https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoskru/issue/feed
วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา
2025-06-30T16:12:12+07:00
Dr.Mudchalin Pholkla
re.husoskru@gmail.com
Open Journal Systems
<p><strong><em>วารสารศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย</em></strong></p> <p>ISSN 3027-6691 (Online)</p> <p><strong><em>กำหนดออก</em></strong><em> : 2 ฉบับต่อปี ฉบับที่ 1 มกราคม – มิถุนายน และฉบับที่ 2 กรกฎาคม – ธันวาคม</em></p> <p><strong><em>นโยบายและขอบเขตการตีพิมพ์ : </em></strong><em>วารสารฯ มีนโยบายรับตีพิมพ์บทความคุณภาพสูงในสาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, ศิลปกรรมศาสตร์, วิทยาการจัดการ และครุศาสตร์ โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือคณาจารย์ นักศึกษา และนักวิจัยทั้งในและนอกสถาบัน</em></p> <p><img src="https://so03.tci-thaijo.org/public/site/images/re_husoskru/44fd981d28134ac87feb662d562911ea-copy-921ca00ed7fb9feb151550f4560d193c.jpg" alt="" width="425" height="104" /></p>
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoskru/article/view/277824
ทุนทางจิตวิทยาเชิงบวก การเผชิญปัญหา และการรับรู้ การสนับสนุนจากองค์กรที่ส่งผลต่อความสุขในการปฏิบัติงาน ของครูไทยในชีวิตวิถีถัดไป
2024-05-23T10:00:41+07:00
สุรีรัตน์ อารีรักษ์สกุล ก้องโลก
jirasuk.suk@stou.ac.th
จิระสุข สุขสวัสดิ์
jirasuk.stou@gmail.com
ฉัตรชัย พุฒิรุ่งโรจน์
jirasuk.suk@stou.ac.th
<p>การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับทุนทางจิตวิทยาเชิงบวก การเผชิญปัญหา การรับรู้การสนับสนุนจากองค์กร และความสุขในการปฏิบัติงานของครูไทยในชีวิตวิถีถัดไป และ 2) สร้างสมการทำนายความสุขในการปฏิบัติงาน กลุ่มตัวอย่าง คือบุคลากรครูในประเทศไทย จำนวน 417 คน ได้มาโดยใช้วิธีการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือวิจัยคือ แบบวัดทุนทางจิตวิทยาเชิงบวก แบบวัดการเผชิญปัญหาทั้ง 2 ด้าน แบบวัดการรับรู้การสนับสนุนจากองค์กร และแบบวัดความสุขในการปฏิบัติงาน โดยมีค่าความเที่ยงเท่ากับ 0.89, 0.75, 0.83, 0.88 และ 0.85 ตามลำดับ สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า 1) ทุนทางจิตวิทยาเชิงบวก และความสุขในการปฏิบัติงานอยู่ในระดับมากที่สุด ส่วนการเผชิญปัญหาแบบมุ่งจัดการกับปัญหา การเผชิญปัญหาแบบมุ่งจัดการกับอารมณ์ และการรับรู้การสนับสนุนจากองค์กรอยู่ในระดับมาก และ 2) การรับรู้การสนับสนุนจากองค์กร การเผชิญปัญหาแบบมุ่งจัดการกับปัญหา และทุนทางจิตวิทยาเชิงบวกส่งอิทธิพลต่อความสุขในการปฏิบัติงานอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ร่วมทำนายความสุขในการปฏิบัติงานได้ร้อยละ 62 และมีสมการทำนายความสุขในการปฏิบัติงานในรูปคะแนนมาตรฐาน คือ Z' = 0.37Z<sub>4</sub> + 0.27Z<sub>2</sub> + 0.27Z<sub>1</sub> ผลการวิจัยนี้ช่วยพัฒนาคุณภาพการปฏิบัติงานของครูไทยในชีวิตวิถีถัดไป</p>
2025-06-30T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoskru/article/view/274061
