วารสารศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jla_ubu <p><strong>วารสารศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี</strong></p> <p> เป็นวารสารที่ตีพิมพ์บทความภาษาไทย/ภาษาอังกฤษ</p> <p> ได้รับการประเมินการปรับกลุ่มคุณภาพวารสารที่อยู่ในฐานข้อมูล TCI รอบที่ 4 ครั้งที่ 3 (2565-2567) อยู่ในกลุ่ม<strong>ฐาน 1 (TCI 1)</strong></p> <p> โดยเปิดรับบทความวิจัย (Research paper) บทความวิชาการ (Academic article) และบทความปริทัศน์หนังสือ (Book Review)<br /> และเผยแพร่ในรูปแบบวารสารอิเล็กทรอนิกส์ <strong>ISSN 2697-6358 (Online)<br /></strong> ตั้งแต่ ปีที่ 16 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม - มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป</p> <p class="_04xlpA direction-ltr align-center para-style-body"><span class="S1PPyQ"> <strong> วารสารเก็บค่าธรรมเนียมการพิจารณาบทความ ภายหลังผ่านการกลั่นกรองจากกองบรรณาธิการ (Initial review) ให้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาบทความ (Peer review) 3,000 บาท/บทความ </strong>ตั้งแต่ 13 เมษายน 2566 เป็นต้นไป</span></p> <p><strong> </strong><strong>ความเป็นมา</strong></p> <p> คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เป็นคณะที่ผลิตบุคลากรทางด้านศิลปศาสตร์ทั้งระดับปริญญาตรีและปริญญาโท ทางด้านสาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ ภาษาศาสตร์และศึกษาศาสตร์ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาและแลกเปลี่ยนความรู้ทางด้านสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ และสาขาที่เกี่ยวข้อง คณะฯ จึงได้จัดทำวารสารคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เพื่อเป็นแหล่งเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ โดยวารสารฉบับแรกได้จัดทำขึ้นในปี พ.ศ. 2547 ปัจจุบันมีกำหนดออกปีละ 2 ฉบับ เพื่อเป็นการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการสู่สังคมในวงกว้าง</p> คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี th-TH วารสารศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี 1686-5596 การบูชาเจ้าแม่เทพีแห่งโลก และร่างทรงกะเทยในสังคมเวียดนาม https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jla_ubu/article/view/266344 <p>บทความฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อสำรวจสถานภาพองค์ความรู้เกี่ยวกับการบูชาเจ้าแม่เทพีแห่งโลกและร่างทรงกะเทยในเวียดนาม และ 2) เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ภายใต้มโนทัศน์กรอบอ้างอิงคน-ผี-เจ้าแม่เทพี ที่มีผลต่อการดำรงอยู่ของความเชื่อเกี่ยวกับการบูชาเจ้าแม่เทพีแห่งโลก ผ่านวิธีการทบทวนเอกสารทั้งเป็นลายลักษณ์อักษร และสื่อภาพเคลื่อนไหวประเภทวิดีทัศน์ออนไลน์จาก AnthroSource, ASSIA, Wilson Web, CSA, และ Sociological Abstracts</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า 1) สถานภาพองค์ความรู้เกี่ยวกับการบูชาเจ้าแม่เทพีแห่งโลก เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของชาวเวียดนามมายาวนาน แม้ในช่วงที่ต้องเผชิญกับภัยสงครามและก่อนยุคฟื้นฟูวัฒนธรรม ซึ่งรัฐใช้กลไกทางกฎหมายที่เข้มงวดเพื่อควบคุมความเชื่อและการประกอบพิธีกรรมนี้ ในปัจจุบันกระแสการเคลื่อนไหวเรื่องความเท่าเทียมด้านเพศสภาพและปัญหาด้านความเหลื่อมล้ำ เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับการเพิ่มขึ้นของความเชื่อเกี่ยวกับการบูชาเจ้าแม่เทพีแห่งโลก จนรัฐบาลเสนอให้ขึ้นบัญชีเป็นมรดกทางความทรงจำแห่งโลก และ 2) การปรากฏกายของร่างทรงกะเทยในพิธีกรรมเข้าทรงเจ้าแม่เทพีแห่งโลก กระทำผ่านการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างกรอบอ้างอิงคน-ผี กรอบอ้างอิงเพศสภาพและกรอบอ้างอิงความเหลื่อมล้ำ นำมาซึ่งปฏิบัติการทางสังคมบนพื้นที่พิธีกรรม ซึ่งเปิดพื้นที่ให้สังคมรับรู้ช่องว่างของนโยบายผ่านคำอธิษฐานและเสียงร้องขอให้อำนาจลี้ลับของเจ้าแม่เทพีช่วยดลบันดาลให้ในสิ่งที่รัฐและผู้ปกครองไม่สามารถตอบสนองได้ และการช่วงชิงอำนาจทางเพศสภาพของร่างทรงกะเทย</p> วัชรวุฒิ ซื่อสัตย์ พัชรินทร์ สิรสุนทร Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 19 2 1 26 ว่าด้วยชนชั้นและความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยร่วมสมัย https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jla_ubu/article/view/270983 <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำผ่านการอธิบายโครงสร้างชนชั้นของสังคมไทยในยุคปัจจุบัน และเพื่อทำความเข้าใจความเหลื่อมล้ำทางด้านโอกาสในชีวิตของคนไทยในแต่ละชนชั้น แนวคิดหลักที่ใช้ในการวิเคราะห์โครงสร้างชนชั้นคืองานของ Jodhka, Rehbein, &amp; Souza (2018) และแนวคิดเรื่องทุนของ Pierre Bourdieu ซึ่งประกอบด้วย ทุนเศรษฐกิจ ทุนทางสังคม ทุนวัฒนธรรม และทุนสัญลักษณ์ เป็นกรอบแนวคิดในการวิเคราะห์ข้อมูล การวิจัยเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพผ่านการเก็บข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์ประวัติชีวิต แบบแผนพฤติกรรม ความฝัน ความหวัง ของผู้ให้ข้อมูลหลักรวมทั้งสิ้น 72 คน กระจายไปตามเพศ รุ่น พื้นที่และสถานะทางเศรษฐกิจทางสังคม</p> <p> ผลการศึกษา พบว่า โครงสร้างชนชั้นในสังคมไทยร่วมสมัยมิได้วิวัฒนาการเป็นเส้นตรงและได้รับอิทธิพลจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจการเมืองนับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครองและการพัฒนาเศรษฐกิจสมัยใหม่ โครงสร้างชนชั้นในสังคมประกอบด้วยชนชั้นย่อย ที่มีโครงสร้างที่สลับซับซ้อน เมื่อวิเคราะห์ผ่านกรอบคิดเรื่องทุน ผู้วิจัยจำแนกชนชั้นในสังคมไทยกว้างๆ ออกเป็น 5 ชนชั้นคือ ชนชั้นชายขอบ ชนชั้นต่อสู้ดิ้นรน ชนชั้นกลาง ชนชั้นมั่นคง และชนชั้นมั่นคงอย่างยั่งยืน คนในแต่ละชนชั้นมีวิธีคิดต่อเรื่องการเปลี่ยนแปลงสถานภาพและบทบาทของตัวเองแตกต่างกันไปตามตำแหน่งที่เป็นอยู่ทำให้สามารถเข้าถึงทุน สะสมทุน ส่งผ่านทุน ขยายโอกาสในชีวิต หรือรักษาผลประโยชน์ให้คงอยู่อย่างมั่นคงไว้ได้ผ่านบริบทช่วงเวลาของชีวิตที่ต่างกัน ซึ่งชนชั้นแต่ละชนชั้นมีแนวโน้มผลิตซ้ำชนชั้นของตนเอง ผ่านการบริหารจัดการและสั่งสมทุนภายใต้ระบบเศรษฐกิจสังคมแต่ละยุค อย่างไรก็ดี เส้นแบ่งชนชั้นของสังคมไทยก็มิได้ตายตัว เพราะยังเปิดโอกาสให้ผู้คนสามารถเลื่อนชนชั้นได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโอกาสในการสะสมทุนทางเศรษฐกิจ ความสามารถเฉพาะตัว โอกาสทางการศึกษา และโอกาสในการประกอบอาชีพ ทั้งนี้ คนในแต่ละชนชั้นก็มีขีดจำกัดของโอกาสในการเลื่อนสถานะทางสังคม เพราะมีต้นทุนที่ต้องจ่ายเพื่อรักษาสถานะหรือเลื่อนชนชั้นที่ไม่เท่ากัน และยังมีช่องว่างทั้งระหว่างและภายในชนชั้นที่เปิดโอกาสให้ระบบอุปถัมภ์ยังคงทำงานได้ในทุกระดับ</p> ปิ่นวดี ศรีสุพรรณ ฐานิดา บุญวรรโณ สุรางค์รัตน์ จำเนียรพล Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 19 2 27 57 พหุจักรวาลแห่งการพัฒนาภาคปฏิบัติมีหน้าตาอย่างไร? กรณีศึกษาชุมชนกสิกรรมทางเลือกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jla_ubu/article/view/267618 <p>ทฤษฏีเกี่ยวกับ ‘Pluriverse’ ตอบโต้แนวคิดการพัฒนาแบบโลกที่เป็นหนึ่งเดียว จึงเป็นแนวคิดที่ได้รับความนิยมในการถกเถียงเกี่ยวกับทางเลือกในการพัฒนา เพื่อสร้าง‘โลกที่รวมเอาโลกหลายแบบเข้าไว้ด้วยกัน’ ซึ่งโอบรับความหลากหลายของพัฒนาความเป็นอยู่ดีที่ในการอยู่ร่วมกัน มากกว่าเป็นการพัฒนาโดยมีจักวรรดินิยม ทุนนิยม และความเป็นสมัยใหม่ เป็นฐานให้กับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นเส้นตรงโดยมีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง งานวิจัยชิ้นนี้มีจุดประสงค์เพื่อเชื่อมข้อมูลเชิงประจักษ์กับเข้ากับทฤษฏี โดยการศึกษาชุมชนที่ทำเกษตรกรรมทางเลือกในจังหวัดศรีษะเกษ ประเทศไทย</p> <p> งานวิจัยนี้ประกอบด้วย 3 กรณีศึกษา ได้แก่ หมู่บ้านศีรษะอโศก ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ทำกสิกรรมยั่งยืนตามแนวทางจริยธรรมทางพุทธศาสนา สมาคมคนทาม ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนราษีไศลในการใช้ชีวิตอยู่กับป่าทาม และต่อสู้พร้อมกับเครือข่ายขบวนการเกษตรนิเวศ ไร่ทอง ออแกร์นิก ฟาร์ม ซึ่งเป็นธุรกิจเพื่อสังคมที่ทำงานร่วมกับเกษตรกรเพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิตข้าวอินทรีย์เข้าสู่มาตรฐานตลาดโลก งานวิจัยนี้เสนอว่ากรณีศึกษาทำกสิกรรมทางเลือกตามอุดมการณ์และภาพฝันที่มีโดยอยู่ในบริบทของกสิกรรมไทยก่อให้เกิดแรงเสียดทานและทั้งกลืนกลายสู่ความเป็นสมัยใหม่ ซึ่งในที่นี้แทนโดย รัฐ ทุนกำไร และความรู้แบบวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ เนื่องจากบริบททางสังคมการเมือง และวัฒนธรรมของกรณีศึกษา อีกทั้งอาจไม่ได้แสดงออกถึงความการเปลี่ยนผ่านอย่างสุดโต่ง แต่ก็ถือว่าความเป็นพหุนิยมนี้เป็นแนวทางสู่แนวคิด Pluriverse ที่เกิดขึ้นจริง เนื่องจากการปะทะกันของวาทกรรมการพัฒนาทางเลือกที่ซับซ้อน นำไปสู่สภาวะกึ่งกลาง งานวิจัยนี้ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการเพิ่มองค์ความรู้เกี่ยวกับพหุจักรวาลแห่งการพัฒนาในภาคปฏิบัติเพื่อเพิ่มการถกเถียงในระดับนานาชาติ</p> <p> </p> Thita Orn-in Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 19 2 58 83 การศึกษาพัฒนาการและบทบาทของคริสต์ศาสนาเนสโทเรียน ในสมัยราชวงศ์ถัง ตั้งแต่ ปี ค.ศ. 635 - 845 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jla_ubu/article/view/264690 <p>บทความวิจัยนี้ศึกษาถึงพัฒนาการและบทบาทของคริสต์ศาสนาเนสโทเรียนในสมัยราชวงศ์ถัง ตั้งแต่รัชสมัยถังไท่จง รัชศกเจินก้วน ปี ค.ศ. 635 จนถึงรัชสมัยถังอู่จง รัชศกฮุ่ยชัง ค.ศ. 845 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพัฒนาการและบทบาทของคริสต์ศาสนาเนสโทเรียนที่เข้าไปสัมพันธ์กับสังคมในสมัยนั้น ผลการวิจัยพบว่าคริสต์ศาสนาเนสโทเรียนมีพัฒนาการและบทบาทสำคัญด้านการเมืองการปกครองและเศรษฐกิจ โดยมีมิชชันนารีที่ได้รับตำแหน่งทางการเมืองการปกครอง ดูแลสถานการณ์ตามแนวชายแดน พร้อมหลักฐานสำคัญที่ปรากฏชัดถึงพัฒนาการและบทบาทการเข้ามาเผยแผ่คริสต์ศาสนาเนสโทเรียนในยุคจักรวรรดิโรมันตะวันออก จักรพรรดิในราชวงศ์ถังแต่งตั้งมิชชันนารีในสมัยนั้นให้ดำรงตำแหน่งสำคัญทางการปกครอง ซึ่งสันนิษฐานได้ว่าคริสต์ศาสนาเนสโทเรียนมีบทบาทมากในสมัยนั้น โดยมีหลักฐานบนแท่นศิลาบันทึกไว้เป็นสำคัญ อีกทั้งยังพบร่องรอยกิจกรรมการแปลพระคัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาเดิมบางส่วนเป็นภาษาจีนอย่างเป็นทางการปรากฏตั้งแต่ต้นราชวงศ์ถังแล้ว และพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สามารถเทียบเคียงได้ว่ากิจกรรมการแปลพระคัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาเดิมได้ปรากฏตั้งแต่ยุคราชวงศ์จิ้นตะวันออก ซึ่งถือได้ว่าพัฒนาการและบทบาทของคริสต์ศาสนาเนสโทเรียนได้เป็นส่วนหนึ่งในพัฒนาการสังคมจีนในสมัยรัชวงศ์ถัง</p> ธวัชชัย ชัยชนะกิจพงษ์ กนกพร นุ่มทอง Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 19 2 84 109 ภาพยนตร์คนยาก: การสร้างพื้นที่สื่อสารกับคนไร้บ้าน https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jla_ubu/article/view/267623 <p>งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาการผลิตสื่อร่วมกับคนไร้บ้านในเมืองที่มียุทธศาสตร์ขับเคลื่อนสู่การเป็นสมาร์ทซิตี้เพื่อถ่ายทอดมุมมองของคนไร้บ้านในรูปแบบภาพยนตร์และนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการสื่อสารกับคนเมือง โดยผู้วิจัยใช้แนวทางว่าด้วยความคิดทางการเมืองเรื่องความเสมอภาคของฌาคส์ ร็องซีแยร์ (Jacques Ranciére) ในการให้อำนาจผลิตสื่อแก่ผู้ที่ไม่มีพื้นที่ในการออกเสียง ผ่านการจัดอบรมการถ่ายวิดีโอให้กับคนไร้บ้านเพื่อคัดเลือก 12 คนไร้บ้าน ในการบันทึกภาพเทศบาลเมืองขอนแก่นในมุมมองตนเอง จากนั้นจึงรวบรวมวิดีโอมาทำการลำดับภาพเป็นภาพยนตร์ความยาว 60 นาที ก่อนจัดฉายในที่สาธารณะเพื่อเปิดพื้นที่ให้มีการสนทนาและแสดงความคิดเห็น</p> <p>ผลการศึกษาแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ การผลิตสื่อของคนไร้บ้าน และการสร้างพื้นที่สื่อสารกับคนเมือง โดยส่วนที่ 1 การผลิตสื่อของคนไร้บ้าน แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ทำเพื่อความสนุก กล่าวคือ อุปกรณ์บันทึกภาพเคลื่อนไหวเป็นสิ่งที่เข้าถึงยาก จึงเป็นกิจกรรมที่มีความแปลกใหม่สำหรับคนไร้บ้าน กรณีนี้มีข้อจำกัดในการปฏิบัติงานที่ต้องมีความไม่ซับซ้อน เช่น การฝึกตั้งกล้องนิ่งไว้บนพื้นหรือกำแพง ซึ่งภาพที่ได้จะมีมุมมองที่หลากหลาย ประเภทต่อมาคือทำเพราะมีค่าจ้าง กรณีนี้ภาพที่ได้จะมีจำนวนน้อยและมีมุมมองที่ซ้ำ เนื่องจากบันทึกอย่างเร่งรีบในรัศมีที่อยู่ใกล้ที่พัก และประเภทที่สามทำเพื่อต้องการถ่ายทอดปัญหาในชีวิต กล่าวคือ คนไร้บ้านมีที่มาจากหลากหลายปัญหาสังคม เช่น ปัญหายาเสพติด ปัญหาครอบครัว ปัญหาสุขภาพจิต ไปจนถึงการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ต้องการเปิดเผย ภาพที่บันทึกจึงเป็นเรื่องทั่วไป เช่น การเดินทาง การกิน และการนอน อย่างไรก็ดี ผลการศึกษาส่วนที่ 2 การสร้างพื้นที่สื่อสารกับคนเมือง พบว่า ภาพยนตร์สามารถสร้างประเด็นนำไปสู่การเสวนาใน 2 สิ่งที่ไม่เคยเห็น คือ ภาพเมืองในมุมมองที่ไม่เคยเห็น และภาพคนไร้บ้านที่คนเมืองไม่เคยเห็น ด้วยเหตุนี้ การบันทึกภาพจึงเป็นกิจกรรมทางเลือกที่ทำให้คนไร้บ้านได้ผ่อนคลาย และได้แสดงตัวตนในฐานะพลเมือง</p> องอาจ หาญชนะวงษ์ Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 19 2 110 134 การใช้ภาษาบนป้ายธุรกิจการค้าและบริการในย่านธุรกิจการค้า เขตเทศบาลนครขอนแก่น: การศึกษาตามแนวภูมิทัศน์ภาษา https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jla_ubu/article/view/268710 <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาภาษาเค้าเดิม ตัวอักษรที่ปรากฏลักษณะการปรากฏของตัวอักษร และสถานภาพของภาษาที่ปรากฏบนป้ายธุรกิจการค้าและบริการย่านธุรกิจการค้า เขตเทศบาลนครขอนแก่น โดยใช้ข้อมูลภาพถ่ายป้ายธุรกิจการค้าและบริการ โดยการสุ่มตัวอย่างตามความสะดวก (Convenience Sampling) ในย่านธุรกิจการค้าเขตเทศบาลนครขอนแก่นจำนวน 759 ป้าย</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า การใช้ภาษาที่ปรากฏบนป้ายธุรกิจการค้าและบริการย่านธุรกิจการค้าเขตเทศบาลนครขอนแก่น พบว่าภาษาเค้าเดิมเอกภาษาพบภาษาอังกฤษมากที่สุด และภาษาเค้าเดิมพหุภาษาพบภาษาไทยกับภาษาบาลี-สันสกฤตมากที่สุด การใช้ตัวอักษรภาษาต่าง ๆ พบการใช้ตัวอักษรภาษาไทยมากที่สุดและลักษณะการปรากฏของตัวอักษร พบว่าตัวอักษรภาษาไทยภาษาเดียวพบมากที่สุด จากการศึกษาพบว่าภาษาไทยและภาษาอังกฤษมีสถานภาพของภาษาสูงกว่าภาษาอื่น ๆ พิจารณาได้จากความถี่ของภาษาเค้าเดิมเอกภาษาที่พบภาษาอังกฤษมากที่สุด ภาษาเค้าเดิมพหุภาษาที่ภาษาไทยปรากฏร่วมกับภาษาอื่น ๆ บนป้ายมากที่สุด อีกทั้งพบตัวอักษรภาษาไทยปรากฏบนป้ายมากที่สุด รองลงมาคือตัวอักษรภาษาอังกฤษ และลักษณะการปรากฏ ของตัวอักษรในตำแหน่งที่สำคัญจึงทำให้ภาษาไทยและภาษาอังกฤษมีสถานภาพของภาษาสูงกว่าภาษาอื่น ๆ ที่พบบนป้ายธุรกิจการค้าและบริการย่านธุรกิจการค้าเขตเทศบาลนครขอนแก่น ในขณะเดียวกันภาษาไทยและภาษาอังกฤษนั้นยังทำหน้าที่ เป็นสื่อกลางในการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าเพื่อให้กลุ่มลูกค้าในพื้นที่เข้าถึงการบริการได้มากที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นในปัจจุบันที่ต้องการสิ่งที่ทันสมัย สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอและมีความเป็นสากล</p> เทียมแข ประมวล ดุจฉัตร จิตบรรจง Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 19 2 135 161 อัตลักษณ์และการตลาดการท่องเที่ยวแบบจุดหมายปลายทางเดียว เชื่อมโยงไทย - ลาว กรณีศึกษาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ มุกดาหาร – สะหวัน - เซโน และนครพนม - ท่าแขก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jla_ubu/article/view/270155 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ (1) ศึกษาศักยภาพและอัตลักษณ์การท่องเที่ยวในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (2) ศึกษาความต้องการของนักท่องเที่ยวเพื่อกำหนดตำแหน่งทางการตลาด และ (3) เพื่อเสนอแผนกลยุทธ์ทางการตลาดบนฐานของอัตลักษณ์การท่องเที่ยว โดยใช้กรณีศึกษาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ มุกดาหาร–สะหวัน-เซโน และนครพนม-ท่าแขก การวิจัยนี้เป็นแบบผสมผสาน ใช้เครื่องมือเชิงปริมาณ คือ แบบประเมินศักยภาพแหล่งท่องเที่ยว กับภาครัฐ เอกชน และชุมชนท้องถิ่น นอกจากนี้ยังใช้แบบสอบถาม กับกลุ่มตัวอย่างจำนวน 300 คน เพื่อศึกษาความต้องการของนักท่องเที่ยว สำหรับเครื่องมือเชิงคุณภาพ ใช้การระดมความคิดเห็น เพื่อสังเคราะห์อัตลักษณ์การท่องเที่ยว ตำแหน่งทางการตลาด และกลยุทธ์ทางการตลาด โดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจาก 2 จังหวัด ในประเทศไทย และ 2 แขวงใน สปป.ลาว</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า พื้นที่ที่มีศักยภาพการท่องเที่ยว (1) ระดับมาก คือ จังหวัดนครพนม (2) ระดับปานกลาง คือจังหวัดมุกดาหาร เมืองไกสอน พมวิหาน และเมือง ท่าแขก ด้านอัตลักษณ์การท่องเที่ยว กำหนดได้ 4 รูปแบบ คือ (1) อัตลักษณ์การท่องเที่ยวเชิงธรณีสัณฐาน (2) อัตลักษณ์การท่องเที่ยวเชิงศาสนา (3) อัตลักษณ์การท่องเที่ยวเชิงสถาปัตยกรรม และ (4) อัตลักษณ์การท่องเที่ยวโดยมีแม่น้ำเป็นฐาน ด้านความต้องการของนักท่องเที่ยว ประกอบไปด้วย (1) การสื่อความหมาย (2) ราคา (3) ช่องทางการจัดจำหน่าย (4) การส่งเสริมการขาย (5) การใช้ภาษาต่างประเทศ (6) การบริหารจัดการ และ (7) การสร้างอัตลักษณ์ร่วม สำหรับการกำหนดตำแหน่งทางการตลาด พบว่ามี 3 ระดับ คือ(1) ระดับเมืองผ่าน (2) ระดับเมืองรอง และ (3) ระดับจุดหมายปลายทาง และสามารถนำมากำหนดเป็นกลยุทธ์ทางการตลาด คือ (1) กลยุทธ์ที่ 1 การริเริ่มกำหนดแผนแม่บทในแต่ละภาคส่วนเพื่อรองรับการท่องเที่ยวแบบบูรณาการ (2) กลยุทธ์ที่ 2 การสร้างความเข้มแข็งให้แก่ทรัพยากรมนุษย์และกระจายผลประโยชน์ที่ทั่วถึง และ (3) กลยุทธ์ที่ 3 การกำหนดนโยบายหรือกฎหมายด้านการท่องเที่ยวเฉพาะพื้นที่ระหว่างรัฐต่อรัฐ</p> อรรถพล ศิริเวชพันธุ์ Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 19 2 162 194 ลักษณะการแปลการเล่นคำส่อนัยทางเพศในบทบรรยายใต้ภาพจากภาษาไทยเป็นภาษาจีนของซีรีส์วายไทย: กรณีศึกษาซีรีส์วายไทยเรื่อง “เพราะเราคู่กัน” https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jla_ubu/article/view/269659 <p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ประเภทการเล่นคำและกลวิธีการแปลการเล่นคำส่อนัยทางเพศในบทบรรยายใต้ภาพจากภาษาไทยเป็นภาษาจีนของซีรีส์วายไทย: กรณีศึกษาซีรีส์วายไทยเรื่อง “เพราะเราคู่กัน” ทั้ง 13 ตอน ผลการวิจัยพบว่า ซีรีส์วายไทยนี้ปรากฏการใช้การเล่นคำส่อนัยทางเพศทั้งหมด 22 คำ เมื่อแบ่งประเภทการเล่นคำตามแนวคิดของ Delabastita พบว่า การเล่นคำของภาษาต้นทางจัดอยู่ในประเภทของคำพ้องรูปพ้องเสียง ส่วนการเล่นคำของภาษาปลายทางจัดอยู่ในประเภทคำที่มีความใกล้เคียงของเสียงหรือรูป และเมื่อวิเคราะห์กลวิธีการแปลการเล่นคำส่อนัยทางเพศด้วยการประยุกต์ใช้กลวิธีการแปลการเล่นคำของ Delabastita และ He จำนวน 6 กลวิธี พบว่า กลวิธีการแปลการเล่นคำส่อนัยทางเพศจากภาษาไทยเป็นภาษาจีนที่ใช้ในการแปลมากสุดคือกลวิธีการแปลการเล่นคำในภาษาต้นทางเสมือนว่าไม่ใช่การเล่นคำ (PUN &gt; ZERO) คือแปลตามตัวอักษรธรรมดา รองลงมาคือกลวิธีการแปลการเล่นคำในภาษาต้นทางโดยรักษาความหมายที่สำคัญเพียงอันใดอันหนึ่งเอาไว้ (PUN &gt; NON-PUN) และกลวิธีการแปลการเล่นคำในภาษาต้นทางเป็นกลวิธีการประพันธ์อื่น ๆ (PUN &gt; RELATED RHETORICAL DEVICE) เช่น การผสมพยัญชนะ สำนวน หรือคำคล้องจอง ส่วนกลวิธีการแปลการเล่นคำในภาษาต้นทางเป็นการเล่นคำในภาษาปลายทาง (PUNNING CORRRESPONDENCE) กลวิธีการเปลี่ยนแปลงความหมายเดิมเพื่อให้เป็นการเล่นคำในภาษาปลายทาง (Change of Image) และกลวิธีการทิ้งความหมายซ้อนไป (SACRIFICE SECONDARY INFORMATION) เป็นกลวิธีที่ใช้น้อยที่สุด</p> อธิปัตย์ นิตย์นรา กนกพร นุ่มทอง Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 19 2 195 227 การอ่านแบบกว้างขวางและการพัฒนาความจำ ผ่านความรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษและความเข้าใจการอ่าน: การศึกษาสหสัมพันธ์ขนาดใหญ่ https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jla_ubu/article/view/266629 <p>การศึกษาสหสัมพันธ์ขนาดใหญ่นี้ศึกษาความเป็นไปได้ระหว่างความสัมพันธ์ระหว่างการอ่านอย่างกว้างขวาง การรับคำศัพท์ และความเข้าใจการอ่านด้วยกิจกรรมเน้นฝึกความจำ ผู้ร่วมจำนวน 506 รายได้เข้าร่วมโครงการการอ่านอย่างกว้างขวางเป็นเวลา 4 เดือน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหนังสืออ่านนอกเวลาที่กำหนดให้อ่านก่อนเข้าทดสอบในการสอบหนังสืออ่านนอกเวลาซึ่งข้อคำถามเน้นการทดสอบความจำ คะแนนผลการสอบหนังสืออ่านนอกเวลาได้นำมาเปรียบเทียบกับคะแนนสอบกลางภาคและคะแนนสอบปลายภาค การวิเคราะห์ถดถอยแสดงว่ามีความเข้มของความสัมพันธ์เชิงบวกน้อยระหว่างผลการสอบหนังสืออ่านนอกเวลากับคะแนนส่วนคำศัพท์และการอ่านโดยเฉพาะอย่างยิ่งในคะแนนที่ปรากฏช่วงสอบปลายภาคเมื่อเทียบกับคะแนนที่ปรากฏช่วงสอบกลางภาค ในเชิงการเพิ่มความจำ ผลการศึกษาระบุว่ามีความสัมพันธ์ระดับค่อนข้างมากระหว่างข้อสอบที่เน้นการทดสอบความจำกับการพัฒนาความจำแต่แลกมากับความสามารถเชิงปริชานอื่น เช่น ความเข้าใจ</p> กสิน จันทร์จรุงภักดิ์ Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 19 2 228 248 วิธีวิทยาการสร้างความไว้ใจว่าด้วยการเลือกใช้สำเนียงในภาษาลาวและตำแหน่งแห่งที่ของผู้วิจัยในการศึกษากลุ่มแรงงานชาวลาวข้ามชาติที่ไม่ได้ลงทะเบียนในพื้นที่ชายแดนจังหวัดอุบลราชธานี https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jla_ubu/article/view/267577 <p>บทความนี้อภิปรายประเด็นปัญหาในเรื่องวิธีวิทยาการสร้างความไว้ใจผ่านการใช้สำเนียงเพื่อสร้างความรู้สึกในการเป็นพวกพ้องเดียวกันระหว่างผู้วิจัยกับผู้ให้ข้อมูลซึ่งเป็นแรงงานลาวข้ามชาติที่ไม่ได้ลงทะเบียนบริเวณชายแดนไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวของจังหวัดอุบลราชธานีและแขวงจำปาสัก โดยผ่านมุมมองแบบชาติพันธุ์วรรณนา ตำแหน่งแห่งที่และการสร้างความไว้วางใจ ผู้วิจัยทำงานวิจัยหลายโครงการในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีระหว่างปี 2562-2566 และพยายามใช้สำเนียงที่ใกล้เคียงกับผู้ให้ข้อมูลเพราะหวังว่าสำเนียงที่คล้ายกันจะทำให้เกิดความไว้วางใจได้รับการยอมรับว่าเป็น คนในในการลงพื้นที่ภาคสนาม แต่ผลกลับเป็นตรงกันข้ามเมื่อผู้ให้ข้อมูลยิ่งเกิดความไม่ไว้ใจ การทำงานภาคสนามชี้ว่าความพยายามในการเปลี่ยนสำเนียงในการเก็บข้อมูลไม่ได้ส่งผลต่อการได้มาของข้อมูลอย่างมีนัยสำคัญ หากแต่ผู้วิจัยต้องใช้เวลาในสนามให้มากพอจึงจะสร้างความไว้วางใจได้ ตลอดการทำวิจัยระหว่างปี ค.ศ. 2019 ถึง 2023 ผู้วิจัยใช้วิธีการเก็บข้อมูลเชิงเอกสาร การสัมภาษณ์และสังเกตการณ์แบบมีส่วนร่วม ทั้งนี้ ปัญหาทางวิธีวิทยาเรื่องการสร้างความไว้ใจจะปรากฏผ่านเทคนิคการสัมภาษณ์และการสังเกตการณ์แบบมีส่วนร่วมโดยการใช้ตำแหน่งแห่งที่ของผู้วิจัยมีบทบาทสำคัญในการเก็บรวบรวมข้อมูล</p> ธนเชษฐ วิสัยจร Copyright (c) 2023 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-28 2023-12-28 19 2 249 273