอกภาพผ่านการสังเคราะห์โครงสร้างเรื่องของตำนานโนราที่ปรากฏในพื้นที่รอบลุ่มทะเลสาบสงขลา จำนวน 6 สำนวน โดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีโครงสร้างนิทาน ของวลาดิมีร์ พรอพพ์ (Vladimir Propp) เพื่อพิจารณาแกนที่กำหนดเนื้อหา (Content) และการเดินเรื่องของตำนานโนรา มีกรอบความคิดว่า โครงสร้างเรื่องเป็นกฎเกณฑ์กำหนดเนื้อหาและการเดินเรื่อง เทียบได้กับไวยากรณ์ของภาษา ผลการศึกษาพบว่า ท่ามกลางความแตกต่างหลากหลายของตำนานโนราแต่ละสำนวน มีการใช้โครงสร้างเรื่องร่วมกันที่สำคัญ 3 ประเด็น ได้แก่ ผู้สูงศักดิ์ได้รับท่ารำจากผู้มีอำนาจเหนือธรรมชาติ ผู้สูงศักดิ์ประพฤติผิดราชสวัสดิ์จนต้องโทษเนรเทศ และตัวเอกสื่อสารความนัยจนได้คืนเมือง ส่วนกรณีที่ทำให้เข้าใจว่าตำนานโนราแตกต่างกันเกิดขึ้นจากการที่แต่ละสำนวนมีการใช้วิธีการแทนที่ตัวละคร (character) การเปลี่ยนรายละเอียดพฤติกรรม (function) และการแทรก ตัด ปรับ ขยายอนุภาคต่าง ๆ ในตำนาน เพื่อผนวกความคิด ความเชื่อของผู้เล่า เกาะเกี่ยวไว้แล้วแปลงเป็นสำนวนของตนเอง การใช้โครงสร้างเรื่องเดียวกันทำให้ตำนานโนรามีความเป็นเอกภาพ ทุกสำนวนจึงยังคงดำรงอยู่ได้ในสังคมร่วมสมัยอย่างเท่าเทียมด้วยว่าเป็นการเล่าเรื่องเดียวกัน การศึกษาครั้งนี้ยังพบอีกว่า โครงสร้างเรื่องของตำนานโนรามีการใช้ร่วมกันในการอธิบายตำนานเรื่องอื่นทั้งในระดับท้องถิ่นและราชสำนัก</p> วันพระ สืบสกุลจินดา ณิศวรา บานแย้ม ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 25 2 589 606 10.64731/jla.v25i2.282345 Cross-cultural Perspectives on Political Language: A Comparative Review of Thai and American Discourses with Implications for Critical Society https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/287022 <p>With rhetorical, persuasive, and manipulative features of communication, political language has been a research interest in political science, linguistics, sociology, anthropology, and discourse analysis to the present day. The current article aims to shed light on cross-cultural attributes of political language by comparing Thai and American cultural perspectives with a brief, comparative overview by adopting theoretical frameworks in rhetorical devices, Aristotle’s proofs of appeal (1952), and Hofstede’s cultural value dimensions (2001). Given the fact that the language used in this context is perceived as an influential instrument of persuasion and manipulation, political language represents a rich repertoire of convincing messages delivered via speeches, debates, official replies, and announcements to communicate with citizens and people in specific society and the world at large. Of particular interest is an intertwined relationship between language and culture. The current article provides a brief overview of previous and contemporary literature on rhetorical discourse, persuasive proofs of appeal, and cultural value dimensions across intercultural boundaries. The topics of review and discussion are presented as follows: 1) rhetorical overviews; 2) analytical approaches to political language studies; 3) intercultural perspectives on discussion; and 4) summary and implications. This article can be beneficial for extensive cross-cultural communication studies with better understanding on persuasive messages as critical receivers towards society.</p> Peeradej Koomwongthai ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 25 2 607 640 10.64731/jla.v25i2.287022 The Role of Artificial Intelligence (AI) in EFL Classrooms https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/283658 <p>This paper sheds light on integrating Artificial Intelligence (AI) in English language learning. It aims at providing definitions and characteristics of AI in educational backgrounds along with its benefits and how it has developed until recently. Moreover, AI used to encourage the English communication skills of learners is discussed. It can be clearly seen that AI is revolutionizing language education by delivering personalized, engaging, and efficient learning experiences. Utilizing computer-assisted language learning, AI enhances advancements in sizable data and natural language processing to provide tailored lesson plans, interactive practice tools, data-driven insights, and automated assessment. In addition, limitations in AI-powered tool use to develop language learning skills are stated. Research on automatic translation machines is also reviewed to demonstrate their advantages and some points that should be considered. Studies on AI conducted in Thai EFL classrooms are discussed to understand the technological trends and how AI has been implemented to support EFL education in Thailand. Besides the advantages of AI, its potential drawbacks and limitations are presented to make the article well-balanced. Finally, the paper offers innovative suggestions and implications for pedagogy with AI in the area of EFL teaching and learning.</p> Nuntiporn Raungsawat Suwicha Saengroongpetch Nantawan Kamsuriya ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 25 2 641 668 10.64731/jla.v25i2.283658 เกี่ยวกับวารสาร https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/292832 กองบรรณาธิการ วารสารศิลปศาสตร์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 25 2 กองบรรณาธิการ https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/292833 กองบรรณาธิการ วารสารศิลปศาสตร์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 25 2 สารบัญ https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/292834 กองบรรณาธิการ วารสารศิลปศาสตร์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 25 2 เรื่องเล่าแนวการสอนในสื่อออนไลน์ YouTube ในฐานะคติชนดิจิทัล : การวิเคราะห์การสร้างสรรค์และบทบาทหน้าที่ https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/284062 <p>เรื่องเล่าแนวการสอนในสื่อออนไลน์ YouTube จัดได้ว่าเป็นข้อมูลคติชนสมัยใหม่บนอินเทอร์เน็ตหรือที่นักคติชนส่วนหนึ่งเรียกว่า “คติชนดิจิทัล” (Digital Folklore) (Bronner, 2009; Seta, 2019; Tolbert &amp; Johnson, 2019) เรื่องเล่ากลุ่มนี้แสดงให้เห็นว่าคติชนสัมพันธ์กับวิถีชีวิตสมัยใหม่ของกลุ่มผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตหรือคนเจเนอเรชันซีได้เป็นอย่างดี บทความวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์เนื้อหาและแนวคิดสำคัญ การสร้างสรรค์ และบทบาทหน้าที่ของเรื่องเล่าแนวการสอนในสื่อออนไลน์ YouTube ผลการศึกษาพบว่า จุดเน้นสำคัญของเรื่องเล่าแนวการสอน คือ มุ่งเน้นให้บุคคลมีทักษะสมัยใหม่ เช่น ทักษะ EF ทักษะชีวิต ทักษะการเงิน ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นแก่บุคคล ให้ข้อคิด และเสริมกำลังใจในการดำเนินชีวิตในสังคมร่วมสมัย การสร้างสรรค์เรื่องเล่าแนวการสอน ได้แก่ การดัดแปลงนิทานเก่าซึ่งนำเสนอในรูปแบบใหม่ เช่น นิทานเพลง และการสร้างเรื่องเล่าใหม่ที่สัมพันธ์กับวิถีชีวิตสมัยใหม่ ส่วนบทบาทหน้าที่ของเรื่องเล่าแนวการสอน ได้แก่ 1) บทบาทในการสอนคติชีวิตสมัยใหม่และทักษะที่จำเป็น 2) บทบาทในการเสริมกำลังใจแก่บุคคล 3) บทบาทในการให้ความเพลิดเพลิน และ 4) บทบาทในการสร้างพื้นที่แห่งการปฏิสัมพันธ์ในวิถีดิจิทัลของกลุ่มคนเจนซี การศึกษาเรื่องเล่าแนวการสอนในสื่อออนไลน์ YouTube จะเป็นแนวทางในการศึกษาข้อมูลคติชนใหม่บนอินเทอร์เน็ตต่อไป</p> สริตา ปัจจุสานนท์ ศิริพร ภักดีผาสุข ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 25 2 1 31 10.64731/jla.v25i2.284062 อุดมการณ์แห่งพระโพธิสัตว์กับเส้นทางการแสวงบุญของครูบาเจ้าศรีวิชัย ตนบุญแห่งล้านนาสู่การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงศาสนาในลำปาง https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/282558 <p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอุดมการณ์แห่งพระโพธิสัตว์กับเส้นทางการแสวงบุญของครูบาเจ้าศรีวิชัย ตนบุญแห่งล้านนาสู่การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงศาสนาในลำปาง โดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์และการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมเป็นการศึกษาประวัติศาสตร์และศิลปกรรมที่เกี่ยวกับแนวคิดทางศาสนาของครูบาเจ้าศรีวิชัย และนำไปสู่การจัดการท่องเที่ยวตามเส้นทางการแสวงบุญในลำปาง ผลการศึกษาพบว่า การแสวงบุญของครูบาเจ้าศรีวิชัยโดยการนำมวลชนไปบูรณะศาสนสถานสำคัญในลำปางซึ่งมีพุทธตำนานหรือสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์เกิดจากอุดมการณ์แห่งพระโพธิสัตว์ที่ต้องการสั่งสมบุญบารมีเพื่อปรารถนาที่จะขอเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต เส้นทางการแสวงบุญนี้ได้ถูกพัฒนาเป็นเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงศาสนาในลำปางชื่อ “ลำปางรอยทางบุญ” โดยการคัดเลือกวัดสำคัญที่มีสิ่งดึงดูด เช่น สถาปัตยกรรมที่สวยงาม ปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ และเงาพระธาตุ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวในลักษณะอื่นเพื่อสร้างความหลากหลายทางการท่องเที่ยว และจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจในท้องถิ่นด้วย</p> ไพโรจน์ ไชยเมืองชื่น ทักษิณา บุญบุตร ภักดีกุล รัตนา เพียงกานต์ นามวงศ์ ศิริขวัญ ปัญญาเรียน พรพิมล อริยะวงษ์ เอมอร พิพัฒน์วัฒนะโยธิน ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 25 2 32 57 10.64731/jla.v25i2.282558 ทวารวดีนครปฐม : สร้างคุณค่า สร้างมูลค่า สร้างจิตสำนึกรักท้องถิ่น https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/284064 <p>การวิจัยนี้เป็นแบบผสมผสานการวิจัยเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ วัตถุประสงค์ 1) เพื่อสร้างกลไกและเครือข่ายความร่วมมือในการอนุรักษ์ พัฒนา และสร้างสรรค์คุณค่าความสำคัญของอารยธรรมทวารวดีในจังหวัดนครปฐม 2) เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และการบริการจากทุนวัฒนธรรมทวารวดีที่มีคุณค่าและมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค 3) เพื่อพัฒนาศักยภาพและยกระดับผู้ประกอบการ ผู้สืบทอด ผู้สร้างสรรค์ จากทุนวัฒนธรรมทวารวดี 4) เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม และสร้างจิตสำนึกรักท้องถิ่นให้กับคนในจังหวัดนครปฐม มีผลการดำเนินการวิจัยดังนี้ 1) เกิดเครือข่ายความร่วมมือในการส่งเสริม อนุรักษ์ คุณค่าทุนวัฒนธรรมทวารดี จำนวน 67 เครือข่าย โดยมีกลไกและแนวปฏิบัติในการดำเนินการขับเคลื่อนทุนวัฒนธรรมทวารวดี 4 ด้าน ได้แก่ ด้านนโยบายการส่งเสริมพัฒนา ด้านการอนุรักษ์และเผยแพร่ ด้านส่งเสริมทางธุรกิจ ด้านส่งเสริมทางการศึกษา 2) มีแผนที่วัฒนธรรมทวารวดีและทุนวัฒนธรรมในพื้นที่วิจัย ทั้งในส่วนที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้จำนวน 50 รายการ 3) สร้างสรรค์สื่อส่งเสริมการเรียนรู้วัฒนธรรมทวารวดีในรูปแบบวิดีโอโมชันกราฟิกและแอนิเมชัน 4) พัฒนาผู้ประกอบการวัฒนธรรมจำนวน 13 ราย และผลิตสินค้าจากทุนวัฒนธรรมทวารวดีประเภทผลิตภัณฑ์ผ้าและเครื่องแต่งกาย ของใช้ของตกแต่ง อาหาร และหนังสือสำหรับเยาวชน 5) การสร้างสรรค์การแสดงทางดนตรีและนาฏศิลป์ 2 ชุดการแสดง 6) เกิดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมทวารวดี จำนวน 3 เส้นทาง และฟื้นประเพณีตักบาตรข้าวหลามชุมชนวัดพระงาม 7) การประเมินมูลค่าทางเศรษฐกิจที่เป็นอัตราผลตอบแทนจากลงทุน (ROI) เพิ่มขึ้น 58% อัตราผลประโยชน์ต่อต้นทุน (CBA) เพิ่มขึ้น 49% และผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุน (SROI) อยู่ที่ 1:3.83</p> วิรัตน์ ปิ่นแก้ว ปิยะวรรณ ปิ่นแก้ว นิพล เชื้อเมืองพาน พรรณระพี บุญเปลี่ยน สุประวีณ์ ศิรินุกุลวัฒนา ดวงดาว รุ่งเจริญเกียรติ วัลลี นวลหอม ลัทธสิทธิ์ ทวีสุข กฤติยา แก้วสะอาด สรายุทธ์ โชติรัตน์ ภคพร หอมนาน สุทธินันท์ โสภาภาค สิริพร เขตเจนการ ปิยนาถ อิ่มดี จิตรภณ สุนทร เสาวนีย์ มะหะพรหม ทศพล เดชารัตนเจริญกิจ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 25 2 58 81 10.64731/jla.v25i2.284064 การศึกษาเปรียบเทียบกลวิธีการแปลชื่อเฉพาะในวรรณกรรม เรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ และ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเด็กต้องคำสาป ภาคหนึ่งและสอง บทละครเวที https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/284130 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเปรียบเทียบการใช้กลวิธีการแปลในการแปลชื่อเฉพาะจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยในนวนิยาย เรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ และบทละครเวที เรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเด็กต้องคำสาป ภาคหนึ่งและสอง บทละครเวที แปลโดยผู้แปลคนเดียวกัน คือ สุมาลี แต่แปลในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน โดยนำข้อมูลชื่อเฉพาะภาษาอังกฤษและคำแปลภาษาไทยที่เก็บรวบรวมได้มาวิเคราะห์การใช้กลวิธีการแปลตามกรอบแนวคิดการแปลชื่อเฉพาะของ Davies (2003) และ Newmark (1988) ผลการศึกษา พบว่า ผู้แปลมีแนวโน้มการเลือกใช้กลวิธีการแปลชื่อเฉพาะจากวรรณกรรมทั้งสองเรื่องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยกลวิธีที่พบการใช้มากที่สุด คือ กลวิธีการทับศัพท์ และกลวิธีที่พบการใช้น้อยที่สุด คือ กลวิธีการละไม่แปล ซึ่งช่วงเวลาในการแปลที่แตกต่างกันไม่ได้ส่งผลต่อการเลือกใช้กลวิธีการแปลชื่อเฉพาะจากวรรณกรรมทั้งสองเรื่อง ผู้แปลสามารถรักษาความสม่ำเสมอในการเลือกใช้กลวิธีการแปลโดยภาพรวมได้เป็นอย่างดี โดยมีหลักเกณฑ์ในการแปลชื่อเฉพาะแต่ละกลุ่มที่ชัดเจน และเลือกใช้กลวิธีการแปลกลวิธีเดิมในการแปลชื่อเฉพาะที่ปรากฏซ้ำในวรรณกรรม ทำให้เกิดความต่อเนื่องของวรรณกรรมที่มีเนื้อเรื่องเชื่อมโยงกัน</p> สุภานัน คงคำ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 25 2 82 111 10.64731/jla.v25i2.284130 กลวิธีการใช้ภาษาโน้มน้าวใจในโฆษณาขนมเพื่อสุขภาพสำหรับเด็ก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/284383 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์กลวิธีการใช้ภาษาโน้มน้าวใจในโฆษณาขนมเพื่อสุขภาพสำหรับเด็ก เก็บรวบรวมข้อมูลตัวบทโฆษณาขนมเพื่อสุขภาพสำหรับเด็กจากหมวดหมู่ขนมขบเคี้ยวในกลุ่มสินค้าประเภทนมผง และอาหารสำหรับเด็กบนเว็บไซต์ลาซาด้าประเทศไทย ด้วยวิธีการสุ่มแบบเจาะจงได้โฆษณาจำนวน 140 ชิ้น วิเคราะห์ข้อมูลโดยประยุกต์แนวคิดการโฆษณา การโน้มน้าวใจ กลวิธีการใช้ภาษาโน้มน้าวใจ และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเป็นกรอบในการวิเคราะห์ ผลการวิจัยพบกลวิธีการใช้ภาษาโน้มน้าวใจ 4 กลวิธี ได้แก่ การเลือกใช้คำศัพท์ การกล่าวอ้าง การใช้มูลบท และการใช้ทัศนภาวะ กลวิธีการใช้ภาษาที่พบสะท้อนให้เห็นอำนาจของภาษาในการโน้มน้าวใจให้ผู้รับสารซึ่งอาจเป็นพ่อแม่หรือผู้ปกครองตระหนักถึงคุณประโยชน์ เกิดความเชื่อมั่น และตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าให้เด็กบริโภค ทั้งนี้เพื่อผลประโยชน์เชิงธุรกิจ</p> ธนพล เอกพจน์ สุวรรณี ทองรอด ภาคภูมิ สุขเจริญ เพ็ญพิชญา เพ็งศรี มูฮาเน่น ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 25 2 112 141 10.64731/jla.v25i2.284383 แหล่งสารสนเทศท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ : กรณีศึกษา ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอวังหิน จังหวัดศรีสะเกษ https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/284965 <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์ 1) ศึกษาสภาพการใช้แหล่งสารสนเทศท้องถิ่นมาประกอบการเรียนการสอนของศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอวังหิน 2) ศึกษาความต้องการใช้แหล่งสารสนเทศท้องถิ่นมาประกอบการเรียนการสอนของศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอวังหิน 3) ศึกษาแหล่งสารสนเทศท้องถิ่นตำบลดวนใหญ่ อำเภอวังหิน จังหวัดศรีสะเกษ วัตถุประสงค์ที่ 1 และวัตถุประสงค์ที่ 2 เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบสอบถาม กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ บุคลากรศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอวังหิน จังหวัดศรีสะเกษ เลือกจากประชากรทั้งหมด จำนวน 18 คน และวัตถุประสงค์ที่ 3 เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบบันทึกแหล่งสารสนเทศ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดวนใหญ่ 1 คน และผู้นำชุมชนตำบลดวนใหญ่ ทั้งหมด 18 หมู่บ้าน จำนวน 18 คน รวมจำนวน 19 คน เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ผลการวิจัย พบว่า 1. สภาพการใช้แหล่งสารสนเทศท้องถิ่นมาประกอบการเรียนการสอนของศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอวังหิน จังหวัดศรีสะเกษ พบว่า บุคลากรส่วนใหญ่มีสภาพการใช้แหล่งสารสนเทศ จากองค์การบริหารส่วนตำบล โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล สถานีตำรวจ วัด พระธาตุ อนุสาวรีย์ อ่างเก็บน้ำ นักปราชญ์ชาวบ้าน ผู้เชี่ยวชาญ สื่อวิทยุหรือหอกระจายข่าว แผ่นพับ หนังสือ ข่าวสาร เว็บไซต์องค์การบริหารส่วนตำบล เว็บไซต์อำเภอ 2. ความต้องการใช้แหล่งสารสนเทศท้องถิ่นมาประกอบการเรียนการสอนของศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอวังหิน พบว่าบุคลากรส่วนใหญ่มีความต้องการใช้แหล่งสารสนเทศ จากองค์การบริหารส่วนตำบล โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล สถานีตำรวจ ห้องสมุดโรงเรียน ห้องวิทยาศาสตร์ เรือนเพาะชำ ศูนย์การเรียนรู้ในโรงเรียน สถาบันการเงินในชุมชน กลุ่มวิสาหกิจในชุมชน วัด พระธาตุ อนุสาวรีย์ อ่างเก็บน้ำ โรงผลิตน้ำ โรงผลิตปุ๋ย โรงสีชุมชน นักปราชญ์ชาวบ้าน ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ หรือนักวิชาชีพในสาขาต่าง ๆ แผ่นพับ หนังสือ ข่าวสาร หอกระจายข่าวตามหมู่บ้าน เว็บไซต์โรงเรียน เว็บไซต์ชุมชน เว็บไซต์กลุ่มวิสาหกิจชุมชน เว็บไซต์องค์การบริหารส่วนตำบล เว็บไซต์อำเภอ 3. ศึกษาแหล่งสารสนเทศท้องถิ่นตำบลดวนใหญ่ อำเภอวังหิน จังหวัดศรีสะเกษ พบว่า แหล่งสารสนเทศมีห้องสมุด 5 แหล่ง ศูนย์ข้อมูล 12 แหล่ง วัด 8 แหล่ง แหล่งท่องเที่ยว 6 แหล่ง แหล่งภูมิปัญญาท้องถิ่น 13 แหล่ง ปราชญ์ชาวบ้าน 34 คน หอกระจายข่าว 18 แหล่ง แผ่นพับข่าวสารทาง อบต. 18 แหล่ง เว็บไซต์โรงเรียน 6 แหล่ง 8 เว็บไซต์ เว็บไซต์ อบต. 1 เว็บไซต์ และเว็บไซต์กลุ่มวิสาหกิจชุมชน 2 เว็บไซต์</p> จันทกานต์ พันเลียว ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 25 2 142 173 10.64731/jla.v25i2.284965 ลักษณะเฉพาะถิ่นของวรรณกรรมคำสอนสตรี 4 ภูมิภาค https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/285021 <p>บทความนี้มุ่งศึกษาลักษณะเฉพาะถิ่นในวรรณกรรมคำสอนสตรีภาคกลาง ภาคใต้ ภาคเหนือ และภาคอีสาน ผลการศึกษาพบว่า วรรณกรรมคำสอนสตรีสำนวนท้องถิ่นทั้ง 4 ภูมิภาคที่แต่งขึ้นในวัฒนธรรมตัวเขียน แม้จะมีจุดเน้นในการสอนร่วมกันคือ มุ่งสอนผู้หญิงเรื่องบทบาทหน้าที่ของภรรยา แม่เรือน และพุทธศาสนิกชนที่พึงประสงค์ตามค่านิยมในสังคมจารีต รวมทั้งใช้กลวิธีการสอนหลายกลวิธีในลักษณะเดียวกัน แต่วรรณกรรมคำสอนสตรีทั้ง 4 ภูมิภาค ต่างมีรายละเอียดปลีกย่อยด้านเนื้อหาคำสอนและกลวิธีการสอนบางกลวิธีที่ไม่เหมือนกัน ความแตกต่างดังกล่าวเป็นองค์ประกอบสำคัญที่แสดงลักษณะเฉพาะถิ่นของวรรณกรรมที่แต่งขึ้นเพื่อสอนสตรีในแต่ละกลุ่มวัฒนธรรม นอกจากการใช้ภาษาประจำถิ่นและรูปแบบคำประพันธ์ที่เป็นลักษณะเฉพาะของท้องถิ่นตน</p> พฤฒิชา นาคะผิว ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 25 2 174 207 10.64731/jla.v25i2.285021 มุมมองสตรีของฟู่เสวียนผ่านวรรณกรรมกลอน https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/285276 <p>การศึกษาวิจัยนี้เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์บทกวีเกี่ยวกับสตรีในวรรณกรรมกลอนของฟู่เสวียนโดยมุ่งเน้นศึกษาแนวคิดและทัศนคติของผู้เขียนที่มีต่อสตรีในสังคมจีนโบราณ ผลการวิจัยพบว่า ภาพลักษณ์ของสตรีในบทกวีของฟู่เสวียนมีความหลากหลายทั้งในแง่บวกและลบ สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของบทบาทสตรีในสังคมจีนโบราณที่ถูกจำกัดด้วยขนบธรรมเนียมและค่านิยมทางสังคม ฟู่เสวียนพยายามนำเสนอสตรีในภาพของมนุษย์ที่มีความรู้สึกนึกคิดและมีความต้องการที่หลากหลาย สตรีในมุมมองของฟู่เสวียนนั้นมิได้จำกัดเพียงบทบาทภรรยาและมารดา แต่ยังเรียกร้องให้เห็นคุณค่าของตนในฐานะส่วนหนึ่งในสังคมฟู่เสวียนยกย่องสตรีที่มีคุณธรรมและความกล้าหาญเฉกเช่นบุรุษ สนับสนุนให้ผู้หญิงมีวิจารณญาณของตนเองเพื่อตัดสินว่าการกระทำใดถูกหรือผิด แม้การกระทำนั้นเป็นของสามี เขายังนำเสนอแนวคิดความเท่าเทียมทางเพศในลัทธิขงจื่อในมุมมองของฟู่เสวียนภายใต้สังคมปิตาธิปไตย</p> พิชญา วิภาวีนุกูล ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 25 2 208 232 10.64731/jla.v25i2.285276 อิทธิพลของภาษาในเด็กไทยปฐมวัยกับการจำแนกประเภทด้านเพศสถานะ https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/285836 <p>งานวิจัยนี้ศึกษาอิทธิพลของภาษา (คำลงท้ายที่แสดงเพศ) ต่อการจำแนกประเภทด้านเพศสถานะของผู้พูดเมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งที่เป็นรูปธรรมอื่นได้แก่ รูปลักษณ์ กลุ่มตัวอย่างเป็นเด็กไทยอายุ 5 - 6 ปี จำนวน 20 คน ที่ร่วมกิจกรรมจากเกมและกติกาที่สร้างขึ้นบนแท็บเล็ตคอมพิวเตอร์โดยจะระบุเพศของตัวละครในเกมจาก 3 ตัวเลือก คือ ผู้ชาย ผู้หญิง และไม่แน่ใจ ตัวละครในเกมจะพูดประโยคทั้งสิ้น 24 ประโยค แบ่งเป็น 2 เงื่อนไข (1) “สอดคล้อง” ได้แก่ตัวละครที่มีเสื้อผ้าและทรงผมเป็นชายหรือหญิง และพูดประโยคที่มีคำลงท้ายสอดคล้องกับรูปลักษณ์ (2) “ไม่สอดคล้อง” ตัวละครที่มีรูปลักษณ์เป็นชายพูดประโยคที่มีคำลงท้าย “ค่ะ” หรือตัวละครที่มีรูปลักษณ์เป็นหญิงพูดประโยคที่มีคำลงท้าย “ครับ” เสียงพูดที่ใช้มีลักษณะทางเสียงกำกวมที่จะเป็นเพศใดเพศหนึ่งก็ได้ จากคำตอบทั้งหมด 432 ครั้ง แสดงให้เห็นว่าภาษามีอิทธิพลในการจำแนกเพศสถานะมากกว่ารูปลักษณ์ภายใต้เงื่อนไข “ไม่สอดคล้อง” ระหว่างรูปลักษณ์และคำลงท้าย ทั้งในกรณีที่ตัวละครมีรูปลักษณ์เป็นชายพูดประโยคที่มีคำลงท้าย “ค่ะ” และตัวละครมีรูปลักษณ์เป็นหญิงพูดประโยคที่มีคำลงท้าย “ครับ” เด็กเลือกระบุเพศสถานะโดยเป็นไปตามคำลงท้ายอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ผลการวิจัยชี้ให้เห็นถึงบทบาทของภาษาและปฏิสัมพันธ์ในสังคมของเด็กปฐมวัยในการกำหนดมุมมองต่อประเภทของสิ่งต่าง ๆ โดยเฉพาะที่เป็นนามธรรม เช่น เพศสถานะ ซึ่งอาจเป็นผลจากประสบการณ์ความรู้ที่ถูกจัดเก็บในรูปแบบของคำและพัฒนาเป็นเครือข่ายทางความหมายขึ้น</p> สุขุม ปรีชาพานิช จุฑามณี อ่อนสุวรรณ ธฤต วงศ์วรจรรย์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 25 2 233 255 10.64731/jla.v25i2.285836 เล่นจนตาย : คติชนประเภทการละเล่นกับการนำเสนอความรุนแรงในภาพยนตร์ผีไทยร่วมสมัย https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/286543 <p>ภาพยนตร์ผีไทยมักปรากฏการใช้ข้อมูลคติชนเป็นองค์ประกอบสำคัญของการหลอกหลอนและนำเสนอประเด็นปัญหาเกี่ยวกับความรุนแรงในสังคมไทย บทความนี้สนใจการนำเสนอการละเล่นพื้นบ้านและการละเล่นร่วมสมัยในภาพยนตร์ผีไทย 4 เรื่อง ได้แก่ <em>เดอะ เลตเตอร์ เขียนเป็น</em><em>ส่งตาย </em>(2549) <em>เปนชู้กับผี </em>(2549) <em>ลัดดาแลนด์ </em>(2554) และ<em>มอญซ่อนผี </em>(2558) และใช้มุมมองทางคติชนวิทยาร่วมกับแนวคิดทางวัฒนธรรมศึกษาเกี่ยวกับการละเล่น เพื่อวิเคราะห์การนำเสนอการละเล่นปริศนาคำทายแฮงก์แมน การละเล่นซ่อนหา และการละเล่นมอญซ่อนผ้า ในภาพยนตร์ผีไทยทั้ง 4 เรื่องดังกล่าว การศึกษาพบว่า การละเล่นเหล่านี้ถูกนำเสนอขับเน้นให้มีลักษณะแตกต่างไปจากการละเล่นที่คุ้นเคยในวิถีชีวิตคนไทย การละเล่นที่มีอิสระสนุกสนานกลับกลายเป็นการบังคับและความจริงจัง กติกาของการละเล่นที่เท่าเทียมกันกลับกลายเป็นเครื่องมือทำให้ผู้ด้อยอำนาจในชีวิตจริงสามารถมีอำนาจเหนือผู้อื่นได้ และความเฉพาะชั่วคราวของการเล่นกลับพร่าเลือนและส่งผลต่อความเป็นความตายของตัวละครในโลกจริง การละเล่นอันหลอกหลอนเหล่านี้ทำให้ตัวละครสามารถตอบโต้ ต่อสู้ และถ่ายทอดความรุนแรงรูปแบบต่าง ๆ ที่เป็นประเด็นปัญหาในสังคมไทยร่วมสมัย ได้แก่ ประเด็นปัญหาการบูลลี่ ความกดดันจากสังคมแบบทุนนิยมปิตาธิปไตย ความเหลื่อมล้ำทางชนชั้น และอคติทางชาติพันธุ์ คติชนประเภทการละเล่นเป็นเครื่องมือที่ตัวละครผู้ด้อยอำนาจสามารถใช้เพื่อช่วยเหลือตนเองให้ได้รับความยุติธรรมและสามารถสื่อสารความรุนแรงที่พวกเขาต้องเผชิญอย่างอยุติธรรมได้</p> เสาวภาคย์ ขันมั่น ชัยรัตน์ พลมุข ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 25 2 256 288 10.64731/jla.v25i2.286543 การสื่อความหมายผู้คนและมรดกทางวัฒนธรรมในพิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์วิทยาแห่งชาติ : การศึกษาเปรียบเทียบระหว่างเวียดนามและมาเลเซีย https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/286366 <p>การเติบโตขึ้นของพิพิธภัณฑ์ระดับชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา สะท้อนความหลากหลายของกลุ่มคนซึ่งมีอัตลักษณ์ที่แตกต่างกันภายใต้บริบทที่ทับซ้อนของความเป็นสมาชิกของกลุ่มชาติพันธุ์และพลเมืองของชาติผ่านการถูกนำเสนอในพิพิธภัณฑ์ บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเปรียบเทียบแนวคิดการก่อตั้ง การจัดแสดงและการตีความวัตถุสะสม และการบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์วิทยาระดับชาติ 2 แห่ง คือ Vietnam Museum of Ethnology ฮานอย ประเทศเวียดนาม และ Malay-World Ethnology Museum กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ด้วยระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ เก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากเอกสาร การสัมภาษณ์ภัณฑารักษ์ การสังเกตการณ์อย่างมีส่วนร่วม และการวิเคราะห์สื่อออนไลน์ ผลการศึกษาพบว่า พิพิธภัณฑ์มีบทบาทยิ่งต่อการสร้างภาพลักษณ์ของชาติและกำหนดอัตลักษณ์ของ “ผู้คน” ในฐานะที่เป็นสมาชิกของชาติทั้งในมิติความหลากหลายและความเป็นหนึ่งเดียวกันกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เวียดนามนำเสนอ “มรดกทางวัฒนธรรม” ในมิติความหลากหลายทางชาติพันธุ์ผ่านแนวคิด The People of Vietnam โดยจำแนกตามภาษาและวัฒนธรรม ในขณะที่มาเลเซียมุ่งนำเสนอความเป็นเอกภาพ ภายใต้แนวคิด Unity of Malaysia โดยจัดกลุ่มตามระบบความเชื่อ ทั้งสองแห่งดำเนินการอย่างสอดคล้องกับนโยบายทางการเมืองการปกครองและวัฒนธรรม แสดงให้เห็นว่าพิพิธภัณฑ์เป็นเครื่องมือของการสร้างความเป็นชาติในรูปแบบหนึ่ง</p> พิสุทธิลักษณ์ บุญโต ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 25 2 289 319 10.64731/jla.v25i2.286366 การศึกษาเปรียบเทียบภาษาท่องเที่ยวในเว็บไซต์ท่องเที่ยวของไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/285875 <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะและหน้าที่ในการสื่อสารของภาษาท่องเที่ยวและเปรียบเทียบลักษณะภาษาที่ใช้ในเว็บไซต์ท่องเที่ยวของประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ข้อมูลภาษาไทยเก็บรวบรวมจากบทความในเว็บไซต์ www.chillpainai.com ในภาษาไทย ข้อมูลภาษาจีนเก็บรวบรวมจากเว็บไซต์ ctrip.com ในภาษาจีน ตั้งแต่ พ.ศ. 2564 ถึง พ.ศ. 2565 รวมทั้งสิ้น 400 ตัวบท โดยใช้แนวทางการวิเคราะห์ภาษาท่องเที่ยวของ Dann (1996) และ Durán-Muñoz (2012) วิธีการวิเคราะห์แบ่งเป็น 2 มิติ ได้แก่ มิติภาษาด้านการใช้ศัพท์ ด้านวากยสัมพันธ์ ด้านการใช้เครื่องหมายและสัญรูป และมิติด้านหน้าที่ของภาษาท่องเที่ยว จากนั้นจึงเปรียบเทียบความเหมือนและความต่างระหว่างภาษาท่องเที่ยวของไทยและของจีน ผลการศึกษาพบว่า ภาษาท่องเที่ยวของไทยและจีนมีลักษณะเด่นทั้งด้านการใช้ศัพท์ ประโยค และการใช้เครื่องหมายและสัญรูป มีทั้งที่เหมือนและแตกต่างกัน ในแง่หน้าที่ของภาษาท่องเที่ยว พบว่าเว็บไซต์ท่องเที่ยวไทยเน้นหน้าที่เชิงปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ส่งสารกับผู้รับสาร ส่วนของจีนเน้นหน้าที่เชิงบทกวีที่สื่อความคิดที่ลึกซึ้ง</p> ปาวเว่ย เผิง จันทิมา อังคพณิชกิจ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 25 2 320 354 10.64731/jla.v25i2.285875 บทบาทเบื้องหลังของสีว์ก่วงผิงที่มีต่อผลงานขับเคลื่อนสังคมของหลู่ซวิ่น https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/290057 <p>งานวิจัยนี้มุ่งวิเคราะห์บทบาทเบื้องหลังของ “สีว์ก่วงผิง” ผู้เป็น “คู่ชีวิตทางจิตวิญญาณ” และผู้สนับสนุนคนสำคัญของ “หลู่ซวิ่น” นักเขียนจีนผู้ทรงอิทธิพลในยุคจีนสมัยใหม่ ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนสังคมผ่านวรรณกรรมในช่วงเปลี่ยนผ่านของประวัติศาสตร์ชาติ โดยมุ่งวิเคราะห์ว่า บทบาทของสีว์ก่วงผิงมีอิทธิพลอย่างไรต่อแนวทางความคิด ผลงานการเขียน และการเคลื่อนไหวทางสังคมของหลู่ซวิ่น โดยเฉพาะในช่วงระยะเวลาตั้งแต่ที่ทั้งสองเริ่มอยู่ด้วยกันในฐานะคู่ชีวิตจนกระทั่งวาระสุดท้ายของหลู่ซวิ่นระหว่างปีคริสต์ศักราช 1927-1936 จากการศึกษาโดยอาศัยการวิเคราะห์เอกสารต่าง ๆ เช่น จดหมายโต้ตอบในหนังสือ “จดหมายสองถิ่น” (《两地书》) และงานเขียนอื่น ๆ ของสีว์ก่วงผิง พบว่าสีว์ก่วงผิงมีอุดมการณ์ทางการเมืองและความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างชัดเจนมาตั้งแต่ก่อนรู้จักหลู่ซวิ่น อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการผลักดันแนวคิดสมัยใหม่เกี่ยวกับสิทธิสตรี ความเท่าเทียม และการปฏิรูปสังคม นอกจากนี้ยังพบว่าสีว์ก่วงผิงมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนชีวิตและการทำงานของหลู่ซวิ่นในหลายมิติ ตั้งแต่การจัดการชีวิตประจำวัน การร่วมเคลื่อนไหวทางการเมือง ไปจนถึงการมีส่วนร่วมในการสืบสานเจตนารมณ์และการเผยแพร่ผลงานของหลู่ซวิ่นหลังจากที่หลู่ซวิ่นเสียชีวิต งานวิจัยนี้ จึงเสนอให้พิจารณาสีว์ก่วงผิงในฐานะ “ปัญญาชนหญิง” ที่เป็น “ผู้ร่วมสร้างที่ไม่ปรากฏชื่อ” ซึ่งสะท้อนบทบาทเชิงปัญญาและการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงในการผลิตและขับเคลื่อนผลงานของหลู่ซวิ่น ทั้งนี้เพื่อนำเสนอทัศนะใหม่ต่อการศึกษาหลู่ซวิ่นในบริบทจีนศึกษา ตลอดจนส่งเสริมความเข้าใจที่ลุ่มลึกยิ่งขึ้นต่อบทบาทของสตรีในประวัติศาสตร์วรรณกรรมและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมของจีนสมัยใหม่</p> สุพัตรา ห.เพียรเจริญ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 25 2 355 387 10.64731/jla.v25i2.290057 “พะวะฮะระ” ปัญหาการคุกคามโดยใช้อำนาจในที่ทำงาน : กรณีศึกษาการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลญี่ปุ่น https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/287900 <p>บทความนี้ศึกษาการดำเนินการแก้ไขปัญหา “การคุกคามโดยใช้อำนาจในที่ทำงาน” (Power harassment in workplace) ของรัฐบาลญี่ปุ่น โดยใช้วิธีศึกษาเชิงพรรณนา (Descriptive approach) ในการวิเคราะห์ข้อมูลจากเอกสารและสื่อที่รัฐจัดทำขึ้น ผลการศึกษาพบว่า รัฐใช้การออกกฎหมายเป็นเครื่องมือในการกำหนดให้เป็นหน้าที่ของนายจ้างในการจัดการปัญหา โดยกำหนดโทษสูงสุดไว้คือ การเปิดเผยชื่อกิจการที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายให้สาธารณชนทราบ แต่ไม่มีการกำหนดบทลงโทษโดยตรงต่อผู้คุกคาม โดยรัฐทำหน้าที่ในการให้ข้อมูล และสร้างสื่อเพื่อให้ความรู้แก่หน่วยงานและบุคคล แนวทางการแก้ปัญหาของรัฐบาลญี่ปุ่นจึงเป็นการให้การศึกษามากกว่าการลงโทษผู้กระทำผิด</p> ปิยวรรณ อัศวราชันย์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 25 2 388 414 10.64731/jla.v25i2.287900 คุณสมบัติทางวิทยาหน่วยคำของคำยืมภาษาต่างประเทศในภาษารัสเซีย : ศึกษาตามแนวภาษาศาสตร์โครงสร้าง https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/285125 <p>งานวิจัยเรื่อง “คุณสมบัติทางวิทยาหน่วยคำของคำยืมภาษาต่างประเทศในภาษารัสเซีย: ศึกษาตามแนวภาษาศาสตร์โครงสร้าง” มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาคุณสมบัติทางวิทยาหน่วยคำของคำยืมภาษาต่างประเทศในภาษารัสเซียตามแนวทางทฤษฎีภาษาศาสตร์โครงสร้าง โดยใช้กรอบแนวคิดของภาษาศาสตร์โครงสร้าง (Structural Linguistics) และทฤษฎีไวยากรณ์คำ (Word Grammar) ผลการวิจัยพบว่า คำยืมในภาษารัสเซียส่วนใหญ่มาจากภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส และภาษาเยอรมัน อันเป็นผลมาจากความสัมพันธ์ทางสังคม วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คำยืมเหล่านี้มีการปรับรูปคำให้สอดคล้องกับระบบไวยากรณ์ภาษารัสเซีย เช่น การเติมปัจจัยเพื่อสร้างรูปคำใหม่ การเปลี่ยนเสียงท้ายคำ การเปลี่ยนแปลงการสะกด เป็นต้น นอกจากเป็นการเพิ่มจำนวนคำศัพท์ในระบบภาษาแล้วนั้น คำยืมทำให้เกิดความหลากหลายทางโครงสร้างและระบบความหมายของภาษา โดยเฉพาะในกระบวนการสร้างคำใหม่จากรากศัพท์ของคำยืมที่ซึ่งสามารถนำไปใช้ในบริบทที่แตกต่างจากความหมายดั้งเดิม ผลการวิจัยนี้ช่วยอธิบายถึงกลไกการปรับคำยืมเข้าสู่ระบบภาษารัสเซีย และสามารถนำไปพัฒนาแนวทางการสอนภาษา การสร้างฐานข้อมูลคำยืม รวมถึงการวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบในภาษาต่าง ๆ เพื่อวิเคราะห์กลไกสากลของการยืมคำในบริบททางภาษาศาสตร์ที่กว้างขึ้น</p> ปิยาภรณ์ คงแสงภักดิ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 25 2 415 444 10.64731/jla.v25i2.285125 Empowering EFL Student Writers through a Genre-Based Approach with Critical Pedagogy: Tracing Sociopolitical Consciousness through Freire’s Ten Values and Sociopolitical Consciousness Assessment https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/286695 <p>Built on our previous research (Insuwan &amp; Thongrin, 2025), which emphasized students’ criticality and argumentative writing skills through a genre-based critical pedagogy approach, this study examines how classroom interactions, as observed through Freire’s Ten Values of Critical Pedagogy, contributed to 32 college students’ sense of empowerment in academic discussions. Data sources included recorded classroom observations interpreted by Freire’s (2005) Ten Values and a sociopolitical consciousness assessment (Baker &amp; Brookins, 2014), analyzed by two raters. A mixed-methods analysis revealed the participants’ highest engagement with Value 5 (teacher-initiated dialogue on real-world issues) and Value 10 (a supportive teacher-student relationship). These findings highlight the teacher’s role as a facilitator fostering co-learning in line with Freire’s concept of dialogue. Other values receiving high ratings included Value 8, emphasizing critical discussions on societal issues, a foundation for sociopolitical consciousness, Value 2, recognizing students’ realities, Value 7, showing mutual respect, and Value 6, encouraging students to challenge societal norms. These findings aligned with qualitative comments from the two raters and the Sociopolitical Consciousness (SPC) Assessment (Baker &amp; Brookins, 2014). The participants expressed highest sociopolitical awareness in Equality and Rights, Collective Action, Responsibility for the Poor, and Sociopolitical Awareness, while Localized Community Efficacy scored the lowest. These findings indicated that the integrative genre-based approach combined with critical pedagogy, as implemented in our previous work, could effectively empower the participants and fostered their sociopolitical consciousness.</p> Chatuporn Insuwan Saneh Thongrin ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 25 2 445 471 10.64731/jla.v25i2.286695 In Search of “Humanity Before Law”: A Lacanian Reading of the Dead End in Nelly Arcan’s Whore https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/288525 <p>This research article examines Nelly Arcan’s <em>Whore</em> (originally <em>Putain</em> in French) by drawing from the theoretical frameworks of psychoanalysis by Jacques Lacan and poststructuralist feminism by Luce Irigaray, Julia Kristeva, and Judith Butler. Departing from an interpretation that the unnamed narrator in <em>Whore</em> fails to reach what Lacan terms the mirror stage, the article counters that claim and argues that the narrator does, in fact, achieve the mirror stage where her dead older sister, Cynthia, retroactively functions as the idealizing mirror image. As a result, the narrator proceeds to the next stage that is the entrance into the symbolic order. However, the narrator’s problem lies in her longing to fully transcend the Name-of-the-Father and go completely beyond the symbolization of the existing order. As a result, she finds herself in a dead end, reflected by the novel’s repetitive and circular narrative form, where she is traumatized at a glimpse of the impossibility of the Real.</p> Anant Utchin ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 25 2 472 502 10.64731/jla.v25i2.288525 Advancing the Two-Tiered Mind Metatheory: Theoretical Expansion and Preliminary Validation of the Core Human Propensities Scale https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/291435 <p>This research article is aimed at two goals. First, it is aimed at exploring the theoretical expansion of the proposed metatheory of the psyche, the Two-Tiered Mind Model, which the author introduced in a 2024 conceptual work. The Two-Tiered Mind Model aims at attempting to unify diverse psychological frameworks and offer a comprehensive yet succinct model capturing the core nature of the human mind. Second, it is aimed at developing and conducting a preliminary empirical validation of two core human propensities proposed in this metatheory through the creation and initial testing of the Core Human Propensities Scale (CHPS). The proposed two core human propensities are the propensity to cling to the self via comparison and competition, and the propensity to cling to perceived pleasure while avoiding perceived displeasure. These two core human propensities emerged from the author’s synthesis of foundational psychological perspectives. The CHPS item set was adapted from the Nonclinging to Ego Scale (NCES), which was originally developed in a 2022 study. With the use of secondary data from 817 Thai university students collected in the 2022 study, exploratory and confirmatory factor analyses supported a two-factor structure, with good concurrent and discriminant validity.</p> Pummarat Ridthikerd ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 25 2 503 535 10.64731/jla.v25i2.291435 Historische Literaturpragmatik als heuristisches Interpreta-tionsverfahren und interkulturell-literaturwissenschaftliche Didaktik zur Vermittlung des verfremdenden Denkens am Beispiel von Dû bist mîn, ich bin dîn (MF 3,1) https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/285963 <p>Der hier vorgelegte Forschungsbeitrag geht von der derzeitigen curricularen Entwicklung des geisteswissenschaftlichen, genauer gesagt, sprachorientierten Studiums aus, in dem die Vermittlung von weitestgehend objektiv messbaren Kompetenzen wie Mündlichkeit bzw. Schriftlichkeit in einer Fremdsprache, in diesem Fall im Deutschen, als Studienziel im Fokus steht. In diesem Zusammen-hang sind auch inhaltliche Kurse wie beispielsweise Literaturkurse so angelegt, dass der Erwerb der Sprachkenntnisse vordergründig ist, während bestimmte nur schwer objektiv zu messende Kompetenzen wie Offenheit, Alteritätstoleranz bis hin zur Empathiefähigkeit in den Hintergrund rücken. Diesbezüglich verfolgt der Beitrag erstens das Ziel, die historische Pragmatik in die historische Literaturpragmatik zu modifizieren, sodass sie als heuristisches Analysen- und Interpreta-tionsverfahren geeignet sein soll. Dieser Ansatz kommt bei der Analyse der Liebessemantik durch die Berücksichtigung des Kotextes und der Deutung eines scheinbar eigenständigen, mittelalterlichen Textes <em>Dû bist mîn, ich bin dîn (MF 3,1) </em>zur Anwendung. Das befremdende Ergebnis der Analyse zeigt, dass es dabei um eine Art erweiterte Liebeskommunikation geht, die der heutigen Liebeskommunikation diametral entgegensteht. Zweitens plädiert der Beitrag für den literatur-wissenschaftlichen und theoretisch begründeten Umgang mit literarischen Texten aller Sprachstufen bzw. Zeiten im DaF-Literaturseminar, weil sich Studierende dadurch Fremdheitserfahrungen aussetzen, die Jauss (1977) zufolge eine Horizontabhebung ermöglichen. Die beiden epistemologischen Erlebnisse bedingen den Erwerb der obigen Kompetenzen.</p> Krisdi Chairatana ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 25 2 536 562 10.64731/jla.v25i2.285963 基于言语行为理论下的医学汉语安慰语语用策略研究——以《急诊室故事》、《中国医生》、《人世间》和《生命缘》四部医学纪录片为例 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/273646 <p>本文以言语行为理论为依托, 以包括《急诊室故事》《中国医生》《人世间》《生命缘》等四部医学纪录片为语料来源, 采用定性和定量相结合的研究方法, 旨在对医患会话中的安慰语语用策略进行分类, 并分析某些策略使用频率更高的原因。首先, 本文借用Searle的构成性规则, 对医学汉语中医护人员对病人或家属实施的安慰语进行定义, 后将其语用策略分为从病人角度出发和从医护角度出发两大策略, 前者细分为 “针对病人情绪策略” 和 “针对病人行为策略”, 后者细分为“针对医护态度策略” “专业技术策略” 和 “应声附和策略”。统计发现, “针对病人情绪策略” 和 “专业技术策略” 的使用频率高于其他策略类型。本文分别从高度以人为中心以及医患权势不对称的角度解释了这一现象。</p> Shasha Zhan Warisa Asavaratana Kanokporn Numtong ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 25 2 563 588 10.64731/jla.v25i2.273646