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้พลศึกษาโดยใช้แนวคิด จิตตปัญญาร่วมกับการฝึกแบบสถานีเพื่อส่งเสริมสุขภาวะ องค์รวมของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย
2024-02-01T12:19:01+07:00
ฐิติวัสส์ รัตนเย็นใจ
thitiwat.r@chula.ac.th
สุธนะ ติงศภัทิย์
thitiwat0909@gmail.com
จินตนา สรายุทธพิทักษ์
thitiwat0909@gmail.com
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้พลศึกษาโดยใช้แนวคิดจิตตปัญญาร่วมกับการฝึกแบบสถานี 2) เพื่อศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้พลศึกษาที่พัฒนาขึ้น กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 40 คน ในสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา ในเขตกรุงเทพมหานคร</p> <p>เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้พลศึกษา และแบบวัดสุขภาวะองค์รวม 4 องค์ประกอบ ได้แก่ สุขภาวะทางกาย สุขภาวะทางจิต สุขภาวะทางสังคม และสุขภาวะทางปัญญา ระยะเวลาในการทำวิจัย 8 สัปดาห์ วิธีดำเนินการ วิเคราะห์และสังเคราะห์แนวคิดจิตตปัญญาร่วมกับการฝึกแบบสถานีนำมาประยุกต์ใช้ในรูปแบบการจัดการเรียนรู้พลศึกษาเพื่อส่งเสริมสุขภาวะองค์รวม และศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบที่พัฒนาขึ้น โดยการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบความแตกต่างค่าเฉลี่ยของคะแนนสุขภาวะองค์รวมด้วยค่าที ผลการวิจัยพบว่า 1) ค่าเฉลี่ยของคะแนนสุขภาวะองค์รวมของกลุ่มทดลองหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) ค่าเฉลี่ยของคะแนนสุขภาวะองค์รวมหลังการทดลองของกลุ่มทดลองสูงกว่ากลุ่มควบคุม สรุปผลการวิจัย การจัดการเรียนรู้พลศึกษาโดยใช้แนวคิดจิตตปัญญาร่วมกับการฝึกแบบสถานีสามารถส่งเสริมสุขภาวะองค์รวมของนักเรียนมัธยมศึกษาได้สูงกว่าการจัดการเรียนรู้พลศึกษาแบบปกติ</p>
2025-06-30T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoskru/article/view/277429
ครุยนาค : การอนุรักษ์และพัฒนาภูมิปัญญา ผ้าทอนาหมื่นศรี จังหวัดตรัง
2024-06-26T09:43:29+07:00
ณรงค์ ชูจันทร์
narong.choochan@gmail.com
สุธิรา ชัยรักษา เงินถาวร
naraong.choochan@gmail.com
สุดาวรรณ มีบัว
naraong.choochan@gmail.com
<p>บทความวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาบริบทและประวัติความเป็นมาของชุดครุยนาคในตำบลนาหมื่นศรี อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง เพื่ออนุรักษ์และพัฒนาภูมิปัญญาผ้าทอนาหมื่นศรี ตำบลนาหมื่นศรี อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ ผลการศึกษาพบว่า <br />ผ้าทอนาหมื่นศรีเป็นมรดกทางภูมิปัญญาของชาวตำบลนาหมื่นศรี อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง ที่มีการสืบทอดกันมาเป็นเวลานานจากรุ่นสู่รุ่นรวมเวลานับร้อยปี การทอผ้านาหมื่นศรีเริ่มต้นจากการที่ยายนางได้รื้อฟื้นภูมิปัญญาการทอผ้าและเกิดการรวมตัวเป็นกลุ่มชาวบ้าน และในส่วนของครุยนาคที่ปรากฏในพื้นที่ตำบลนาหมื่นศรี พบในพิธีอุปสมบทหมู่ โดยมีลักษณะเป็นแบบเรียบง่าย มีการทอผ้าเตรียมไว้เพื่อเป็นผ้านุ่งและผ้าเบี่ยง ผ้านุ่งที่ปรากฏ ได้แก่ ผ้าทอที่มีลวดลายและไม่มีลวดลาย ด้านบนจะมีผ้าเบี่ยง ซึ่งมีลักษณะการพาดจากไหล่ซ้ายมากลัดไว้ที่เอวด้านขวา บนศีรษะมีการสวมมงคลศีรษะโทนสีขาวทอง นอกจากนี้ในการอนุรักษ์และพัฒนาภูมิปัญญาผ้าทอนาหมื่นศรีได้ออกแบบและสร้างสรรค์ผ้าทอในรูปแบบของชุดครุยนาค โดยใช้กลุ่มสีไทยโทน ทั้งนี้ลายผ้าที่ใช้ทอเป็นลายดั้งเดิม ได้แก่ ลายแก้วชิงดวง ลายลูกแก้ว ลายลูกแก้วฝูง ลายท้ายมังคุด และลายที่ปรับปรุงขึ้นใหม่ ได้แก่ ลายมักกะลีผล ลายดอกพุดตาน และลายเกล็ดแก้วพญานาค</p>
2025-06-30T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoskru/article/view/277286
เสียงแรกจากคนไร้รัฐ : องค์ บรรจุน กับรวมเรื่องสั้นชุด บังไพรแห่งซับจำปาและเรื่องอื่น ๆ
2024-07-19T15:23:12+07:00
อมรรัตน์ มุสิกะโรจน์
amonrat2018a@gmail.com
ตรีศิลป์ บุญขจร
amonrat2018a@gmail.com
<p>บทความวิจัยเรื่องเสียงแรกจากคนไร้รัฐ : องค์ บรรจุน กับรวมเรื่องสั้นชุด บังไพรแห่งซับจำปาและเรื่องอื่น ๆ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) วิเคราะห์ภาพแทนและอุปลักษณ์ของคนพลัดถิ่นในเรื่องเล่าร่วมสมัยและภาพยนตร์ไทยในบริบทโลกาภิวัตน์ พ.ศ. 2554-2564 และ 2) ศึกษาอคติทางชาติพันธุ์ในสังคมไทยซึ่งส่งผลกระทบต่อสถานภาพของคนพลัดถิ่นแต่ละชาติพันธุ์ที่แตกต่างกัน โดยมุ่งศึกษาตัวบทวรรณกรรมขององค์ บรรจุน เรื่องบังไพรแห่งซับจำปา และเรื่องอื่น ๆ</p> <p>ผลการศึกษาตัวบทพบว่า 1) คนพลัดถิ่นมีสถานภาพที่ด้อยกว่าพลเมืองและถูกข่มเหงจากเจ้าหน้าที่รัฐ เช่น การถูกลดทอนสถานภาพความเป็นพลเมือง การถูกทารุณกรรม การถูกกดค่าแรง เป็นต้น และ 2) อคติทางชาติพันธุ์ ส่งผลให้เกิดการปกปิดชาติพันธุ์ของคนพลัดถิ่น การสูญเสียตัวตนของชาติพันธุ์</p>
2025-06-30T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoskru/article/view/276512
การพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้เรื่องคำภาษาต่างประเทศ ในภาษาไทยโดยใช้แนวความคิดรวบยอดเสริมด้วย การจัดการเรียนรู้โดยใช้เกมเป็นฐานของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนปทุมเทพวิทยาคาร อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย
2024-09-02T10:10:40+07:00
จตุพร ณ หนองคาย
ap.supansa4281@gmail.com
สุพรรษา ภักตรนิกร
ap.supansa4281@gmail.com
<p>งานวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยเรื่องคำภาษาต่างประเทศในภาษาไทยโดยใช้แนวความคิดรวบยอดเสริมด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้เกมเป็นฐานของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนปทุมเทพวิทยาคารให้มีประสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถทางการเรียนเรื่อง คำภาษาต่างประเทศในภาษาไทยระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนของกลุ่มทดลองในการเรียนเรื่องคำภาษาต่างประเทศในภาษาไทยโดยใช้แนวความคิดรวบยอดเสริมด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้เกมเป็นฐาน กลุ่มทดลองคือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/6 โรงเรียนปทุมเทพวิทยาคารในภาคเรียนที่ 2 ของปีการศึกษา 2566 จำนวน 44 คน ใช้วิธีการสุ่มแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้จำนวน 5 แผน 5 ชั่วโมง เรื่องคำภาษาต่างประเทศในภาษาไทยโดยใช้แนวความคิดรวบยอดเสริมด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้เกมเป็นฐาน 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก่อนและหลังเรียนวิชาภาษาไทยเรื่องคำภาษาต่างประเทศที่ใช้ในภาษาไทย จำนวน 20 ข้อชนิด 4 ตัวเลือก สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าประสิทธิภาพ และการทดสอบค่าที (t-test)</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) แผนการจัดการเรียนรู้เรื่อง คำภาษาต่างประเทศในภาษาไทยโดยใช้แนวความคิดรวบยอดเสริมด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้เกมเป็นฐานของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 81.27/83.18 ผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่ตั้งไว้ที่ 80/80 2) การเปรียบเทียบความสามารถในการเรียนเรื่องคำภาษาต่างประเทศ ในภาษาไทยระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนของกลุ่มทดลอง โดยใช้แนวความคิดรวบยอดเสริมด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้เกมเป็นฐานของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่าคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนโดยมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</p>
2025-06-30T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoskru/article/view/279089
การบริหารจัดการและกลยุทธ์การแข่งขันที่ส่งผลต่อความสำเร็จ ในการดำเนินงานทางธุรกิจของผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในเขตอำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง
2024-10-24T12:56:24+07:00
ดาวเดือน อินเตชะ
nong_law@hotmail.com
กุลวรรณ โสตถิกุล
nong_law@hotmail.com
<p>การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการบริหารจัดการธุรกิจ และกลยุทธ์การแข่งขัน ที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการดำเนินงานทางธุรกิจ ของผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในอำเภอเมือง จังหวัดลำปาง การศึกษาครั้งนี้ใช้การวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและ<br />ขนาดย่อม จำนวน 353 ราย โดยใช้การสุ่มแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์สหสัมพันธ์เพียร์สัน และวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ ผลการศึกษา พบว่า ปัจจัยด้านการบริหารจัดการ ด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ด้านการควบคุม รองลงมา ด้านการวางแผน ด้านภาวะผู้นำ และด้านการจัดองค์กร ส่วนกลยุทธ์การแข่งขันของผู้ประกอบการ ด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์ รองลงมา ด้านมุ่งเน้นการตลาด ด้านต้นทุน และความสำเร็จในการดำเนินงานทางธุรกิจของผู้ประกอบการ ด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ด้านการเงิน รองลงมา ด้านการเรียนรู้และพัฒนา ด้านกระบวนการทำงาน และด้านลูกค้า การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของปัจจัยการบริหารจัดการและกลยุทธ์การแข่งขันที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการดำเนินงานทางธุรกิจของผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม มีความสัมพันธ์ทิศทางเดียวกัน และความสัมพันธ์ในระดับสูง และการวิเคราะห์ถดถอยเชิงพหุคูณ พบว่า กลยุทธ์การแข่งขัน <br />มีอิทธิพลส่งผลต่อความสำเร็จในการดำเนินงานทางธุรกิจของผู้ประกอบการ อย่างมีระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05</p>
2025-06-30T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoskru/article/view/271683
การแสดงเดี่ยวเปียโนเพื่อจบการศึกษา สำหรับบุคคลที่มีความต้องการพิเศษประเภทออทิสติก
2023-12-13T09:48:35+07:00
สิตา แอ่งสมบัติ
kayfahfair@gmail.com
มนสิการ เหล่าวานิช
kayfahfair@gmail.com
<p>การแสดงเดี่ยวเปียโนเพื่อจบการศึกษาเป็นกระบวนการพัฒนาทักษะเทคนิคการบรรเลงเปียโน เพื่อแสดงผลงาน 12 บทเพลงต่อหน้าสาธารณชน แต่เนื่องจากผู้แสดงเป็นบุคคลประเภทออทิสติก มีปัญหาการเรียนรู้ด้านภาษา และการสื่อสารอารมณ์ การศึกษาครั้งนี้จึงเน้นการหาแนวทางการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในกระบวนการพัฒนาทักษะการบรรเลง โดยเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างผู้แสดง ผู้ปกครองที่เป็นผู้ช่วยในการจดบันทึกการเรียน และอาจารย์ผู้สอนที่พยายามหาวิธีการเรียนรู้ที่หลากหลาย รวมทั้งการใช้สื่อการเรียนรู้ต่าง ๆ ทั้งสมุดบันทึกและคลิปวีดีโอเพื่อการทบทวนความจำซ้ำนอกห้องเรียน โดยผลการหาวิธีการแก้ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ ส่งผลให้ผู้แสดงมีความเข้าใจในบทเพลงสามารถจัดการแสดงเดี่ยวสำหรับการสำเร็จการศึกษาได้สำเร็จ</p>
2025-06-30T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoskru/article/view/274656
ทักษะการบริหารสถานศึกษาในยุคโลกโกลาหล BANI WORLD
2024-04-01T11:19:33+07:00
คมจิรวริทธิ์ เรืองฤทธิ์
yutthapopruangrith@gmail.com
วีระยุทธ ชาตะกาญจน์
6655701012@nstru.ac.th
<p>ในยุคที่โลกมีพลวัตการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง นำมาซึ่ง<br />การปรับตัวของผู้ประกอบการภาคเอกชนรวมไปถึงการบริหารของภาครัฐ โดยเฉพาะเมื่อเกิดโรคระบาดโควิด-19 ทำให้ระบบการจัดการศึกษาต้องหยุดชะงักชั่วคราว และเปลี่ยนรูปแบบการจัดการเรียนรู้รูปแบบใหม่บุคลากรทางการศึกษาทุกระดับต้องพัฒนาตนเองเพื่อเรียนรู้อย่างเท่าทันหลายคนได้เรียนรู้ทักษะดิจิทัลด้วยเหตุการณ์นี้ อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าองค์กรที่มีผู้บริหารที่พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงจะสามารถนำพาองค์กรให้ผ่านพ้นอุปสรรคและเกิดนวัตกรรมการบริหาร ในยุคโลกโกลาหลหรือที่เรียกว่า BANI World เป็นคำนิยามของโลกยุคใหม่ที่มีความผันผวนไม่แน่นอนซับซ้อนและคลุมเครือ ผู้บริหารสถานศึกษาจึงควรพัฒนาตนเองให้มีทักษะการบริหารสถานศึกษา ทั้งทักษะการคิด ทักษะภาวะผู้นำ ทักษะการจัดการตนเอง ทักษะเทคโนโลยีและนวัตกรรม และทักษะการสื่อสาร เพื่อเท่าทันการเปลี่ยนแปลงและนำพาองค์กรสู่เป้าหมายที่วางไว้ได้บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนําเสนอองค์ความรู้สำคัญเกี่ยวกับ ทักษะการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษาที่สำคัญ จากยุค VUCA WORLD สู่ BANI WORLD และทักษะการบริหารสถานศึกษาในยุคโลกโกลาหล BANI World</p>
2025-06-30T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา