https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jmspsru/issue/feed วารสารวิทยาการจัดการมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม 2023-12-25T00:00:00+07:00 รองศาสตราจารย์ ดร.ประสิทธิชัย นรากรณ์ [email protected] Open Journal Systems <p>วารสารวิทยาการจัดการมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม เป็นวารสารที่เน้นการวิจัย ด้านการจัดการครอบคลุมทั้งสาขาวิชาสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ เช่น บริหารธุรกิจ การตลาด เศรษฐศาสตร์ การบริหารธุรกิจ เป็นต้น มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอบทความวิชาการและบทความที่มีคุณภาพ ที่มีประโยชน์ทั้งในเชิงทฤษฎี (Theoretical contribution) ที่ช่วยให้นักวิจัยสามารถพัฒนาและสร้างความรู้ และประโยชน์ในเชิงปฏิบัติ (Managerial contribution) ช่วยให้ผู้ประกอบการในท้องถิ่นนำไปประยุกต์ใช้ในการบริหารธุรกิจ และเพื่อให้บริการทางวิชาการแก่สังคมในรูปแบบต่างๆ อันเป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่เรื่องราวในเชิงวิทยาการจัดการในแขนงต่างๆ รวมทั้งเป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยนความรู้ระว่าง คณาจารย์ นักวิชาการ ผู้บริหาร นักธุรกิจ นักศึกษา และประชาชนทั่วไป</p> https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jmspsru/article/view/265521 การศึกษาความต้องการของลูกค้าต่อผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับช่องทางการตลาด ในตราสินค้าพิบูลมาร์เก็ต: กรณีศึกษาพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดสุโขทัย 2023-01-17T15:02:49+07:00 พัสกร ลี้วิศิษฏ์พัฒนา [email protected] นภาภรณ์ อุ่นปรีชาวณิชย์ [email protected] ยรรยงวรกร ทองแย้ม [email protected] สิขรินทร์ คงสง [email protected] <p>งานวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาคุณลักษณะด้านพฤติกรรมและความต้องการซื้อผลิตภัณฑ์ชุมชนภายใต้โครงการยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามภายในพื้นที่พิษณุโลกและสุโขทัย เป็นงานวิจัยเชิงปริมาณที่มีการเก็บรวบรวมข้อมูลกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,500 ชุด ผลการวิจัยพบว่า ส่วนมากเป็นกลุ่มผู้หญิง ช่วงอายุ 20–29 ปี และซื้อสินค้าประเภทอาหารมากที่สุด ร้อยละ 53.50 โดยให้ความสำคัญด้านคุณภาพมากที่สุด ร้อยละ 42.30 นอกจากนี้สินค้าที่กลุ่มตัวอย่างสนใจซื้อเป็นอันดับที่ 1 คือ ผลิตภัณฑ์หมี่กรอบ และส่วนประสมทางการตลาดที่มีความสำคัญต่อการตัดสินใจซื้อมากที่สุด คือด้านสิ่งที่ปรากฎทางกายภาพ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.16 อยู่ในระดับมาก โดยประเด็นที่ให้ความสำคัญคือมีเจ้าหน้าที่แก้ไขปัญหาได้รวดเร็ว รองลงมาคือ ด้านกระบวนการ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.12 โดยประเด็นที่ให้ความสำคัญคือมีสิ่งอำนวยความในการค้นหาผลิตภัณฑ์ที่สนใจซื้อ เช่น เว็บไซต์ เพจเฟซบุ๊ก เป็นต้น และอันดับที่สามคือ ด้านบุคลากร มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.12 อยู่ในระดับมาก โดยประเด็นที่ให้ความสำคัญคือพนักงานควรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ และจากการสำรวจเกี่ยวกับการสนับสนุนในการซื้อสินค้าผ่านระบบจำหน่ายสินค้าออนไลน์ตราสินค้าพิบูลมาร์เก็ตส่วนใหญ่สนใจซื้อร้อยละ 97.7 โดยผลการศึกษาสามารถช่วยเป็นแนวทางในการพัฒนาเว็บไซต์เพื่อจำหน่ายสินค้าชุมชนต่อไป</p> 2023-12-25T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2023 มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jmspsru/article/view/266177 กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในจังหวัดกำแพงเพชร 2023-02-21T11:05:47+07:00 อนันธิตรา ดอนบันเทา [email protected] <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาคุณลักษณะของผู้ประกอบการและผลการดำเนินธุรกิจวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 2) เพื่อศึกษาปัจจัยภายนอกที่มีอิทธิพลต่อการการดำเนินธุรกิจวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 3) เพื่อพัฒนากลยุทธ์การดำเนินธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 4) เพื่อประเมินกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ในจังหวัดกำแพงเพชร เป็นการวิจัยและพัฒนา แหล่งข้อมูลประกอบด้วย ผู้ประกอบการและผลการดำเนินธุรกิจวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในจังหวัดกำแพงเพชร จำนวน 400 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลประกอบด้วยค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ผลการวิจัยพบว่า วัตถุประสงค์ 1 และ 2 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก วัตถุประสงค์ 3 กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในจังหวัดกำแพงเพชร จำนวน 7 กลยุทธ์ และวัตถุประสงค์ 4 ผลการประเมินกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในจังหวัดกำแพงเพชร พบว่า วิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าประสงค์ กลยุทธ์ มาตรการ และตัวชี้วัด มีความสอดคล้องกันในระดับมากถึงมากที่สุด</p> <p> </p> 2023-12-26T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2023 มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jmspsru/article/view/264620 การศึกษาศักยภาพการผลิตที่ส่งผลต่อแนวทางการพัฒนาเครื่องปั้นดินเผาชุมชน บ้านทุ่งหลวง อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย 2023-03-24T10:20:30+07:00 จุมพฏ พงศ์ศักดิ์ศรี [email protected] เภทรา พงศ์ศักดิ์ศรี [email protected] ณริศรา พฤกษะวัน [email protected] <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัญหาและศักยภาพการผลิต และ 2) ศึกษาแนวทางการพัฒนาเครื่องปั้นดินเผาบ้านทุ่งหลวง โดยมีผู้ผลิตจำนวน 120 ครัวเรือน เป็นผู้ให้ข้อมูล เก็บข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์ การสนทนากลุ่ม และเทคนิคการสร้างภาพอนาคต ผลการวิจัยพบว่า ด้านสภาพปัญหาการผลิต พบว่า ผลิตภัณฑ์มีน้ำหนักมาก ราคาค่อนข้างถูก แตกหักง่าย มีรูปแบบใกล้เคียงกัน ไม่สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีราคาสูงได้ ต้นทุนในการผลิตสูง ด้านศักยภาพการผลิต พบว่า ผู้ผลิตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ มีสมาชิกร่วมผลิต 1-2 คน ขึ้นรูปด้วยมือบนแป้นหมุน และการหล่อพิมพ์ ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่เป็นหม้อต้มอาหาร กระถางต้นไม้ มีการตกแต่งผิวผลิตภัณฑ์ มีกำลังการผลิตตั้งแต่ 10-100 ชิ้นต่อวัน เผาที่อุณหภูมิ 800-900 องศาเซลเซียส ส่วนใหญ่มีรายได้ 10,000-15,000 บาทต่อเดือน ส่วนแนวทางการพัฒนามีประเด็นในการพัฒนา 4 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านผลิตภัณฑ์ โดยพัฒนาให้มีมูลค่าสูงและเหมาะสมกับการช่องทางการตลาดสมัยใหม่ 2) ด้านการตลาด โดยการสร้างช่องทางการตลาดออนไลน์ 3) ด้านเครือข่าย โดยการเข้าร่วมโครงการภาครัฐหรือสถาบันการศึกษาในการแก้ปัญหาด้านผลิตภัณฑ์และเศรษฐกิจในทุกช่องทาง การรวมกลุ่ม และการสร้างภาคีเครือข่ายให้เข้มแข็ง และ 4) ด้านชุมชนและกิจกรรมบริการ โดยการสร้างความเข้าใจปรับทัศนคติ และการสร้างต้นแบบผู้ผลิตที่ประสบความสำเร็จในชุมชน</p> 2023-12-25T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2023 มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jmspsru/article/view/264578 คุณลักษณะเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ที่ส่งผลต่อความพึงพอใจ ของนักท่องเที่ยวต่อแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรในจังหวัดเชียงราย 2023-01-20T11:07:32+07:00 ณฐมน สังวาลย์ [email protected] ประสพชัย พสุนนท์ [email protected] <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ1) ศึกษาเกี่ยวกับคุณลักษณะเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ 6 ประการ และ 2) ศึกษาคุณลักษณะเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ที่มีต่อความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวต่อแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรในจังหวัดเชียงราย โดยการเก็บข้อมูลด้วยการใช้แบบสอบถาม กลุ่มตัวอย่างได้แก่นักท่องเที่ยวที่มีประสบการณ์ท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรในจังหวัดเชียงราย จำนวน 227 คน โดยใช้โปรแกรม G*Power3.1 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และการวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุ ผลการศึกษา พบว่า 1) ความคิดเห็นของ ด้านแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรเน้นเอกลักษณ์เฉพาะตัว อยู่ในระดับมาก (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" />=4.40, S.D.=0.549) รองลงมาคือด้านนักท่องเที่ยวมีส่วนร่วมในกิจกรรมระดับมาก (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" />=4.39, S.D.=0.608) ถัดมาคือด้านสินค้าหลักของแหล่งท่องเที่ยวระดับมาก (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" />=4.38, S.D.=0.550) ด้านแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรเน้นวัฒนธรรมประจำวันระดับมาก (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" />=4.29, S.D.=0.641) และด้านแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรเน้นทรัพยากรการท่องเที่ยวที่จับต้องไม่ได้ระดับมาก (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" />=4.21, S.D.=0.701) แต่ด้านกิจกรรมการท่องเที่ยวภายในแหล่งท่องเที่ยวระดับปานกลาง (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" />=3.47, S.D.=0.825) 2) ตัวแปรอิสระที่ส่งผลต่อความพึงพอใจโดยภาพรวมอยู่ระดับมาก (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" />=4.27, S.D.=0.589) คือด้านสินค้าหลักของแหล่งท่องเที่ยว ด้านแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรเน้นทรัพยากรการท่องเที่ยวที่จับต้องไม่ได้ ด้านแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรเน้นวัฒนธรรมประจำวัน และด้านด้านแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรเน้นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของท้องถิ่นที่นัยสำคัญทางสถิติระดับ 0.05 และยังสามารถพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรของจังหวัดเชียงรายให้สอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยวได้</p> 2023-12-28T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2023 มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jmspsru/article/view/265904 อิทธิพลการไหลลื่นและการรับรู้คุณค่าที่ส่งผลต่อความเต็มใจที่จะจ่าย ค่าเช่าตอนของเว็บตูนในแอปพลิเคชันคาเคาเว็บตูน 2023-02-20T08:28:46+07:00 นีร บุษยบัณฑูร [email protected] สุรสิทธิ์ อุดมธนวงศ์ [email protected] <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาพฤติกรรมการจ่ายค่าเช่าตอนของเว็บตูนในแอปพลิเคชันคาเคาเว็บตูน 2) ศึกษาการไหลลื่น การรับรู้คุณค่า และความพึงพอใจแบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่ส่งผลต่อความ<br />เต็มใจที่จะจ่ายค่าเช่าตอนของเว็บตูนในแอปพลิเคชันคาเคาเว็บตูน และ 3) ศึกษาความสอดคล้องของแบบจำลองเชิงสาเหตุซึ่งมีอิทธิพลของการไหลลื่นและการรับรู้คุณค่าที่ส่งผลต่อความเต็มใจที่จะจ่ายค่าเช่าตอนของเว็บตูนในแอปพลิเคชันคาเคาเว็บตูน เก็บข้อมูลจากผู้ใช้บริการแอปพลิเคชันคาเคาเว็บตูนที่อ่าน เช่า หรือซื้อเว็บตูน จำนวน 326 คน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ตัวแบบสมการโครงสร้าง ผลการวิจัยพบว่า 1) การไหลลื่นส่งผลทางตรงต่อความพึงพอใจแบบอิเล็กทรอนิกส์ของผู้ใช้งาน 2) การรับรู้คุณค่ามีอิทธิพลทางตรงต่อความพึงพอใจแบบอิเล็กทรอนิกส์ของผู้ใช้งาน 3) ความพึงพอใจแบบอิเล็กทรอนิกส์มีอิทธิพลทางตรงต่อความเต็มใจที่จะจ่าย 4) ความพึงพอใจแบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นตัวแปรส่งผ่านระหว่างการไหลลื่นและความเต็มใจที่จะจ่าย และ 5) ความพึงพอใจแบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นตัวแปรส่งผ่านระหว่างการรับรู้คุณค่าและความเต็มใจที่จะจ่าย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ส่วนการรับรู้คุณค่าอิทธิพลทางตรงต่อความเต็มใจที่จะจ่าย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05</p> 2023-12-25T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2023 มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jmspsru/article/view/265909 การพัฒนาเว็บเซอร์วิสระบบแจ้งซ่อมปรับปรุงหอพักวินัย 2023-02-24T17:11:20+07:00 วินัย แสนยามูล [email protected] กฤติกา สังขวดี [email protected] <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อออกแบบและพัฒนาเว็บเซอร์วิสระบบแจ้งซ่อมปรับปรุงหอพักวินัย 2) เพื่อประเมินประสิทธิภาพระบบแจ้งซ่อมภายในหอพัก และ 3) เพื่อประเมินความพึงพอใจต่อการใช้ระบบแจ้งซ่อมภายในหอพัก ด้วยแนวทางการพัฒนาระบบผู้วิจัยเลือกใช้ภาษา HTML ร่วมกับฐานข้อมูล Google Sheets และส่วนติดต่อผู้ใช้งานใช้ภาษา HTML, CSS, Bootstrap และ Google App Script เพื่อรองรับการทำงานเว็บเซอร์วิส เครื่องมือการวิจัย ได้แก่ แบบประเมินประสิทธิภาพ โดยผู้เชี่ยวชาญจำนวน 3 คน และแบบสอบถามความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้พักอาศัย แม่บ้านประจำหอพัก ธรุการ และช่างซ่อมบำรุงหอพัก จำนวน 33 คน ผลการวิจัยพบว่า 1) ระบบแจ้งซ่อมภายในหอพักหอพักวินัยผ่านเว็บเซอร์วิส ลดขั้นตอนในการประสานงาน ลดการสัมผัสใกล้ชิดของผู้ใช้งาน และมีระบบแจ้งเตือนไปยังช่างประจำหอพักได้ในทันที 2) ผลการประเมินประสิทธิภาพระบบของผู้เชี่ยวชาญโดยรวมทุกด้านอยู่ในระดับมากที่สุด (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" />=4.88, S.D.=0.214) และ 3) ผลการประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้งานโดยรวมทุกด้านอยู่ในระดับมากที่สุด (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" />=4.70, S.D.