วารสารมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jhnu <p>วารสารมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร (Journal of Humanities Naresuan University; JHNU) เป็นวารสารที่เผยแพร่ผลงานวิชาการด้านภาษา วรรณคดี คติชน ปรัชญาและศาสนา ดนตรีและนาฏศิลป์ โดยมีการประเมินบทความก่อนตีพิมพ์ (refereed journal) โดยผู้ประเมินจำนวน 3 ท่าน ทั้งนี้ ผู้ประเมินไม่เห็นชื่อหรือข้อมูลของผู้เขียนบทความ และผู้เขียนบทความไม่ทราบผู้ประเมิน (double blind review) มีกำหนดการตีพิมพ์เผยแพร่ ปีละ 3 ฉบับ ราย 4 เดือน คือ ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม-เมษายน ฉบับที่ 2 เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม และฉบับที่ 3 เดือนกันยายน-ธันวาคม</p> th-TH <p>- ข้อความรู้ใดๆ ตลอดจนข้อคิดเห็นใดๆ เป็นของผู้เขียนแต่ละท่านโดยเฉพาะ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และกองบรรณาธิการวารสารมนุษยศาสตร์ฯ ไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วย&nbsp;</p> <p>-&nbsp;บทความใดๆ ที่ตีพิมพ์ในวารสาร ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมนุษยศาสตร์ หากต้องการตีพิมพ์ซ้ำต้องได้รับอนุญาตก่อน</p> humanjournal@hotmail.com (ผศ.ดร.แคทรียา อังทองกำเนิด (Asst. Prof. Catthaleeya Aungthonggumnerd, Ph.D.)) humanjournal@hotmail.com (นางสาวณัชชา แก้วเจริญเนตร (Ms. Nutcha Kaewcharernnet)) Sat, 28 Dec 2024 00:00:00 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 แนวคิดด้านหลักสูตรและการสอนกีตาร์ขั้นพื้นฐาน https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jhnu/article/view/269081 <p>หลักสูตรและการเรียนการสอนกีตาร์คลาสสิกได้รับความนิยมและถูกบรรจุอยู่ในโรงเรียนประถมและมัธยมหรือการศึกษานอกระบบอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเนื่องจากกีตาร์คลาสสิกให้เสียงที่ไพเราะ บรรเลงบทเพลงได้หลากหลายสไตล์ ทั้งยังสามารถบรรเลงประกอบการขับร้อง บรรเลงเดี่ยวหรือรวมวงได้ บทความวิจัยนี้มุ่งเน้นศึกษาหลักสูตร ตำราและวิธีการสอนกีตาร์คลาสสิกขั้นพื้นฐาน เพื่อให้เห็นถึงกระบวนทัศน์ใหม่ของการสร้างองค์ความรู้ ผู้วิจัยพบว่า หลักสูตรและการสอนกีตาร์คลาสสิกขั้นพื้นฐานมีประวัติที่ยาวนาน ลักษณะทางกายภาพของเครื่องดนตรีประเภทกีตาร์ถูกพัฒนาให้สอดรับกับเทคนิคและศิลปะการบรรเลงขั้นสูงที่ส่งผลให้เกิดนักประพันธ์เพลงสำหรับกีตาร์ที่ผลิตตำราการสอนขึ้นอย่างแพร่หลาย ในปัจจุบันหลักสูตรที่ทันสมัยมุ่งเน้นกระบวนการผสมผสานการเรียนแบบดั้งเดิมเชื่อมโยงกับการสร้างเสริมประสบการณ์ผู้เรียนผ่านบทเพลงสมัยนิยมในขณะที่ลดความสำคัญของการอ่านโน้ตสากล อีกทั้งเน้นการฟัง ปลูกฝังความเข้าใจในบทเพลงและเลียนแบบเพื่อสร้างสรรค์ ผู้วิจัยจึงเชื่อว่า กระบวนการดังกล่าวจะทำให้เกิดปรากฏการณ์ใหม่ในแวดวงการเรียนการสอนกีตาร์ที่ “...ความสนุกสนานกับความสำเร็จทางวิชาการไม่ได้เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน ทว่าสามารถร่วมสร้างไปด้วยได้อย่างมีนัยสำคัญ” (Incze 2013, p. 1)</p> ธรรศ อัมโร Copyright (c) 2024 วารสารมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jhnu/article/view/269081 Sat, 28 Dec 2024 00:00:00 +0700 การศึกษาการใช้พระนาม "เทพเทวีอะโฟรไดที (วีนัส)" เป็นชื่อตราสินค้าและชื่อสินค้า https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jhnu/article/view/269127 <p>บทความนี้เป็นบทความวิจัยเชิงเอกสาร มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาชื่อตราสินค้าและชื่อสินค้าที่ใช้พระนาม "อะโฟรไดที" และ "วีนัส" ในด้านความสัมพันธ์กับลักษณะเด่นของพระองค์ตามที่ปรากฏในเทพปกรณัม ผู้วิจัยเก็บข้อมูลชื่อตราสินค้าและชื่อสินค้าจากอินเทอร์เน็ตระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2566 ได้ข้อมูลนำมาวิจัยทั้งสิ้น 110 รายชื่อ ผลการวิจัยพบว่าตราสินค้าและสินค้าที่ใช้พระนามของเทพเทวีอะโฟรไดที่ส่วนใหญ่มีความสัมพันธ์กับลักษณะเด่นของพระองค์ โดยเฉพาะ 1) ด้านความสวยความงามและเสน่ห์ 2) ด้านความเพลิดเพลินในการใช้ชีวิต 3) ด้านความหรูหรา ความสง่างาม การนำพระนาม "อะโฟรไดที"และ "วีนัส" มาใช้เป็นชื่อตราสินค้าและชื่อสินค้าเป็นการหวังผลด้านประโยชน์จากอารมณ์ความรู้สึกของ ผู้บริโภคมากกว่าประโยชน์ด้านการใช้งานจริง</p> บารนี บุญทรง Copyright (c) 2024 วารสารมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jhnu/article/view/269127 Sat, 28 Dec 2024 00:00:00 +0700 การรำในพิธีแย่งศพของชาวมอญ https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jhnu/article/view/270008 <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเป็นมา การสืบทอด และองค์ประกอบการรำในพิธีแย่งศพของชาวมอญคณะรำหมู่บ้านวังกะ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ ในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากเอกสาร และเก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์ แล้วนำผลมาวิเคราะห์โดยใช้ทฤษฎีคติชนวิทยา และแนวคิดนายประดิษฐ์ เพื่อให้ได้ข้อมูลตรงตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยที่กำหนด<br /><br />ผลการวิจัยพบว่า ความเป็นมาของการรำในพิธีแย่งศพของชาวมอญที่อพยพหนีภัยสงครามตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาซึ่งอาจมีนักแสดงเข้ามาด้วย เป็นการแสดงที่สืบทอดต่อกันมาจากบรรพบุรุษ ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นโดยการจำและประพฤติปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นการเคารพสักการะผู้ตายและส่งผู้ตายขึ้นสู่สวรรค์หรือภพภูมิที่ดีผ่านพิธีกรรม การสืบทอดของคณะรำหมู่บ้านวังกะมี นายศักดา แสงสว่าง เป็นหัวหน้าคณะ ได้รับการถ่ายทอดรูปแบบการรำในพิธีแย่งศพของชาวมอญ จากนายแจจีน ไม่มีนามสกุล (ผู้ก่อตั้งคณะรหมู่บ้านวังกะ) และนายมาน ปุณณการีผู้เป็นบิดา ซึ่งในยุคนั้นเป็นการรำโดยใช้ผู้ชายรำเพียงอย่างเดียว เนื่องจากหมู่บ้านวังกะมีประชากรที่เป็นผู้หญิง ค่อนข้างน้อย ต่อมาในยุคของนายศักดา นางแวะ แสงสว่าง (ภรรยานายศักดา) ได้พัฒนารูปแบบของการรำโดยนำ ผู้หญิงที่มีความสนใจเข้ามาร่วมแสดงในพิธีแย่งศพ และได้ต่อท่ารำตามรูปแบบที่สืบทอดมาจากประเทศเมียนมาร์ที่มีผู้ชายทำหน้าที่แบกปราสาทพร้อมเคลื่อนไหวเท้าไปในทิศทางเดียวกันไปมาคล้ายการยื้อแย่งศพ และร้องเพลงไว้อาลัยแด่พระสงฆ์มอญที่มรณภาพ ส่วนผู้หญิงเคลื่อนไหวเท้าไปในทิศทางเดียวกันกับผู้ชายพร้อมทำท่ารำตามทำนองเพลง มีกระบวนการรำทั้งหมด 39 ท่า 28 เพลง ในพิธีแย่งศพจะเริ่มต้นด้วยการไหว้ครูก่อนเริ่มรำ และเริ่มรำประกอบการร้องและการบรรเลงดนตรี มีผู้ชายจำนวน 32 คน ผู้หญิง 32 คน โดยบูรณาการองค์ความรู้หลากหลายแขนงเป็นองค์ประกอบการรำในพิธีแย่งศพของชาวมอญ ประกอบด้วย สถาปัตยกรรม จิตรกรรม วรรณกรรม คีตกรรมและนาฏกรรมพื้นบ้าน</p> นัสธิรัช กรทอง, สุขสันติ แวงวรรณ, เฉลิมศักดิ์ เย็นสำราญ Copyright (c) 2024 วารสารมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jhnu/article/view/270008 Sat, 28 Dec 2024 00:00:00 +0700 การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความครอบคลุมความหลากหลายทางเพศและปัจจัยด้านอารมณ์ในห้องเรียนสำหรับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jhnu/article/view/269464 <p style="font-weight: 400;">วิจัยนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาการมีอยู่ของห้องเรียนที่ครอบคลุมความหลากหลายทางเพศและความเชื่อมโยงกับปัจจัยด้านอารมณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านความมั่นใจในตัวเองในการเรียนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศหรือไม่ ผู้เข้าร่วมการศึกษาเป็นนักศึกษาไทยจำนวนสองคนที่ระบุตัวตนว่าเป็นกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ การศึกษานี้เป็นการศึกษาเชิงคุณภาพ โดยใช้การสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้างและใช้ทฤษฎีชาติพันธุ์วิถีในการวิเคราะห์ข้อความจากการสัมภาษณ์ ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าผู้เข้าร่วมการศึกษาสองคนอาจได้รับประสบการณ์การเรียนภาษาอังกฤษในห้องเรียนที่ครอบคลุมความหลากหลายทางเพศทั้งในระดับมัธยมศึกษาและมหาวิทยาลัย และความครอบคลุมนั้นยังช่วยให้เกิดความสำเร็จในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษโดยไม่ถูกข้อจำกัด ด้านอัตลักษณ์ทางเพศ อีกทั้งความครอบคลุมยังมีความเชื่อมโยงกับการเพิ่มขึ้นของแรงจูงใจมากที่สุดและความ มั่นใจในตัวเองตามลำดับ นอกจากนี้แรงจูงใจและความมั่นใจในตัวเองสามารถเกิดขึ้นร่วมกัน เพราะเมื่อขาดแรงจูงใจความมั่นใจได้ตัวเองอาจจะลดลงได้ โดยรวมแล้วสามปัจจัยเหล่านี้ถือเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างห้องเรียนภาษาอังกฤษที่มีประสิทธิภาพ</p> ธนาวุธ ศรีจักร์ Copyright (c) 2024 วารสารมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jhnu/article/view/269464 Sat, 28 Dec 2024 00:00:00 +0700 การแปลคำศัพท์ทางพระพุทธศาสนาตามเส้นทางท่องเที่ยว 8 พระธาตุประจำวันเกิดในจังหวัดนครพนม ภายใต้ทฤษฎีการแปลของโมนา เบเคอร์ https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jhnu/article/view/267320 <p>การศึกษาวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) รวบรวมคำศัพท์ทางพระพุทธศาสนาตามเส้นทางท่องเที่ยว 8 พระธาตุประจำวันเกิดในจังหวัดนครพนม 2) ศึกษากลวิธีการแปลคำศัพท์ทางพระพุทธศาสนาภายใต้ทฤษฎีการแปลของโมนา เบเคอร์ (Mona baker) จากการลงพื้น 8 พระธาตุประจำวันเกิด รวบรวมคำศัพท์ทางพระพุทธศาสนาได้ 156 คำ และผลการวิจัยพบว่า ภายใต้ทฤษฎีการแปลของโมนา เบเคอร์ กลวิธีที่ถูกนำมาแก้ปัญหาการแปลคำศัพท์ทางพระพุทธศาสนาแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ คือ 1) การแปลคำศัพท์ทางพระพุทธศาสนาที่ใช้ 1 กลวิธีต่อ 1 คำศัพท์ 2) การแปลคำศัพท์ทางพระพุทธศาสนาที่ใช้ 2 กลวิธีต่อ 1 คำศัพท์ และ 3) การแปลคำศัพท์ทางพระพุทธศาสนาที่ใช้ 3 กลวิธีต่อ 1 คำศัพท์ จากการวิจัยพบว่า รูปแบบที่ 1 เป็นการแปลที่ผู้รับสารเข้าใจความหมายภาษาต้นฉบับกับภาษาฉบับแปลได้ชัดเจนและตรงกันมากที่สุด ส่วนรูปแบบที่ 2 และ 3 เป็นการแก้ปัญหาของคำศัพท์ที่ระดับคำของภาษาต้นฉบับกับภาษาฉบับแปลไม่เท่ากัน ซึ่งเป็นคำศัพท์ที่มีหลายพยางค์ วิธีการแก้ปัญหาคือ การผนวก 2 กลวิธีการแปลเข้าด้วยกันเพื่อถ่ายทอดความหมายให้ชัดเจน หรือผนวก 3 กลวิธีการแปลเข้าด้วยกัน โดยผู้แปลเริ่มจากรูปแบบที่ 1ไปสู่รูปแบบที่ 2 และนำไปสู่รูปแบบที่ 3 เพื่อถ่ายทอดความหมายของคำศัพท์ในภาษาต้นฉบับกับภาษาฉบับแปลให้ตรงกันมากที่สุด</p> ปรียากร บุญธรรม, ปวีณา แพงสอน Copyright (c) 2024 วารสารมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jhnu/article/view/267320 Sat, 28 Dec 2024 00:00:00 +0700 ชื่อธุรกิจการค้าในซอยหัวหิน 72: การศึกษาตามแนวภูมิทัศน์ทางภาษาศาสตร์ https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jhnu/article/view/268947 <p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาองค์ประกอบของป้ายชื่อธุรกิจการค้าในซอยหัวหิน 72 ตามแนว ภูมิทัศน์ทางภาษาศาสตร์ รวมทั้งสิ้นจำนวน 34 ร้านค้า จากการศึกษาประเภทธุรกิจการค้าพบว่า ธุรกิจการค้าในซอย หัวหิน 72 แบ่งเป็น 11 ประเภท ธุรกิจการค้าที่พบมากที่สุดคือธุรกิจการค้าเกี่ยวกับอาหารพบจำนวน 13 ร้าน ธุรกิจที่พบรองลงมาคือร้านนวด จำนวน 6 ร้าน ร้านเครื่องแต่งกาย จำนวน 5 ร้าน ร้านขายน้ำ จำนวน 2 ร้าน ที่พัก จำนวน 2 ร้าน ในขณะที่ธุรกิจการค้าประเภทร้านของฝาก ร้านกาแฟ ร้านขายอาหารสัตว์ โรงน้ำแข็ง ร้านทอง และร้านขายยาพบน้อยที่สุดประเภทละ 1 ร้านค้า ด้านการวิเคราะห์องค์ประกอบของป้ายธุรกิจการค้าตามกรอบ SPEAKING หรือ ภูมิทัศน์ทางภาษาศาสตร์ ผลการวิจัยพบว่า ฉาก (Setting) หรือพื้นที่ที่ปรากฏคือซอยหัวหิน 72 เป็นซอยที่ประกอบ ธุรกิจการค้าหลากหลายประเภท มีผู้ใช้บริการหลายเชื้อชาติ ทำให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีภาวะพหุภาษา<br />(Multilingualism)</p> รุ่งทิวา สุภานันท์, ฉัตรแก้ว ยุวพรม, อนุสรา ศรีวิระ, ศิระวัสฐ์ กาวิละนันท์ Copyright (c) 2024 วารสารมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jhnu/article/view/268947 Sat, 28 Dec 2024 00:00:00 +0700 บทบาทหน้าที่ทางคติชนจากเรื่องเล่าผ่านสื่อออนไลน์ในรั้วมหาวิทยาลัยนเรศวร https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jhnu/article/view/268946 <p>การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาประเภทของความเชื่อและวิเคราะห์บทบาทหน้าที่จากเรื่องเล่าของมหาวิทยาลัยนเรศวรจากสื่อออนไลน์ที่ส่งต่อผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตต่างๆ ปรากฏเรื่องเล่า (ไม่ซ้ำหรือคล้ายคลึงกัน)จำนวน 19 เรื่อง ผลการศึกษาพบว่า ปรากฏความเชื่อจำนวน 5 ประเภท ได้แก่ 1) ความเชื่อเกี่ยวกับฤกษ์ยาม นิมิตความฝัน การประกอบพิธีต่าง ๆ เพื่อเป็นสิริมงคล 2) ความเชื่ออันเนื่องมาแต่ศาสนา 3) ความเชื่อเรื่องเคล็ดและการแก้เคล็ด 4) ความเชื่อเกี่ยวกับนรก สวรรค์ ชาติ ภพ 5) ความเชื่อเกี่ยวกับไสยศาสตร์ และภูตผี และบทบาทหน้าที่ที่ปรากฏในเรื่องเล่า ปรากฏ 4 บทบาทหน้าที่หลัก ได้แก่ 1) บทบาทหน้าที่ให้ความบันเทิงแก่ผู้สนใจ 2) บทบาทหน้าที่กำหนดพฤติกรรมทางกาย 3) บทบาทหน้าที่กำหนดพฤติกรรมทางใจ และ 4) บทบาทหน้าที่บันทึกสถานที่ เรื่องราวและเหตุการณ์ โดยบทบาทหน้าที่กำหนดพฤติกรรมมีความสอดคล้องสัมพันธ์และส่งผลซึ่งกันและกันกล่าวคือเมื่อกำหนดพฤติกรรมทางกายในรูปแบบข้อปฏิบัติ การตักเตือนแล้ว ส่งผลต่อจิตใจในการอยู่ร่วมกันอีกด้วย</p> ภาคภูมิ สุขเจริญ, สุวรรณี ทองรอด Copyright (c) 2024 วารสารมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jhnu/article/view/268946 Sat, 28 Dec 2024 00:00:00 +0700 การแปรทางศัพท์ในภาษาไทยวนถิ่นเชียงรายตามกลุ่มอายุ https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jhnu/article/view/275669 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการแปรทางศัพท์ในภาษาไทยวนถิ่นเชียงรายตามกลุ่มอายุ ผู้วิจัยเก็บ ข้อมูลโดยใช้หน่วยอรรถจำนวน 80 หน่วยอรรถในการสัมภาษณ์ผู้บอกภาษา ผู้บอกภาษาแบ่งเป็น 3 กลุ่มอายุ คือกลุ่มอายุที่ 1 อายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มอายุที่ 2 อายุ 35-50 ปี กลุ่มอายุที่ 3 อายุ 15-25 ปี ผลการวิจัยพบว่าการแปร ด้านการใช้ศัพท์พบ 2 รูปแบบใหญ่ ๆ คือ 1. ศัพท์ที่ผู้บอกภาษาทุกกลุ่มอายุใช้เหมือนกัน 2. ศัพท์ที่ผู้บอกภาษาสองกลุ่มอายุใช้เหมือนกัน โดยผู้บอกภาษากลุ่มอายุที่ 1 ใช้ศัพท์ไทยวนมากที่สุด ในขณะที่ผู้บอกภาษากลุ่มอายุที่ 3ใช้ศัพท์ไทยวนร่วมกับศัพท์อื่นมากที่สุด ส่วนการแปรด้านรูปศัพท์ พบว่ามีการแปรเสียงพยัญชนะและเสียงสระการยืมศัพท์ การสร้างศัพท์ใหม่ การแปรรูปหน่วยคำ การแปรทางความหมายและการสูญศัพท์</p> กรชนก นันทกนก, ชมนาด อินทจามรรักษ์ Copyright (c) 2024 วารสารมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jhnu/article/view/275669 Sat, 28 Dec 2024 00:00:00 +0700 การประยุกต์ใช้การสอนออนไลน์เพื่อพัฒนาทักษะทางด้านภาษาญี่ปุ่นสำหรับผู้เรียนภาษาญี่ปุ่นชั้นต้น https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jhnu/article/view/266571 <p>การประยุกต์ใช้การสอนออนไลน์เพื่อพัฒนาทักษะทางด้านภาษาญี่ปุ่นสำหรับผู้เรียนภาษาญี่ปุ่นชั้นต้น มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความสามารถทางด้านภาษาญี่ปุ่น โดยใช้การประยุกต์ใช้การสอนออนไลน์กับการเรียนการสอนออนไลน์ปกติ ระหว่างก่อนและหลังเรียนของกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง และเพื่อศึกษาความ พึงพอใจของนักศึกษาที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแผนการจัดกิจกรรมที่ประยุกต์ขึ้นในรูปแบบออนไลน์กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในครั้งนี้ ได้แก่นักศึกษาชั้นปีที่ 1 วิชาเอกภาษาญี่ปุ่น จำนวน 112 คน โดยแบ่งเป็นกลุ่มควบคุม 56 คน กลุ่มทดลอง 56 คน เครื่องมือในการรวบรวมในครั้งนี้คือ แผนการจัดกิจกรรม การประยุกต์ใช้การสอนออนไลน์แบบทดสอบวัดความสามารถภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐาน โดยวิเคราะห์ค่าเฉลี่ยของคะแนนการทดสอบก่อนและหลังเรียนโดยใช้การทดสอบแบบที (-test independent Sample) และวิเคราะห์ระดับความพึงพอใจโดยการวิเคราะห์ค่าเฉลี่ยและ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของคะแนน แบบสอบถาม<br /><br />ผลการศึกษาพบว่า นักศึกษาที่เรียนโดยใช้แผนการจัดกิจกรรมการประยุกต์ใช้การสอนออนไลน์และแผนการจัดกิจกรรมในรูปแบบออนไลน์ปกติ มีค่าเฉลี่ยคะแนนความสามารถหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน และเมื่อเปรียบเทียบความสามารถหลังเรียนระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมพบว่า กลุ่มทดลองมีค่าเฉลี่ยคะแนน สูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 05 และนักศึกษามีระดับความพึงพอใจต่อแผนการจัดกิจกรรมที่ใช้การประยุกต์ใช้การสอนออนไลน์ อยู่ในระดับสูง</p> คชาภัช หลิมเจริญ, เปรมวดี ณ นครพนม Copyright (c) 2024 วารสารมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jhnu/article/view/266571 Sat, 28 Dec 2024 00:00:00 +0700 รูปแบบการสูญเสียความหมายในการแปลคำนามนับได้และนับไม่ได้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย ของนิสิตสาขาวิชาภาษาอังกฤษมหาวิทยาลัยบูรพา https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jhnu/article/view/275906 <p>การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบการสูญเสียความหมายในการแปลคำนามภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ ผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลจากแบบทดสอบการแปลจากตัวอย่างจำนวน 230 คน ทั้งหมดเป็นนิสิตสาขาวิชาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยบูรพา ผลการศึกษาพบว่า ข้อผิดพลาดในการแปลคำนามซึ่งทำให้ความหมายของต้นฉบับสูญเสียไปมี 5 รูปแบบได้แก่ 1. การไม่ถ่ายทอดความหมายคำนาม 2. การถ่ายทอดความหมายคำนามด้วยกริยาวลี 3. การถ่ายทอดความหมายคำนามที่แตกต่างจากข้อมูลทางไวยากรณ์ประจำคำ 4. การถ่ายทอดความหมายคำนามตรงตามข้อมูลทางไวยากรณ์ประจำคำ แต่ความหมายประจำคำไม่ตรงตามต้นฉบับ 5. การถ่ายทอดความหมายคำนามด้วยการทับศัพท์หรือการถ่ายเสียง ผลการวิจัยช่วยให้ผู้แปลตระหนักรู้การหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเหล่านี้ และเป็นแนวทางไปสู่การหากลวิธีการแปลคำนามที่ถูกต้องเหมาะสมในบริบทอื่น ๆ ต่อไป</p> สมภพ ใหญ่โสมานัง Copyright (c) 2024 วารสารมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jhnu/article/view/275906 Sat, 28 Dec 2024 00:00:00 +0700 การแบ่งวรรณะด้านวิถีชีวิตจากวรรณกรรมของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jhnu/article/view/275572 <p>บทความชิ้นนี้ศึกษาการแบ่งวรรณะด้านวิถีชีวิตจากการประมวลวรรณกรรมทั้งบันเทิงคดีและสารคดีของม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช จำนวน 10 เรื่อง การศึกษาทำให้ทราบว่า การประกอบอาชีพ ที่อยู่อาศัย ภาชนะ พาหนะ และการแต่งกาย ล้วนเป็นเครื่องแบ่งแยกกลุ่มชนต่าง ๆ ในสมัยโบราณ การประกอบอาชีพได้สะท้อนการแบ่งวรรณะใน สังคมญี่ปุ่นช่วงก่อนจะมีการปฏิรูป ที่อยู่อาศัยช่วยบ่งบอกฐานะของบุคคลในยุโรปยุคกลาง ประเทศเคนยาสมัยที่ยังเป็นอาณานิคมของอังกฤษ รวมถึงสังคมจีน ไทย และขอมสมัยโบราณ ภาชนะที่ใช้ทำให้ทราบบรรดาศักดิ์และฐานะทางเศรษฐกิจของชาวไทยและขอม ส่วนการแต่งกายทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างเด็กชายในวรรณะพราหมณ์กษัตริย์และไวศยะของอินเดีย สตรีชั้นสูงกับสามัญชนสมัยราชวงศ์ได้เข็งของจีน ชาวยิวกับชาวตะวันตกในยุโรป ยุคกลาง และกลุ่มโจริกับคนทั่วไปในประเทศญี่ปุ่น</p> เจือง ถิ หั่ง Copyright (c) 2024 วารสารมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jhnu/article/view/275572 Sat, 28 Dec 2024 00:00:00 +0700