วารสารอักษรศาสตร์
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jletters
<p>วารสารอักษรศาสตร์เป็นวารสารทางวิชาการราย 6 เดือน (มกราคม-มิถุนายน และ กรกฎาคม-ธันวาคม) ทั้งนี้ อาจจะมีวารสารฉบับพิเศษ (special issue) ฉบับที่ออกเพิ่มเติมจากวาระปกติ (supplementary issue) หรือฉบับที่ตีพิมพ์บทความจากการประชุมทางวิชาการ (conference proceeding) ปีละไม่เกิน 2 ฉบับ รับตีพิมพ์บทความทางวิชาการด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ที่มีคุณภาพสูง มีเนื้อหาครอบคลุมประเด็นทางวิชาการที่เกี่ยวข้องกับภาษา ภาษาศาสตร์ วรรณคดีศึกษา ประวัติศาสตร์ ปรัชญา ศาสนา คติชนวิทยา มานุษยวิทยา ศิลปการละคร บรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศึกษา ภูมิศาสตร์ และวัฒนธรรมศึกษา มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการค้นคว้าวิจัยในสายมนุษยศาสตร์ โดยเป็นพื้นที่สำหรับการอภิปรายแลกเปลี่ยนระหว่างนักวิชาการ และเป็นช่องทางสำหรับการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการสู่สาธารณะเพื่อประโยชน์แก่สังคมในวงกว้างต่อไป</p> <p>วารสารอักษรศาสตร์ยินดีพิจารณาบทความวิจัย (research article) บทความทางวิชาการที่ไม่ใช่งานวิจัย (non-research academic article) บทความปริทัศน์ (review article) และบทปริทัศน์หนังสือ (book review) ที่อยู่ในขอบเขตเนื้อหาข้างต้น ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ผู้ส่งบทความสามารถส่งบทความเพื่อรับการพิจารณาตีพิมพ์ได้ตลอดทั้งปี ทั้งนี้ บทความที่ส่งเข้ามาต้องไม่เคยตีพิมพ์เผยแพร่ที่ใดมาก่อนและไม่อยู่ในระหว่างการพิจารณาเพื่อตีพิมพ์ในวารสารฉบับอื่น บทความที่เสนอต่อวารสารอักษรศาสตร์จะได้รับการประเมินแบบไม่เปิดเผยตัวตนสองทาง (double-blind review) โดยผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน ผู้ส่งบทความกรุณาส่งต้นฉบับบทความตามรูปแบบ</p> <p>ที่กำหนดไว้ในแนวทางสำหรับผู้แต่งที่เว็บไซต์ของวารสาร <a href="https://www.tci-thaijo.org/index.php/jletters">www.tci-thaijo.org/index.php/jletters</a></p> <p>ลิขสิทธิ์วารสารและบทความเป็นของคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย</p> <p>คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอนุญาตให้ทำสำเนาเพื่อการใช้ประโยชน์เป็นการภายในที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์เท่านั้น การทำสำเนาเพื่อการใช้ประโยชน์ในรูปแบบอื่นหรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคลของผู้เขียนบทความเท่านั้น ผู้พิมพ์และกองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องมีความคิดเห็นที่สอดคล้องกับความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความแต่อย่างใด<br /><br /><strong>ISSN (เดิม)</strong></p> <p><strong style="font-size: 0.875rem;">ISSN : 0125-4820 (Print) </strong><span style="font-size: 0.875rem;">ตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2512<br /></span><strong style="font-size: 0.875rem;">ISSN : 2586-9736 (Online)</strong><span style="font-size: 0.875rem;"> ตั้งแต่เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2560</span></p> <p><span style="font-size: 0.875rem;"><strong><br />ISSN (ใหม่) </strong></span></p> <p><strong style="font-size: 0.875rem;">ISSN : 3088-1498 (Online)</strong><span style="font-size: 0.875rem;"> ตั้งแต่เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2568</span></p>
คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย Faculty of Arts, Chulalongkorn University
en-US
วารสารอักษรศาสตร์
3088-1498
<p class="z11"><strong>การป้องกันปัญหาด้านลิขสิทธิ์และการคัดลอกผลงาน</strong></p> <p class="zb">ผู้เขียนบทความมีหน้าที่ในการขออนุญาตใช้วัสดุที่มีลิขสิทธิ์คุ้มครองจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ผู้เขียนบทความมีความรับผิดชอบที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายในการคัดลอกและทำสำเนาวัสดุที่มีลิขสิทธิ์อย่างเคร่งครัด การคัดลอกข้อความและการกล่าวพาดพิงถึงเนื้อหาจากวัสดุตีพิมพ์อื่น ต้องมีการอ้างอิงแหล่งที่มากำกับและระบุแหล่งที่มาให้ชัดเจนในส่วนบรรณานุกรม การคัดลอกข้อความหรือเนื้อหาจากแหล่งอื่นโดยไม่มีการอ้างอิงถือเป็นการละเมิดจริยธรรมทางวิชาการที่ร้ายแรง และเข้าข่ายการละเมิดลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 หากมีการฟ้องร้องดำเนินคดีใด ๆ เกิดขึ้น ผู้เขียนบทความมีความรับผิดชอบทางกฎหมายแต่เพียงผู้เดียว</p>
-
Front Matter
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jletters/article/view/257504
กัญญา วัฒนกุล
ลิขสิทธิ์ (c) 0
2021-12-29
2021-12-29
50 2
-
การวิเคราะห์การแปลภาวะพันธุ์ผสมเชิงสัญลักษณ์และเชิงรูปแทนในวรรณกรรม เรื่อง Beloved และ Things Falls Apart เป็นภาษาไทย
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jletters/article/view/254605
<p>งานวิจัยชิ้นนี้มีจุดประสงค์ในการศึกษาบทแปลภาษาไทยของวรรณกรรมยุคหลังอาณานิคมและวรรณกรรมแอฟริกัน-อเมริกันซึ่งมีภาวะพันธุ์ผสมทางภาษาเป็นลักษณะพิเศษ โดยอาศัยกรอบแนวคิดเรื่องภาวะพันธุ์ผสมเชิงสัญลักษณ์และภาวะพันธุ์ผสมเชิงรูปแทนในการเล่าเรื่องของคลิงเกอร์ (Klinger 2015) เพื่ออธิบายความตั้งใจของนักเขียนและนักแปลในการขืนขนบภาษาอังกฤษด้วยการใช้ภาษาผิดมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า นักแปลไทยไม่อาจรักษาการแสดงภาวะพันธุ์ผสมทางภาษาในต้นฉบับไว้ได้อย่างเด่นชัด เนื่องจากบทแปลปรากฏกลวิธีการแปลแบบเพิ่มการลดแรงกระแทกและใช้ภาษาแบบถูกไวยากรณ์ไทย ความตั้งใจของต้นฉบับในการขืนขนบการใช้ภาษาอังกฤษแบบมาตรฐานจึงหายไปจากบทแปล อย่างไรก็ดี นักแปลและผู้กระทำการแปลอื่น ๆ อาจไม่ได้มองว่าภาวะพันธุ์ผสมทางภาษาที่พบในต้นฉบับเป็นปัญหาหลักในการแปล จึงเลือกที่จะนำเสนอแก่นเรื่องของต้นฉบับมากกว่าภาวะพันธุ์ผสมดังกล่าว</p>
ณรงเดช พันธะพุมมี
ลิขสิทธิ์ (c) 2021
2021-12-29
2021-12-29
50 2
1
23
-
ข้อพินิจบางประการเกี่ยวกับสำนวนภาษาของสัทธรรมธรรมปุณฑรีกสูตรฉบับภาษาจีน
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jletters/article/view/251710
<p>บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาเปรียบเทียบสำนวนภาษาจีนของสัทธรรมปุณฑรีกสูตรที่หลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน จากการศึกษาพบว่า สัทธรรมปุณฑรีกสูตรได้รับการถ่ายทอดเป็นสำนวนภาษาจีนหลายฉบับ ฉบับที่หลงเหลืออยู่ในปัจจุบันมีอยู่ 3 ฉบับ คือ ฉบับพระธรรมรักษ์ ฉบับพระกุมารชีพ และฉบับพระชญาณคุปต์และพระธรรมคุปต์ ฉบับหลังเป็นฉบับที่นำสำนวนพระกุมารชีพมาเพิ่มเติมในบางปริวรรต จึงไม่ใช่เป็นการแปลใหม่ ในบรรดาสัทธรรมปุณฑรีกสูตรฉบับภาษาจีนที่กล่าวถึงข้างต้น ฉบับพระกุมารชีพเป็นฉบับที่ได้รับความนิยมมากที่สุด จากการศึกษาความแตกต่างระหว่างสำนวนแปลของพระกุมารชีพกับสำนวนแปลของพระธรรมรักษ์พบความแตกต่างในหลายประเด็น ได้แก่ การใช้คำบ่งจำนวน การทับศัพท์วิสามานยนาม การใช้ศัพท์ตามบริบททางศาสนา การใช้ถ้อยคำ 4 ตัวอักษร การใช้คำซ้ำต่อเนื่องกัน การใช้ภาษาบรรยายที่กระชับได้ใจความ การใช้ภาษาพูดแทนภาษาโบราณ และความแตกต่างด้านเนื้อความบางตอน ส่วนสำนวนภาษาของสัทธรรมปุณฑรีกสูตรฉบับพระกุมารชีพในมหาปิฎกฉบับต่าง ๆ ได้แก่ ฉบับจักรพรรดิเฉียนหลง หย่งเล่อฉบับเหนือ ฉบับเกาหลี และฉบับไทโช พบว่ามีความแตกต่างกันเล็กน้อย ในด้านการใช้คำพบความแตกต่างใน 2 ลักษณะคือ การใช้คำเดียวกันแต่มีรูปเขียนต่างกันและการใช้คำที่มีรูปและความหมายต่างกัน ในด้านเนื้อความพบว่า ในปริวรรตที่ 23 ไภษัชยปูรวโยคปริวรรตของฉบับเกาหลีและฉบับไทโชมีบางคาถาไม่ปรากฏในฉบับจักรพรรดิเฉียนหลงและหย่งเล่อฉบับเหนือ สันนิษฐานว่าน่าจะเพิ่มเติมเข้าไปในภายหลัง การศึกษาเปรียบเทียบสำนวนภาษาจีนในสัทธรรมปุณฑรีกสูตรแต่ละฉบับนอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาพระสูตรแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาลักษณะของภาษาจีนที่ใช้ในสัทธรรมปุณฑรีกสูตรฉบับภาษาจีนด้วย</p>
อภิวัฒน์ คุ้มภัย
ลิขสิทธิ์ (c) 2021
2021-12-29
2021-12-29
50 2
24
40
-
Assessing Scholarly Debates on the Significance of the Deity Xiwangmu in Han Dynasty Tomb Art
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jletters/article/view/251848
<p>This paper discusses differing representations of Xiwangmu in Han art and texts. While these representations share some characteristics that indicate the same deity, Han artists’ created a wide variety pictures of Xiwangmu in tomb murals. Many leading scholars have produced excellent pieces of scholarship regarding Xiwangmu as depicted in Han art. The Han period was a significant time for the transformation of Xiwangmu. Various descriptions of her were recorded in pre-Han texts, and she gradually became a deity representing <em>yin</em> during the Han dynasty. However, Han texts do not provide a clear explanation for this change. We believe that Han funerary art could offer evidence to fill this gap. Her images in tomb art are different in each area and each period. Scholars also interpret this archaeological evidence differently. Thus, the process of transformation may be difficult to unravel as there is no unified view concerning the image of Xiwangmu during the Han dynasty. We hope to offer insights regarding the evolution of Xiwangmu on the basis of scholarly debate.</p>
Pattira Thaithosaeng
Suradej Intagorn
ลิขสิทธิ์ (c) 2021
2021-12-29
2021-12-29
50 2
41
65
-
การบันทึกเหตุการณ์:
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jletters/article/view/252803
<p>“จดหมายเหตุ” ในความหมายดั้งเดิมของไทยก่อนได้รับอิทธิพลการจัดการจดหมายเหตุสมัยใหม่จากตะวันตก หมายถึง การบันทึกเหตุการณ์ ซึ่งแตกต่างจากจดหมายเหตุสากลซึ่งเน้นการเก็บเอกสารที่มีคุณค่าในระยะยาว บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษารากฐานวัฒนธรรมการจัดการจดหมายเหตุดั้งเดิมของไทย โดยศึกษาพัฒนาการการบันทึกในสังคมไทยและแนวคิดเบื้องหลัง โดยศึกษาเอกสารจดหมายเหตุไทยในบริบทต่าง ๆ รวมถึงสัมภาษณ์นักจดหมายเหตุแห่งชาติและผู้เชี่ยวชาญด้านการบันทึก การศึกษาพบว่าการบันทึกอันเป็นรากฐานของการปฏิบัติงานจดหมายเหตุของไทยมีวิธีการบันทึกเหตุการณ์ผ่านสายตาของอาลักษณ์หรือนักจดหมายเหตุ สันนิษฐานว่าอาจได้รับอิทธิพลจากจีน ได้รับการสืบทอดและประยุกต์ใช้มาถึงปัจจุบันในสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ การบันทึกเป็นส่วนหนึ่งของการถ่ายทอดความรู้และความทรงจำในภาคประชาชนเรื่อยมาเช่นกัน การบันทึกกลับมีบทบาทมากขึ้นในสังคมร่วมสมัยเนื่องจากประชาชนสามารถบันทึกและมีส่วนร่วมในการจัดการจดหมายเหตุได้ นำไปสู่ข้อเสนอแนะในการสร้างความมีส่วนร่วมในการบันทึกให้กว้างขวางและหลากหลายยิ่งขึ้นโดยอาศัยการเชื่อมโยงทางเทคโนโลยี</p> <p> </p>
นยา สุจฉายา
ลิขสิทธิ์ (c) 2021
2021-12-29
2021-12-29
50 2
66
85
-
การใช้คำสรรพนามบุรุษที่ 1 และ 2 ในภาษาเยอรมัน
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jletters/article/view/256185
<p>คำสรรพนามบุรุษที่ 1 และ 2 เป็นชนิดของคำในภาษาต่าง ๆ รวมทั้งภาษาเยอรมัน ที่มีความสำคัญต่อการใช้ภาษาในการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้เรียนและผู้ใช้ภาษาเยอรมันในฐานะภาษาต่างประเทศจึงจำเป็นต้องมีความสามารถในการใช้คำสรรพนามเรียกขานนี้ได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมกับบริบทและสถานการณ์ บทความนี้มุ่งอธิบายลักษณะการใช้คำสรรพนามดังกล่าวในบริบทและความหมายต่าง ๆ รวมทั้งชี้ให้เห็นว่ามีหลักเกณฑ์หรือปัจจัยต่าง ๆ มากมาย ซึ่งกำหนดการใช้คำสรรพนามเรียกขาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำว่า du และ Sie ในภาษาเยอรมันปัจจุบัน อาทิ อายุ สถานะทางสังคม ความสัมพันธ์ระหว่างคู่สนทนา และบริบทการใช้ ดังนั้น ในการเลือกใช้คำสรรพนามเรียกขานภาษาเยอรมันที่เหมาะสม ผู้เรียนและผู้ใช้ภาษาเยอรมันจึงจำเป็นต้องมีสมรรถนะทางภาษาศาสตร์สังคมและวัจนปฏิบัติศาสตร์ด้วย นอกเหนือจากการมีสมรรถนะทางไวยากรณ์แล้ว</p>
วิลิตา ศรีอุฬารพงศ์
ลิขสิทธิ์ (c) 2021
2021-12-29
2021-12-29
50 2
82
102
-
ผลกระทบของรถไฟฟ้าบีทีเอสต่อชุมชนในเขตบางนา
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jletters/article/view/251218
<p>การเติบโตและการพัฒนาของกรุงเทพฯ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ส่งผลให้มีความต้องการพื้นที่เพื่อดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ เพิ่มขึ้น การขยายตัวของกรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่องส่งผลให้กรุงเทพฯ ประสบปัญหาการจราจรหนาแน่น เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาและบรรเทาสภาพการจราจร จึงมีการสร้างระบบขนส่งมวลชนเป็นรถไฟฟ้าสายแรก คือ รถไฟฟ้าบีทีเอส เปิดให้บริการในปี 2542 การมีรถไฟฟ้าบีทีเอสทำให้พื้นที่โดยรอบสถานีรถไฟฟ้ากลายเป็นพื้นที่ซึ่งมีศักยภาพในการเข้าถึงสูง การเปลี่ยนแปลงทางพื้นที่อย่างรวดเร็วนี้ส่งผลต่อชุมชนที่อาศัยอยู่บริเวณโดยรอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์ที่จะศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบต่อชุมชนจากการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสในเขตบางนา ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพด้วยวิธีการสัมภาษณ์เชิงลึกครอบคลุม 22 ชุมชนที่อยู่ในระยะไม่เกิน 1.6 กิโลเมตรจากแนวเส้นทางรถไฟฟ้าในเขตบางนา ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าการพัฒนาของระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้าบีทีเอสส่งผลกระทบต่อชุมชนในพื้นที่ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ผลกระทบในด้านบวก ได้แก่ การเดินทางสะดวกขึ้น คนในพื้นที่มีรายได้มากขึ้น ที่ดินมีราคาสูงขึ้น ในเวลาเดียวกันก็มีผลกระทบในด้านลบ ได้แก่ ค่าเช่าบ้านราคาสูงขึ้น ค่าเดินทางด้วยรถไฟฟ้ามีราคาสูง ฝุ่นจากการก่อสร้างรถไฟฟ้าและคอนโดมิเนียม ปัญหาท่อระบายน้ำในพื้นที่ซึ่งอยู่ติดกับคอนโดมิเนียม</p>
วรัลยา บำรุงพงศ์
พรรณี ชีวินศิริวัฒน์
เพชรพิไล ลัธธนันท์
ลิขสิทธิ์ (c) 2021
2021-12-29
2021-12-29
50 2
101
121
-
เมื่อเงามืดแห่งโลกเสมือนจริงรุกล้ำสู่โลกจริง
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jletters/article/view/249716
<p>บทความนี้ศึกษาวรรณกรรมเยาวชนเรื่อง<em>เอเรบอส</em> (<em>Erebos</em>, 2010) ของอัวร์ซูลา โพซนันส์กี (Ursula Poznanski) ในแง่มุมของความวิตกกังวลเกี่ยวกับภัยจากเกมคอมพิวเตอร์ที่มีต่อเยาวชนและทางออกของปัญหาดังกล่าว โดยนำเสนอเหตุการณ์การครอบงำของเกมคอมพิวเตอร์ “เอเรบอส” ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ซึ่งสามารถประมวลความสนใจและความต้องการของผู้เล่นเกม ผู้เล่นกลุ่มนี้ถูกนำเสนอว่าพวกเขายึดโยงตนเองกับตัวตนในโลกเสมือนจริงมาก จนพวกเขาปฏิเสธตัวตนในโลกแห่งความเป็นจริง และถูกปัญญาประดิษฐ์ในโลกเอเรบอสควบคุมและบงการให้ก่อเหตุรุนแรง แต่ในขณะเดียวกัน ในตัวบทเผยให้เห็นว่าปัญหาการถูกครอบงำดังกล่าวสามารถแก้ไขได้หากบุคคลนั้น ๆ ได้เรียนรู้ถึงภัยความรุนแรงที่เกิดจากการครอบงำของเกมคอมพิวเตอร์ โดยนำเสนอผ่านตัวละครเอกซึ่งเป็นเยาวชนคนหนึ่งที่เสพติดเกมเอเรบอส แต่ต่อมาเขาตระหนักรู้ภัยจากเกมนี้จากการประสบเหตุรุนแรงที่เยาวชนซึ่งเสพติดเกมเอเรบอสทำร้ายผู้ที่เป็นปฏิปักษ์กับเกมในโลกแห่งความเป็นจริง การนำเสนอเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าตัวบทมีมุมมองที่มีความหวังต่อปัญหาการครอบงำของเกมคอมพิวเตอร์ว่าเป็นสิ่งที่แก้ไขได้ผ่านการรับรู้ประสบการณ์ความรุนแรงอันเกิดจากอิทธิพลการครอบงำของเกมคอมพิวเตอร์และการเรียนรู้ที่จะไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา</p>
ศิริพร ศรีวรกานต์
ลิขสิทธิ์ (c) 2021
2021-12-29
2021-12-29
50 2
125
141
-
ตัวละครหญิงกับความระทมทุกข์จากความรุนแรงทางเพศในงานเขียนของเสาวรี
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jletters/article/view/255318
<p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความรุนแรงทางเพศที่เกิดกับตัวละครหญิงในงานเขียนของเสาวรี ทั้งในด้านผลกระทบที่เกิดกับตัวละครและการวิพากษ์มายาคติของสังคม จากการศึกษาพบว่า ผลกระทบสำคัญที่เกิดกับตัวละครหญิงก็คือ ความทุกข์ทรมานจากการหลอกหลอนของเหตุการณ์เลวร้ายในอดีต ยิ่งไปกว่านั้นผลกระทบทางใจดังกล่าวยังส่งผลให้ตัวละครหญิงสูญเสียบทบาทของความเป็นแม่ นอกจากนี้สังคมยังเป็นผู้สร้างบาดแผลให้แก่ตัวละครหญิงที่ถูกกระทำ ด้วยการใช้ค่านิยมผู้หญิงดีคือผู้หญิงบริสุทธิ์มาตัดสินและประเมินค่า เช่นเดียวกับกระบวนการยุติธรรมที่ถูกกระทำผ่านสายตาของผู้ชายและปฏิบัติต่อเรือนร่างของเหยื่อในฐานะวัตถุพยานที่ปราศจากมิติด้านอารมณ์ความรู้สึก การเรียกร้องความเป็นธรรมทางกฎหมายจึงเป็นการซ้ำเติมความเจ็บปวดให้ผู้หญิง ในส่วนของการวิพากษ์มายาคติของสังคม เสาวรีใช้องค์ประกอบวรรณกรรมเป็นเครื่องมือสำคัญในการวิพากษ์ ทั้งการสร้างตัวละครเหยื่ออาชญากร และฉากเวลาและสถานที่ที่ต่างไปจากภาพเหมารวมของเหตุการณ์ความรุนแรงทางเพศที่ปรากฏในสังคม</p>
ศุภลักษณ์ หอมชื่น
นันทวัลย์ สุนทรภาระสถิตย์
ลิขสิทธิ์ (c) 2021
2021-12-29
2021-12-29
50 2
142
156