=0.156) มีความเหมาะสมและเป็นประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจสมัยใหม่ด้วยเทคโนโลยี<br />เว็บเซอร์วิส</p> 2023-12-25T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2023 มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jmspsru/article/view/266507 การให้น้ำหนักความสำคัญกับปัจจัยในการเลือกผู้ให้บริการโลจิสติกส์สำหรับนำเข้าส่งออกของสินค้าแปรรูปทางการเกษตร ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 2023-03-17T08:50:44+07:00 นลินทิพย์ กองคำ [email protected] ปัญจพร จันทะวงษ์ [email protected] ฐากูร ศิริยอด [email protected] อัณณ์ณิชา ธัญญะชัยรัตน์ [email protected] <p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหาน้ำหนักความสำคัญในการเลือกใช้บริการขนส่งสินค้าแปรรูปทางการเกษตรระหว่างประเทศ ช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสCOVID-19 กรณีศึกษาพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เริ่มจากรวบรวมปัจจัยที่เกี่ยวข้องจากงานวิจัยที่ผ่านมาร่วมกับการสัมภาษณ์เชิงลึก รวมทั้งการสนทนากลุ่มเพื่อคัดเลือกปัจจัยที่เหมาะสม จากนั้นพิจารณาค่าน้ำหนักความสำคัญของปัจจัยด้วยกระบวนการลำดับชั้นเชิงวิเคราะห์ ซึ่งมีการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง พบว่า ด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปการบริการเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในมุมมองผู้ใช้บริการขนส่ง รองลงมา คือ ความยืดหยุ่น เนื่องจากผู้ใช้บริการต้องการการขนส่งหลายรูปแบบที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม ส่วนอัตราค่าใช้บริการมีความสำคัญอยู่ในระดับกลาง โดยทำเลที่ตั้งและความน่าเชื่อถือมีการให้น้ำหนักความสำคัญเป็นอันดับสุดท้ายตามลำดับ ทั้งนี้เมื่อได้ผลการศึกษาแล้วจึงดำเนินการเสนอแนวทางแก่ผู้ให้บริการทางด้านโลจิสติกส์ต่อไป</p> 2023-12-25T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2023 มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jmspsru/article/view/267022 การวิเคราะห์ความต้องการและความพึงพอใจของผู้โดยสารต่อการให้บริการรถไฟความเร็วสูงของประเทศไทยด้วยโมเดลของคาโน 2023-03-30T12:42:28+07:00 กฤษฎา ดลปัญญา [email protected] <p>การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ความต้องการและความพึงพอใจของผู้โดยสารที่มีต่อบริการรถไฟความเร็วสูงของประเทศไทยด้วยโมเดลของคาโน ซึ่งเป็นวิธีการที่ใช้ในการจัดหมวดหมู่ความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้า ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 5 ประเภทได้แก่ ดึงดูดใจ ทิศทางเดียวกัน จำเป็นต้องมี ไม่มีความแตกต่าง และทิศทางตรงกันข้าม การศึกษานี้เป็นการรวบรวมข้อมูลจากผู้โดยสารรถไฟความเร็วสูงผ่านการสำรวจโดยใช้แบบสอบถามสองทิศทางของคาโน โดยการศึกษานี้ใช้การสุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญกลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย 374 คน ที่รวบรวมจากการทำแบบสอบถามออนไลน์ผ่าน Google Forms การศึกษานี้นำเสนอการระบุคุณลักษณะที่จำเป็นที่เกี่ยวข้องกับมุมมองสมรรถนะด้านโลจิสติกส์ เช่น เวลาต้นทุน และความน่าเชื่อถือ มีการจัดลำดับความสำคัญเพื่อตอบสนองความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้า ผลการวิจัยพบว่าช่วงอายุ 41-60 ปีมีความแตกต่างในแง่ของคุณลักษณะเมื่อเทียบกับกลุ่มผู้มีอายุน้อยกว่าซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ให้ความสำคัญมากต่อมุมมองด้านความน่าเชื่อถือ เช่นมีตารางการเดินรถไฟที่แน่นอนมีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยบนขบวนรถไฟและความสะอาดของรถไฟ ผลการศึกษาให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับคุณลักษณะสำคัญที่มีอิทธิพลต่อความต้องการและความพึงพอใจของผู้โดยสาร รวมทั้งทำให้ผู้ให้บริการรถไฟความเร็วสูงสามารถปรับปรุงการให้บริการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก</p> 2023-12-25T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2023 มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม