https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jmspsru/issue/feed
วารสารวิทยาการจัดการมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
2025-08-30T18:38:44+07:00
รองศาสตราจารย์ ดร.ณภัทร วุฒธะพันธ์
jms.psru@psru.ac.th
Open Journal Systems
<p>วารสารวิทยาการจัดการมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม เป็นวารสารที่เน้นการวิจัย ด้านการจัดการครอบคลุมทั้งสาขาวิชาสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ เช่น บริหารธุรกิจ การตลาด เศรษฐศาสตร์ การบริหารธุรกิจ เป็นต้น มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอบทความทางวิชาการและบทความที่มีคุณภาพ ที่มีประโยชน์ทั้งในเชิงทฤษฎี (Theoretical contribution) ที่ช่วยให้นักวิจัยสามารถพัฒนาและสร้างความรู้ และประโยชน์ในเชิงปฏิบัติ (Managerial contribution) ช่วยให้ผู้ประกอบการในท้องถิ่นนำไปประยุกต์ใช้ในการบริหารธุรกิจ และเพื่อให้บริการทางวิชาการแก่สังคมในรูปแบบต่างๆ อันเป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่เรื่องราวในเชิงวิทยาการจัดการในแขนงต่างๆ รวมทั้งเป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยนความรู้ระว่าง คณาจารย์ นักวิชาการ ผู้บริหาร นักธุรกิจ นักศึกษา และประชาชนทั่วไป</p>
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jmspsru/article/view/283901
อิทธิพลของการสื่อสารในการเพิ่มอำนาจการทำนายแนวโน้มการเกิดพฤติกรรมให้กับทฤษฎีพฤติกรรมตามแผน (Theory of Planned Behavior: TPB) : ข้อเสนอแนะเชิงประยุกต์ใช้กับการจัดการธุรกิจ
2025-01-07T08:24:08+07:00
ประภาพรรณ ไชยานนท์
prapaphunch_chaiyanont@yahoo.com
วัชระ วัธนารวี
prapaphunch@gmail.com
พัทธมน บุณยราศรัย
prapaphunch@gmail.com
คมสัน รัตนะสิมากูล
prapaphunch@gmail.com
<p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายอิทธิพลของการสื่อสารในการเพิ่มอำนาจการทำนายแนวโน้มการเกิดพฤติกรรมให้กับทฤษฎีพฤติกรรมตามแผน (Theory of Planned Behavior: TPB) และข้อเสนอแนะเชิงประยุกต์ใช้กับการจัดการธุรกิจ ทฤษฎีพฤติกรรมตามแผนเป็นทฤษฎีที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในการอธิบายและทำนายพฤติกรรมมนุษย์โดยเฉพาะพฤติกรรมที่เกิดจากการไตร่ตรองและตั้งใจ ทฤษฎีนี้ชี้ให้เห็นว่าพฤติกรรมของบุคคลถูกกำหนดโดย ความตั้งใจในการแสดงพฤติกรรม ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัยสามประการหลัก ได้แก่ ทัศนคติต่อพฤติกรรม บรรทัดฐานทางสังคม และ การรับรู้ความสามารถในการควบคุมพฤติกรรม แม้ว่าทฤษฎีพฤติกรรมตามแผนจะมีประสิทธิภาพในการอธิบายพฤติกรรมมนุษย์ในหลาย ๆ การศึกษาที่ผ่านมา แต่อำนาจในการทำนายของทฤษฎีนี้ยังมีข้อจำกัด ปัจจัยหนึ่งที่ถูกนำศึกษาเพื่อเพิ่มอำนาจในการทำนายของทฤษฎีนี้คือ การสื่อสาร การสื่อสารมีบทบาทสำคัญในการชี้นำพฤติกรรมมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสื่อสารที่มีวัตถุประสงค์เพื่อโน้มน้าวใจและกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม การสื่อสารสามารถเพิ่มอานาจการทำนายแนวโน้มการเกิดพฤติกรรมของผู้บริโภคได้ โดยส่งผลต่อทั้ง ทัศนคติ บรรทัดฐานทางสังคม และการรับรู้ความสามารถในการควบคุมพฤติกรรม บทความนี้อธิบายถึงบทบาทของการสื่อสารต่อการแสดงออกเชิงพฤติกรรมของบุคคล การทำงานร่วมกันของปัจจัยสามประการในทฤษฎีพฤติกรรมตามแผน และข้อจำกัดในการทำนายพฤติกรรม รวมถึงการประยุกต์ใช้ทฤษฎีพฤติกรรมตามแผนกับการจัดการธุรกิจ โดยบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการธุรกิจและนักการตลาด ในการพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดและสื่อสารการตลาดที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพิ่มประสิทธิภาพในการทำนายพฤติกรรมผู้บริโภค และกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมการซื้อที่พึงประสงค์ต่อไป</p>
2025-08-30T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jmspsru/article/view/286041
การพัฒนาประสิทธิภาพโซ่อุปทานความเย็น ของธุรกิจผู้ให้บริการโลจิสติกส์สินค้าเกษตรและอาหารในประเทศไทย
2025-03-15T15:30:39+07:00
ปิยะฉัตร จารุธีรศานต์
piyaj.2567@gmail.com
สรพล บูรณกูล
piyaj.2567@gmail.com
<p>โซ่อุปทานความเย็นมีความสำคัญต่อการลดความสูญเสียอาหาร ผักและผลไม้ ซึ่งเป็นสินค้าที่เน่าเสียง่าย การสูญเสียเกิดขึ้นตั้งแต่การเพาะปลูกของเกษตรกร การขนส่ง และการบริโภค การสูญเสียอาหารรวมทั้งคุณภาพของสินค้าเกษตรที่ต่ำกว่ามาตรฐานโดยเฉพาะด้านโภชนาการส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจและการสูญเสียของทรัพยากรต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ระบบทำความเย็นจึงถูกนำมาใช้ตลอดโซ่อุปทานและมีการพัฒนาโซ่อุปทานความเย็นให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสนอแนวทางการพัฒนาประสิทธิภาพโซ่อุปทานความเย็นของธุรกิจผู้ให้บริการโลจิสติกส์สินค้าเกษตรและอาหารในประเทศไทยที่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ผลการศึกษาพบว่า วิธีการจัดเก็บและการกระจายสินค้าที่ดี ความร่วมมือในโซ่อุปทานและการจัดการความยืดหยุ่นของโซ่อุปทานที่ดีจะทำให้เพิ่มประสิทธิภาพของโซ่อุปทานความเย็น ทั้งนี้แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพโซ่อุปทานความเย็นต้องสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมในปัจจุบันโดยที่ผู้ประกอบการธุรกิจโซ่อุปทานความเย็นควรพัฒนาด้านการจัดเก็บและกระจายสินค้าที่ดี มีแนวทางการปฏิบัติงานที่เป็นไปตามมาตรฐาน มีระบบการจัดการคุณภาพและมีการเฝ้าระวังที่ดี ความร่วมมือและความยืดหยุ่นของโซ่อุปทานควรกำหนดเป้าหมายชัดเจน รวมถึงการบูรณาการทางเทคโนโลยีที่จะสนับสนุนให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่การดำเนินงานควรส่งผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด</p>
2025-08-30T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jmspsru/article/view/282194
Enhancing Positive Employee Outcomes through Transparent Internal Communication during Organizational Crisis: The Mediating Role of Employee-organization Relationship
2024-10-13T08:39:44+07:00
Thamarat Jangsiriwattana
thamarat.jan@kbu.ac.th
Krit Witthawassamrankul
thamarat.jan@kbu.ac.th
Iratrachar Amornpipat
thamarat.jan@kbu.ac.th
Supachok Suthichoti
thamarat.jan@kbu.ac.th
<p>A crisis is an unexpected event that causes disruption. Transparent internal communication plays an important role in managing a crisis. This current research investigates the relationship between transparent internal communication and positive employee outcomes; namely employee work engagement, job embeddedness, and job performance. The mediating effect of the relationship between employee and organization was highlighted. The data were collected from employees in hotel and airline businesses in Thailand. Structural equation modeling (SEM) was used for data analysis. The results revealed that transparent internal communication influenced positive employee outcomes during organizational crisis management. The employee-organization relationship played both a partial and full mediating role in the relationship. This result contributes knowledge to human resource management during crises. Implications are also discussed.</p>
2025-08-30T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jmspsru/article/view/283151
อิทธิพลของคุณภาพการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์กับการกลับมาท่องเที่ยวซ้ำ ของนักท่องเที่ยวชาวไทย: กรณีศึกษากาดกองต้า อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง
2024-11-27T09:57:31+07:00
เกศณีย์ สัตตรัตนขจร
ketsanees@gmail.com
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับความสำคัญของคุณภาพการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และการกลับมาท่องเที่ยวซ้ำกาดกองต้าของนักท่องเที่ยวชาวไทยและเพื่อทดสอบอิทธิพลของคุณภาพการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์กับการกลับมาท่องเที่ยวซ้ำกาดกองต้าของนักท่องเที่ยวชาวไทย ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางมาท่องเที่ยวยังกาดกองต้าจำนวน 400 คน ในการวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนา ทดสอบสมมติฐานด้วยการวิเคราะห์ถดถอยเชิงพหุผลการวิจัย พบว่า 1) ระดับความสำคัญคุณภาพการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์กาดกองต้าของนักท่องเที่ยวชาวไทยมีระดับความสำคัญมากคือด้านวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่น (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> =4.14, S.D.=0.723) ด้านเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" />= 4.09, S.D.=0.706) ด้านเพิ่มพูนประสบการณ์ท่องเที่ยว (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" />=4.00, S.D.=0.779) และระดับความสำคัญปานกลางคือ ด้านทรัพยากรทางการท่องเที่ยวที่จับต้องได้ (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" />= 3.99, S.D.=0.722) และด้านสิ่งอำนวยความสะดวก (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" />=3.98, S.D.=0.755) 2) ความสำคัญของการกลับมาท่องเที่ยวซ้ำอยู่ในระดับมาก (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" />=4.17, S.D.=0.665) การทดสอบสหสัมพันธ์พบว่าผ่านเกณฑ์เบื้องต้นในการวิเคราะห์สมการถดถอย และผลการทดสอบอิทธิพลระหว่างคุณภาพการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์กับการกลับมาท่องเที่ยวซ้ำกาดกองต้าของนักท่องเที่ยวชาวไทย พบว่า ด้านเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ด้านวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่น และ ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกมีอิทธิพลเชิงบวกต่อการกลับมาท่องเที่ยวซ้ำกาดกองต้าของนักท่องเที่ยวชาวไทย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ส่วนด้านทรัพยากรทางการท่องเที่ยวที่จับต้องได้ และด้านการเพิ่มพูนประสบการณ์ท่องเที่ยว ไม่มีอิทธิพลต่อการกลับมาท่องเที่ยวซ้ำกาดกองต้าของนักท่องเที่ยวชาวไทย</p>
2025-08-30T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jmspsru/article/view/282840
การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์เพื่อจัดการคลังยาเหลือใช้และเผยแพร่แก่โรงพยาบาลเป้าหมาย
2024-11-21T08:52:02+07:00
ปรีชาพล บุญส่ง
preechaponb@gmail.com
ผณินทร เสือแพร
preechaponb@gmail.com
ขวัญชัย วัชรสุนทรกิจ
preechaponb@gmail.com
กมลณัฐชนก คล้ายนภาแดง
preechaponb@gmail.com
กรรณิกา สาราจันทร์
preechaponb@gmail.com
<p>ปัญหายาเหลือใช้ที่มีเพิ่มมากขึ้นทุกวันแต่ถูกจัดการแบบผิดวิธีทำให้มีผลต่อสิ่งแวดล้อมและงบประมาณ มีโครงการของหน่วยงานจิตอาสาที่ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อขอรับบริจาคยาจากชุมชนในการนำยาเหลือใช้มาคัดแยกเป็นกลุ่มที่สามารถใช้ได้ในการนำไปมอบให้กับโรงพยาบาลที่ขาดแคลนยาตามแนวชายแดนและกลุ่มยาที่ไม่สามารถใช้งานได้หรือหมดอายุแล้วมาทำลายอย่างถูกวิธี แต่ระบบจัดการข้อมูลคลังยาเพื่อการเผยแพร่ข้อมูลแก่โรงพยาบาลเป้าหมายยังเป็นปัญหาสำหรับการบริหาร งานวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1)เพื่อวิเคราะห์และออกแบบระบบฐานข้อมูลและ 2)เพื่อพัฒนาโปรแกรมประยุกต์สำหรับจัดการโดยใช้ Google AppSheet สำหรับการพัฒนาและใช้ Google Sheet เป็นฐานข้อมูล และ 3)เพื่อประเมินประสิทธิภาพของระบบด้วยแบบสอบถามที่ประยุกต์จากทฤษฎีความสำเร็จของระบบสารสนเทศของ Delone และ McLean ซึ่งประกอบด้วยปัจจัย 4 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านคุณภาพสารสนเทศ 2) ด้านคุณภาพระบบ 3) ด้านคุณภาพบริการ และ 4) ด้านความพึงพอใจของผู้ใช้งานที่สามารถนำไปสู่การวัดความสำเร็จของระบบงานสารสนเทศได้จากการสำรวจความพึงพอใจของผู้ทดสอบใช้งานแบบจำเพาะเจาะจงจำนวน 52 คนพบว่า ความพึงพอใจโดยรวมของระบบอยู่ในระดับดีมาก (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" />=4.63) และเมื่อพิจารณาความพึงพอใจด้านสารสนเทศพบว่าเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับดีมากเช่นกัน (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" />=4.63) ทำให้สามารถกล่าวได้ว่าการวิจัยนี้บรรลุวัตถุประสงค์สามารถแก้ปัญหาระบบงานที่กล่าวนำมาได้</p>
2025-08-30T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jmspsru/article/view/283350
อิทธิพลของพฤติกรรมการขายที่มีจริยธรรมและความเชื่อใจในพนักงานขายต่อความภักดีของลูกค้าบริษัทนายหน้าประกันภัยรถยนต์
2024-11-27T08:58:55+07:00
พรรณี กิจสำเร็จ
punnee.k@ku.th
ณัฐพล พันธุ์ภักดี
Punnee.k@ku.th
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาอิทธิพลของพฤติกรรมการขายที่มีจริยธรรมกับความเชื่อใจในพนักงานขายของลูกค้าบริษัทนายหน้าประกันภัยรถยนต์ และ2) ศึกษาอิทธิพลความเชื่อใจในพนักงานขายของลูกค้ากับความภักดีของลูกค้าบริษัทนายหน้าประกันภัยรถยนต์ ประชากรในการศึกษานี้คือ ลูกค้าที่เคยซื้อประกันภัยรถยนต์จากบริษัทนายหน้าประกันภัยแห่งหนึ่ง โดยมีกลุ่มตัวอย่างขนาด 477 ราย ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบสะดวก ใช้แบบสอบถามออนไลน์เป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูล และสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ กำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ผลการวิจัยพบว่า 1) พฤติกรรมการขายที่มีจริยธรรม ได้แก่ พนักงานขายมีทักษะและความเชี่ยวชาญในประกันภัยรถยนต์ (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\beta&space;" alt="equation" />=0.245) ให้คำตอบเท่าที่ตนเองทราบ (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\beta&space;" alt="equation" />=0.220)ไม่อวดอ้างความคุ้มครองของกรมธรรม์เกินกว่าความเป็นจริง (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\beta&space;" alt="equation" />=0.167) และแนะนำประกันภัยรถยนต์ที่เหมาะกับความต้องการของผู้ซื้อ (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\beta&space;" alt="equation" />=0.193) มีอิทธิพลกับความเชื่อใจในพนักงานขายของลูกค้า และ2) ความเชื่อใจในพนักงานขายของลูกค้า ได้แก่ พนักงานขายมีมาตรฐานเกี่ยวกับความซื่อสัตย์และศีลธรรม และการยึดมั่นในมาตรฐานนั้นเมื่อเกิดปัญหาให้ต้องแก้ไข (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\beta&space;" alt="equation" />=0.303) พนักงานขายมีความน่าเชื่อถือเพราะรู้สึกสนใจผลประโยชน์ของลูกค้ามากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\beta&space;" alt="equation" />=0.209) ลูกค้าเชื่อในสิ่งที่พนักงานขายพูดและไม่ได้รู้สึกได้ถึงพฤติกรรมเอาเปรียบลูกค้า (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\beta&space;" alt="equation" />=0.146) และพนักงานขายมีความน่าเชื่อถือได้ และเอาใจใส่ลูกค้าอย่างแท้จริง (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\beta&space;" alt="equation" />=0.158) มีอิทธิพลกับความภักดีของลูกค้า</p>
2025-08-30T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jmspsru/article/view/281513
ปัจจัยการวางแผนทางการเงินที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตทางการเงินที่ดี อย่างมีคุณค่าของผู้สูงอายุ จังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1
2024-10-20T15:58:53+07:00
สร้อยเพชร ลิสนิ
Lissa@kru.ac.th
ฐิติพร พระโพธิ์
amthi18@gmail.com
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยการวางแผนทางการเงิน และวิเคราะห์ปัจจัยการวางแผน ทางการเงินที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตทางการเงินที่ดีอย่างมีคุณค่าของผู้สูงอายุ จังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 กลุ่มตัวอย่างการวิจัยคือ ผู้สูงอายุ จำนวน 400 คน ใช้การสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจงด้วยเครื่องมือการวิจัยใช้แบบสอบถาม ทั้งนี้สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ประกอบด้วย สถิติพรรณนา และสถิติอนุมาน ทดสอบสมมติฐาน ด้วยการวิเคราะห์องค์ประกอบ ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ในเชิงบวกกับคุณภาพชีวิตทางการเงินที่ดีอย่างมีคุณค่า คือ ปัจจัยส่วนบุคคล ประกอบด้วย เพศ การศึกษา รายได้ต่อเดือน ภาระค่าใช้จ่าย และภาระหนี้สิน ปัจจัยด้านการออมและการลงทุน ประกอบด้วย รูปแบบการออมและการลงทุน ผลตอบแทน ระยะเวลา ความเสี่ยง และความรู้ความเข้าใจ และปัจจัยการเตรียมตัวด้านสินทรัพย์ ประกอบด้วย การจัดสรรเงิน การออมและการลงทุน การวางแผนรายรับ-รายจ่าย การจัดการภาระหนี้สิน และการสะสมเงินใช้ยามฉุกเฉิน ขณะที่ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ในเชิงลบกับคุณภาพชีวิตทางการเงินที่ดีอย่างมีคุณค่า คือ ปัจจัยส่วนบุคคล ประกอบด้วย อายุ และอาชีพหลังเข้าสู่วัยสูงอายุ ซึ่งมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01</p>
2025-08-30T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jmspsru/article/view/282400
ความสัมพันธ์ระหว่างผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล กับผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัทจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร
2024-10-15T15:49:21+07:00
สุนิศา แซ่แต้
chira_b@payap.ac.th
จีรพงษ์ มหนิธิวงศ์
chira_b@payap.ac.th
จิระ บุรีคำ
chira_b@payap.ac.th
<p>การศึกษานี้ตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล (ESG) กับผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัทกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จำนวน 60 แห่ง โดยใช้ฐานข้อมูลแบบรายงานเดียว (แบบ 56-1 One Report) รอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และใช้การวิเคราะห์การถดถอยในการประมาณแบบจำลอง ผลการศึกษาพบว่าผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล (ESG) กับผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัทต่างๆ ในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารมีความสัมพันธ์เชิงบวกและสอดคล้องกับสมมติฐานการศึกษาที่กำหนด</p>
2025-08-30T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jmspsru/article/view/285955
ความรอบรู้ด้านสุขภาพของผู้สูงอายุ ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
2025-03-16T08:55:20+07:00
มยุริญ สอนบาลี
mayurin.son@gmail.com
<p>ผู้สูงอายุที่มีความรอบรู้ด้านสุขภาพที่ดีจะช่วยให้สามารถดูแลสุขภาพตนเองได้อย่างเหมาะสมและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความรอบรู้ด้านสุขภาพและปัจจัยส่วนบุคคลที่สัมพันธ์กับความรอบรู้ด้านสุขภาพของผู้สูงอายุในตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในหมู่ 5 ตำบลปิงโค้ง จำนวน 121 คน คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง โดยมีคุณสมบัติ ได้แก่ เป็นประชาชนสัญชาติไทยที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป สามารถสื่อสารภาษาไทย มีการรู้คิดปกติ ปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ และยินยอมเข้าร่วมการศึกษาด้วยความสมัครใจ เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูลใช้โปรแกรมสถิติสำเร็จรูป จากผลการศึกษา พบว่า 1. ความรอบรู้ด้านสุขภาพของผู้สูงอายุ ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่โดยรวมคะแนนเฉลี่ยอยู่ในระดับไม่เพียงพอ โดยคะแนนเฉลี่ยในแต่ละด้านพบว่า ความรอบรู้ด้านสุขภาพระดับเข้าถึง อยู่ในระดับต้องสงสัยว่าไม่เพียงพอ ส่วนระดับเข้าใจ ระดับทบทวน/โต้ตอบ/ซักถาม และระดับตัดสินใจ อยู่ในระดับไม่เพียงพอ และพบว่าระดับเปลี่ยนพฤติกรรม อยู่ในระดับเพียงพอ และ <br />2. ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลและความรอบรู้ด้านสุขภาพ พบว่า ปัจจัยส่วนบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับความรอบรู้ด้านสุขภาพ ได้แก่ อายุ สถานภาพ ระดับการศึกษา รายได้ อาชีพ และแหล่งข้อมูลสุขภาพ<br />ในขณะเดียวกัน และปัจจัยส่วนบุคคลที่ไม่พบความสัมพันธ์กับความรอบรู้ด้านสุขภาพ ได้แก่ เพศ ความเพียงพอของรายได้ และลักษณะที่อยู่อาศัย</p>
2025-08-30T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jmspsru/article/view/286347
ผลกระทบของนวัตกรรมทางธุรกิจต่อผลการดำเนินงานของธุรกิจการค้า ของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อมและรายย่อย (MSMEs) ในประเทศไทย
2025-03-10T09:01:58+07:00
กิตติภพ กันทา
Ritdacha@gmail.com
ฤทธิ์เดชา ตาบุญใจ
ritdacha@gmail.com
สิริพร สีใจคำ
Ritdacha@gmail.com
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยด้านนวัตกรรมทางธุรกิจและผลการดำเนินงานของผู้ประกอบการ เปรียบเทียบความแตกต่างของผู้ประกอบการ จำแนกโดยปัจจัยประชากรศาสตร์ และเพื่อศึกษาอิทธิพลของนวัตกรรมทางธุรกิจที่มีต่อผลการดำเนินงานของผู้ประกอบการธุรกิจการค้าของวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อมและรายย่อย (MSMEs) ในประเทศไทย งานวิจัยนี้เป็นงานวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ประกอบการธุรกิจการค้า MSMEs ในประเทศไทย จำนวน 396 ราย ทำการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง โดยใช้แบบสอบถามในการเก็บข้อมูล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที (t-test) การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) และการวิเคราะห์การถดถอยเชิงเส้นแบบพหุคูณ (Multiple Regression Analysis) การศึกษาพบว่า ปัจจัยด้านนวัตกรรมทางธุรกิจที่มีระดับความสำคัญมากที่สุดคือ ด้านคน ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของบุคลากรในองค์กรในการขับเคลื่อนนวัตกรรม ส่วนปัจจัยด้านผลการดำเนินงาน พบว่า ผู้ประกอบการให้ความสำคัญกับด้านลูกค้ามากที่สุด ซึ่งแสดงถึงการมุ่งเน้นความพึงพอใจและการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า เพื่อส่งเสริมความภักดีและเพิ่มยอดขาย การเปรียบเทียบความแตกต่างของผู้ประกอบการ พบว่า ปัจจัยประชากรศาสตร์ไม่มีผลต่อผลการดำเนินงานของธุรกิจ นอกจากนี้ ผลการศึกษายังพบว่า ปัจจัยนวัตกรรมทางธุรกิจที่มีต่อผลการดำเนินงาน คือ ปัจจัยด้านกระบวนการเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานของธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ทั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าการพัฒนากระบวนการทำงานมีบทบาทสำคัญต่อความสำเร็จของธุรกิจ</p>
2025-08-30T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jmspsru/article/view/287827
การบูรณาการช่องทางไร้รอยต่อที่มีผลต่อการตั้งใจซื้อของลูกค้าที่ใช้บริการ ธุรกิจค้าปลีกท้องถิ่นประเภทซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ในประเทศไทย
2025-04-09T13:49:06+07:00
ธนพร รังสิกรรพุม
thanaphorn.r@psru.ac.th
ชาตรี ปรีดาอนันทสุข
Chatreep@nu.ac.th
<p>งานวิจัยนี้ศึกษาปัจจัยการบูรณาการช่องทางไร้รอยต่อที่มีผลต่อการตั้งใจซื้อของลูกค้าซูเปอร์มาร์เก็ตท้องถิ่นขนาดใหญ่ในไทย และเสนอแนวทางการปรับใช้รูปแบบการค้าปลีกช่องทางไร้รอยต่อที่เหมาะสม การศึกษานี้ใช้การวิจัยเชิงคุณภาพและวิจัยเชิงปริมาณ โดยสัมภาษณ์เชิงลึกกับเจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตท้องถิ่นขนาดใหญ่ที่มีผลประกอบการที่ดี จากการจัดอันดับรายได้สูงสุด 8 แห่งที่อยู่ในหมวด G รหัส 47111 ที่ส่งงบกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และใช้แบบสอบถามเก็บข้อมูลเชิงปริมาณกับลูกค้าที่ใช้บริการธุรกิจค้าปลีกท้องถิ่นข้างต้น รวมจำนวนลูกค้าทั้งสิ้น 394 คน ทั้งนี้ ผลการวิจัยเชิงคุณภาพ พบว่ามีเพียง 2 รายที่ให้ความสำคัญกับการบูรณาการช่องทางไร้รอยต่อครบทั้ง 6 ด้าน และเมื่อวิเคราะห์ผลการวิจัยเชิงปริมาณตามทฤษฎีโมเดล S-O-R พบว่า “สิ่งเร้า” ที่เกี่ยวกับการบูรณาการช่องทางไร้รอยต่อ ทั้ง 6 มิติ ไม่ส่งผลทางตรงต่อ “การตอบสนอง” ที่มีต่อการตั้งใจซื้อของลูกค้า แต่ถ้าการบูรณาการช่องทางไร้รอยต่อจะส่งผลต่อการตั้งใจซื้อของลูกค้า ก็ต่อเมื่อผ่าน “กลไก” ที่ประกอบไปด้วย การรับรู้ความเสี่ยง, การรับรู้ความสามารถในการควบคุมพฤติกรรม,ความพึงพอใจของลูกค้า เป็นตัวแปรคั่นกลางตัวใดตัวหนึ่ง หรือ ทั้งสามตัว จึงจะทำให้การบูรณาการช่องทางไร้รอยต่อส่งผลทางตรงต่อของลูกค้า อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติได้</p>
2025-08-30T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jmspsru/article/view/286015
แนวทางการพัฒนาเกษตรยั่งยืนโดยการวิเคราะห์ต้นทุน ปริมาณ กำไร ผ่านแอปพลิเคชัน:กรณีศึกษา แตงโมปลอดสารพิษบ้านทุ่งอ่าว จังหวัดสุราษฎร์ธานี
2025-03-02T09:12:35+07:00
พรเพ็ญ สุขหนู
Thanaphorn.r@psru.ac.th
ภัทรวดี อินทปันตี
ppatha77@hotmail.com
จิราภรณ์ จันทรวงศ์
ppatha77@hotmail.com
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาปัจจัยการคำนวณต้นทุน ปริมาณ กำไรจากการปลูกแตงโมปลอดสารพิษบ้านทุ่งอ่าว 2)พัฒนารูปแบบการวิเคราะห์ต้นทุน ปริมาณ กำไรจากการปลูกแตงโมผ่านแอปพลิเคชัน 3)ศึกษาความพึงพอใจต่อรูปแบบการวิเคราะห์ผ่านการใช้แอปพลิเคชัน การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบผสม เชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ กลุ่มตัวอย่างในการศึกษาครั้งนี้ คือกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรผู้ปลูกแตงโมปลอดสารพิษบ้านทุ่งอ่าว การวิจัยเชิงปริมาณ ศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 52 คน โดยการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง เก็บข้อมูลจากแบบสอบถาม และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบน การวิจัยเชิงคุณภาพ ผู้ให้ข้อมูลสำคัญจำนวน 30 คน โดยสุ่มแบบเจาะจงจากความสมัครใจ รวบรวมข้อมูลจากแบบสัมภาษณ์เชิงลึกกึ่งมีโครงสร้างและการประชุมกลุ่มย่อย โดยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1) ปริมาณผลผลิตแตงโมมีจำนวน 1,500 กิโลกรัมต่อไร่ รายได้ 30,750 บาทต่อไร่ ต้นทุน 18,046 บาต่อไร่ จุดคุ้มทุน 880.29 กิโลกรัมต่อไร่ 2) รูปแบบการวิเคราะห์ต้นทุน ปริมาณ กำไร พัฒนาผ่านการใช้งานแอปพลิเคชันจากโทรศัพท์มือถือเนื่องจากเป็นช่องทางที่เข้าถึงได้ง่าย กลุ่มเกษตรกรมีความคุ้นเคยกับอุปกรณ์และไม่ต้องจัดหาหรือลงทุนเพิ่ม 3) กลุ่มเกษตรกรมีความพึงพอใจต่อการใช้แอปพลิเคชัน ใช้งานง่าย มีข้อมูลในการตัดสินใจบริหารการผลิตและลดต้นทุนการผลิตแตงโม มีประโยชน์และตอบสนองการใช้งานได้ดีมีความจำเพาะเจาะจงสอดคล้องกับบริบทพื้นที่</p>
2025-08-30T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม