มนุษยสังคมสาร (มสส.) คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jhusoc
<p><strong>ISSN 2774-1451 (Online) </strong></p> <p> --------------------------------------------------------------------------------</p> <p> “มนุษยสังคมสาร” คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ มีนโยบายในการรับตีพิมพ์เผยแพร่บทความที่ครอบคลุมสาขาวิชาหลัก (Main subject Category) คือ Social Sciences และจะต้องอยู่ใน 3 กลุ่มสาขาวิชา (Subject areas) คือ 1) Arts and Humanities, 2) Economics, Econometrics and Finance, 3) Social Sciences ซึ่งจะต้องอยู่ใน 5 กลุ่มย่อย (Sub-subject areas) คือ 1) General Arts and Humanities, 2) Language and Linguistics, 3) General Economics, Econometrics and Finance, 4) General Social Sciences, 5) Sociology and Political Sciences</p> <p> “มนุษยสังคมสาร” มีกำหนดการเผยแพร่ปีละ 3 ฉบับ (มกราคม-เมษายน / พฤษภาคม-สิงหาคม / กันยายน-ธันวาคม) แต่อาจจะออกเป็นฉบับพิเศษ (Special issue) ในการร่วมประชุมวิชาการระดับชาติและนานาชาติกับทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ไม่เกินปีละ 2 ฉบับ</p> <p> ทุกบทความใน “มนุษยสังคมสาร” จะต้องผ่านการพิชญพิจารณ์โดยผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer reviewer) ในสาขาที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกจากหลากหลายสถาบัน อย่างน้อย 3 คน โดยผู้ทรงคุณวุฒิไม่ทราบชื่อผู้นิพนธ์บทความนั้น (Double-blind peer review) ทั้งนี้ เพื่อให้บทความมีคุณภาพและได้มาตรฐานทางวิชาการ บทความที่ส่งมาขอรับการตีพิมพ์ใน “มนุษยสังคมสาร” จะต้องไม่เคยตีพิมพ์หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อตีพิมพ์ในวารสารอื่น ผู้นิพนธ์บทความจะต้องปฏิบัติตามระบบการอ้างอิงเอกสารและหลักเกณฑ์การเสนอบทความวิชาการหรือบทความวิจัยย่างเคร่งครัด</p> <p> ผู้นิพนธ์ที่จะส่งบทความมาตีพิมพ์เผยแพร่ใน “มนุษยสังคมสาร” จะต้องส่งผลการคัดลอกหรือลอกเลียนผลงาน (Plagiarism) ด้วยโปรแกรมอักขราวิสุทธิ์ ผ่านเว็บไซต์ <a href="http://plag.grad.chula.ac.th/">http://plag.grad.chula.ac.th/</a> โดยร้อยละของดัชนีความซ้ำซ้อนของบทความไม่เกินร้อยละ 10 ทั้งนี้ ให้ผู้นิพนธ์แนบผลการคัดลอกหรือลอกเลียนผลงานส่งมาที่วารสารพร้อมกับบทความด้วย</p> <p> ข้อความภายในบทความที่ตีพิมพ์ใน “มนุษยสังคมสาร” ทั้งหมด รวมถึงรูปภาพประกอบ ตาราง เป็นลิขสิทธิ์ของ “มนุษยสังคมสาร” การนำเนื้อหา ข้อความหรือข้อคิดเห็น รูปภาพ ตารางที่ปรากฏในบทความไปจัดพิมพ์เผยแพร่ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ต้องได้รับอนุญาตจากกองบรรณาธิการวารสารอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร วารสารอนุญาตให้สามารถนำไฟล์บทความไปเผยแพร่ต่อเพื่อประโยชน์ทางวิชาการได้ แต่ต้องแสดงที่มาจากวารสาร โดยห้ามแก้ไขดัดแปลงเนื้อหาใด ๆ ที่ปรากฏในวารสารนี้ ทัศนะและความคิดเห็น ตลอดถึงข้อผิดพลาดใด ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในบทความใน “มนุษยสังคมสาร” ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้นิพนธ์บทความนั้น โดยไม่เกี่ยวข้องกับกองบรรณาธิการ</p>
มนุษยสังคมสาร (มสส.) คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
th-TH
มนุษยสังคมสาร (มสส.) คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
2673-0243
<p><em>เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารทดสอบระบบ </em><em>ThaiJo2 ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ</em></p> <p><em> บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารทดสอบระบบ ThaiJo2 ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารทดสอบระบบ ThaiJo2 หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรจากวารสารทดสอบระบบ ThaiJo2 ก่อนเท่านั้น</em></p> <p><em> </em></p>
-
กลวิธีทางภาษาในการเกริ่นนำเนื้อเรื่องของหนังสือเรียนภาษาไทยวรรณคดีลำนำ
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jhusoc/article/view/285715
<p> บทความนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษากลวิธีทางภาษาที่พบในเนื้อหาส่วนเกริ่นนำของหนังสือเรียนภาษาไทยวรรณคดีลำนำ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 6 จำนวน 19 บท ผลการศึกษาพบกลวิธีทางภาษาในการเกริ่นนำเนื้อเรื่อง 6 กลวิธี ได้แก่ 1) กลวิธีการเกริ่นนำด้วยชื่อ เช่น ชื่อตัวละครในวรรณคดี ชื่อกลุ่มชาติพันธุ์ ชื่อเรื่องนิทานอีสป ชื่อแบบเรียน ชื่อคำประพันธ์ 2) กลวิธีการเกริ่นนำด้วยองค์ประกอบของนิทาน เช่น ฉาก ความเป็นมาของนิทาน ลักษณะการดำเนินเรื่อง 3) กลวิธีการเกริ่นนำด้วยคุณค่าและความงามของเรื่อง 4) กลวิธีการเกริ่นนำด้วยสำนวนไทย เช่น ศรศิลป์ไม่กินกัน เด็กเลี้ยงแกะ กระต่ายตื่นตูม 5) กลวิธีการเกริ่นนำด้วยการตั้งคำถาม และ 6) กลวิธีการเกริ่นด้วยคำเลียนเสียง เช่น การใช้คำเลียนเสียงธรรมชาติ การใช้คำเลียนเสียงสัตว์ กลวิธีทางภาษาในการเกริ่นนำ 6 กลวิธีแสดงให้เห็นความหลายหลายของการเลือกใช้ภาษาในหนังสือเรียนสำหรับเด็กนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา เพื่อกระตุ้นให้นักเรียนเกิดความอยากรู้และสนใจติดตามอ่านเนื้อหาส่วนวรรณคดีหลักต่อไป</p>
ชลทิพย์ อาจยุทธ
สุรีย์รัตน์ บำรุงสุข
บุญเลิศ วิวรรณ์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มนุษยสังคมสาร (มสส.) คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc/4.0
2025-08-27
2025-08-27
23 2
1
15
10.14456/jhusoc.2025.11
-
การศึกษากลยุทธ์ทางการตลาด 4 E’s ที่มีความสัมพันธ์กับการสร้าง อัตลักษณ์แบรนด์กาแฟและไวน์เพื่อการท่องเที่ยวเชิงเครื่องดื่ม เมืองแทสมาเนีย
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jhusoc/article/view/286104
<p> การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์กลยุทธ์ทางการตลาด 4E’s กับการสร้างอัตลักษณ์แบรนด์กาแฟและไวน์ เพื่อการท่องเที่ยวเชิงเครื่องดื่ม เมืองแทสมาเนีย ประเทศออสเตรเลีย ถูกออกแบบเป็นการวิจัยเชิงปริมาณ มีแบบสอบถามเป็นเครื่องมือเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 384 คน ใช้สูตร G.W. Cochran มาทำการคำนวณจากประชากรที่เป็นนักท่องเที่ยวในเมืองแทสมาเนียน ประเทศออสเตรเลีย ใช้เครื่องมือสถิติ คือ การวิเคราะห์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน ผลการศึกษา พบว่า กลยุทธ์ทางการตลาด 4E’s มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับการสร้าง อัตลักษณ์ให้แบรนด์กาแฟ และไวน์เพื่อการท่องเที่ยวเชิงเครื่องดื่ม เพราะสามารถเป็นเครื่องมือช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าใจถึงประเด็นสำคัญ 4 ประการ คือ 1) การสร้างประสบการณ์ที่ดี 2) การสร้างความคุ้มค่าให้ลูกค้ายอมจ่าย 3) การเข้าถึงง่าย และ 4) การสร้างลูกค้าประจำ ที่สามารถกระตุ้นให้เกิดการรับรู้ และตัดสินใจเดินทางเยี่ยมชมไร่กาแฟ และไร่ไวน์ต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ ส่งผลให้การท่องเที่ยวเชิงเครื่องดื่มเกิดการพัฒนา และส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ</p>
อุษณีษ์ เสวกวัชรี
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มนุษยสังคมสาร (มสส.) คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc/4.0
2025-08-27
2025-08-27
23 2
16
33
10.14456/jhusoc.2025.12
-
ภาพลักษณ์สถาบันขงจื่อไทยจากเนื้อหาแผ่นป้ายประชาสัมพันธ์เพจเฟซบุ๊ก
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jhusoc/article/view/290594
<p> บทความนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาภาพลักษณ์สถาบันขงจื่อไทยจากเนื้อหาในแผ่นป้ายประชาสัมพันธ์เพจเฟซบุ๊กของสถาบันขงจื่อ โดยรวบรวมข้อมูลแผ่นป้ายประชาสัมพันธ์ของสถาบันขงจื่อในประเทศไทยจาก 12 สถาบันตั้งแต่เดือน มกราคม - ธันวาคม พ.ศ. 2566 มีจำนวนทั้งหมด 338 แผ่นป้าย ผ่านกระบวนการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ผลการศึกษาพบว่า ภาพลักษณ์สถาบันขงจื่อไทยประกอบด้วย 3 ภาพลักษณ์ ดังนี้ 1) ภาพลักษณ์องค์กรที่มีความเชี่ยวชาญด้านภาษาจีน ได้แก่ การจัดอบรมและการบรรยายทางวิชาการ การสอบวัดระดับภาษาจีน การประกวดทักษะภาษาจีน 2) ภาพลักษณ์องค์กรที่กระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทย- จีน ได้แก่ การมีส่วนร่วมกับองค์กรไทย การสนับสนุนการศึกษาและอาชีพ และ 3) ภาพลักษณ์องค์กรที่เป็นสื่อกลางในการเผยแพร่วัฒนธรรมจีน ได้แก่ การจัดกิจกรรมและอบรมศิลปวัฒนธรรมจีน การจัดกิจกรรมเทศกาลดั้งเดิมของจีน</p> <p> การนำเสนอภาพลักษณ์สถาบันขงจื่อไทยดังกล่าว เพื่อให้ผู้รับสารเกิดความประทับใจในสถาบันขงจื่อในประเทศไทย อันส่งผลต่อการดำเนินการให้สำเร็จลุล่วงตามพันธกิจ และประสานความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นผ่านการประกอบสร้างภาพลักษณ์</p>
หลี่ เจี้ยน
สมบัติ สมศรีพลอย
อัควิทย์ เรืองรอง
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มนุษยสังคมสาร (มสส.) คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc/4.0
2025-08-27
2025-08-27
23 2
34
56
10.14456/jhusoc.2025.13
-
ความสุขในการทำงานของบุคลากรสำนักงบประมาณ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jhusoc/article/view/291460
<p> การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับความสุขในการทำงานของบุคลากรสำนักงบประมาณ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี 2) เปรียบเทียบความสุขในการทำงานตามปัจจัยส่วนบุคคล และ 3) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยที่มีผลต่อความสุขกับความสุขในการทำงาน กลุ่มตัวอย่างคือ บุคลากรสำนักงบประมาณ จำนวน 299 คน ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือวิจัย สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่า t-test การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว การทดสอบความแตกต่างรายคู่ด้วยวิธี LSD และการวิเคราะห์สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน ที่ระดับนัยสำคัญ .05 ผลการวิจัยพบว่า ความสุขในการทำงานโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง ปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ อายุ การศึกษา ระยะเวลาทำงาน และรายได้ มีผลต่อความสุขในการทำงานแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ และปัจจัยทั้ง 8 ด้าน ได้แก่ สุขภาพดี น้ำใจงาม สังคมดี ผ่อนคลาย หาความรู้ ทางสงบ ปลอดหนี้ และครอบครัวดี มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับความสุขในการทำงานอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ</p>
กรเกศ สองวรวรา
ศุภพัชร์พิมล สิมลี
สมเกียรติ วันทะนะ
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มนุษยสังคมสาร (มสส.) คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc/4.0
2025-08-27
2025-08-27
23 2
57
77
10.14456/jhusoc.2025.14
-
The Analysis of the Singing Techniques in The Wonderful Time is Coming for First-Year Students at Xinghai Conservatory of Music, China
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jhusoc/article/view/291257
<p> This study aimed to analyze the singing techniques of <em>The Wonderful Time Is Coming</em>, an aria from Mozart’s opera The Marriage of Figaro, and to develop instructional guidelines for first-year students at the Xinghai Conservatory of Music, China. A qualitative research design was employed with three purposively selected informants: two professors from Xinghai Conservatory and one lecturer from Guangdong Second Normal University. Data were collected through structured and semi-structured interviews, validated via the Item-Objective Congruence (IOC) method, complemented by literature review and practical vocal technique analysis. Content analysis identified key technical and expressive aspects of performance. Findings indicated that mastering breath control, diction, resonance, and the stylistic features of Mozart’s soprano writing is essential for vocal accuracy and expressive authenticity. Based on these results, structured singing guidelines were developed, including targeted breathing exercises, resonance enhancement techniques, emotional interpretation strategies, and pre-class preparation methods. These guidelines provide a pedagogical framework to improve vocal instruction effectiveness and support students’ technical and artistic growth. The study offers both practical and theoretical contributions to vocal pedagogy, enhancing teaching approaches in Classical opera repertoire and providing replicable strategies for training young vocalists at the conservatory level.</p>
Chen Xun
Chao Kanwicha
Chalermkit Kengkaew
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มนุษยสังคมสาร (มสส.) คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc/4.0
2025-08-27
2025-08-27
23 2
78
96
10.14456/jhusoc.2025.15
-
Official Tourism Websites of ASEAN Countries: A Linguistic Strategies Analysis
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jhusoc/article/view/291233
<p> The official tourism websites of ASEAN countries functioned as essential tools for drawing international visitors because they played a vital economic role in these nations. This research investigated the official tourism websites of Indonesia, Malaysia, Singapore, and Thailand to analyze their linguistic strategies for informative, persuasive, and interactional meta‑discourse elements. The study analyzed tourism discourse through Hyland’s (2005) Meta‑Discourse Framework by conducting qualitative discourse analysis of hedges, boosters, attitude markers, engagement markers, and self‑mentions. The findings showed that Indonesia and Malaysia employed detailed descriptions and sensory language to attract tourists, emphasizing informative and persuasive strategies. In contrast, Singapore and Thailand used interactional meta‑discourse, particularly hedges and boosters to create credibility and sustain visitor engagement. The research demonstrated how ASEAN nations tailored their linguistic approaches to build destination branding while reaching potential visitors and establishing credibility. It also revealed that digital tourism promotion became more effective through strategic language optimization, interactive features, and personalized content. Ultimately, the study contributed to tourism discourse analysis by illustrating how ASEAN nations successfully marketed their destinations using targeted language strategies.</p>
Suna Kunghair
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มนุษยสังคมสาร (มสส.) คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc/4.0
2025-08-27
2025-08-27
23 2
97
115
10.14456/jhusoc.2025.16
-
นวัตกรรมต้นแบบการเพิ่มมูลค่าสินค้าด้วยทุนทางวัฒนธรรมชุมชน วิถีชีวิตใหม่สู่ตลาดออนไลน์ เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากของคนรุ่นใหม่ชาวไทยภูเขาชนเผ่าลาหู่ บ้านแปลงสี่ ตำบลคลองลานพัฒนา อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jhusoc/article/view/291096
<p> การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ศักยภาพและแนวทางการเพิ่มมูลค่าสินค้าด้วยทุนทางวัฒนธรรมชุมชน เพื่อสร้างนวัตกรรมต้นแบบการเพิ่มมูลค่าสินค้าสู่ตลาดออนไลน์ และเพื่อถ่ายทอดการเพิ่มมูลค่าสินค้า ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากชาวไทยภูเขาชนเผ่าลาหู่ บ้านแปลงสี่ ตำบลคลองลานพัฒนา อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร ผู้ให้ข้อมูลคือกลุ่มคนรุ่นใหม่ชาวไทยภูเขาชนเผ่าลาหู่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ชุมชน เจ้าหน้าที่ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง จำนวน 50 คน เก็บข้อมูลการสัมภาษณ์ การประชุมเชิงปฏิบัติการ การสนทนากลุ่ม ผลการวิจัยพบว่า 1) ชุมชนมีวิถีชีวิตใหม่เปลี่ยนแปลงชีวิตทางสังคมและทุนทางวัฒนธรรม เศรษฐกิจ การศึกษา การเมืองการปกครอง สภาพแวดล้อม โครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย ปัจจุบันไม่พบการถูกคุกคามด้วยอำนาจรัฐ และระบบทุนนิยม การสร้างภาวะชายขอบต่อชาวไทยภูเขาเผ่าลาหู่ 2) การสร้างนวัตกรรมชนเผ่าลาหู่ คือ ผลิตภัณฑ์ชุดเสื้อผ้า กระเป๋าชอปปิงจากผ้าและ 3) ถ่ายทอดการเพิ่มมูลค่าสินค้าชุมชนคือการวางขายบน website Marketplace Facebook และline ซึ่งกลุ่มชาติพันธุ์มีทุนทางวัฒนธรรมอันมีค่า ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น</p>
อิสสราพร กล่อมกล่ำนุ่ม
โอกามา กุพันธ์
สุทธีรา คำบุญเรือง
วิยุดา ทิพย์วิเศษ
ภัสร์ศศิร์ พลายละหาร
ศุภฤทธิ์ ธาราทิพย์นรา
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มนุษยสังคมสาร (มสส.) คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc/4.0
2025-08-27
2025-08-27
23 2
116
136
10.14456/jhusoc.2025.17
-
การศึกษาความคิดเห็นและความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ต่อการพัฒนาหลักสูตรศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาดนตรีสากล มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jhusoc/article/view/292616
<p> การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความคิดเห็นและความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อการพัฒนาหลักสูตรศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาดนตรีสากล มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ กลุ่มตัวอย่างจำนวน 40 คน ได้แก่ นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 6 ศิษย์เก่า ผู้ใช้บัณฑิต อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร และศิษย์ปัจจุบัน ผลการวิจัยพบว่า ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอกต้องการหลักสูตรที่ทันสมัย เน้นทักษะเทคโนโลยี ดิจิทัล การทำงานเป็นทีม มนุษยสัมพันธ์ และภาษาอังกฤษ ศิษย์เก่าและผู้ใช้บัณฑิตเน้นความสอดคล้องของหลักสูตรกับการทำงานจริง พร้อมเสนอเพิ่มรายวิชาเทคโนโลยีดนตรี การขับร้อง การบันทึกเสียง ระบบเสียง และไฟแสงสี ส่วนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายในพึงพอใจหลักสูตรที่มีทฤษฎีและปฏิบัติ แต่เสนอเพิ่มทักษะบันทึกเสียง กลยุทธ์โปรโมทเพลง และการนำเสนอผลงานดนตรี อาจารย์รับทราบปัญหาด้านจำนวนบุคลากร ห้องปฏิบัติการ และงบประมาณจำกัด และเสนอปรับปรุงหลักสูตรเน้นนวัตกรรม เทคโนโลยีดนตรี และตัดรายวิชาที่ไม่เป็นที่นิยม พร้อมส่งเสริมความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก</p>
ธนวุฒิ ตั้งสอนบุญ
ธงรบ ขุนสงคราม
วีระยุทธ์ พรมดิราช
เชาวฤทธิ์ ชาคำไฮ
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มนุษยสังคมสาร (มสส.) คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc/4.0
2025-08-28
2025-08-28
23 2
137
156
10.14456/jhusoc.2025.18