วารสารวิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoarujournal <p>วารสารวิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา เป็นวารสารวิชาการที่ตีพิมพ์เผยแพร่งานค้นคว้าวิจัยและองค์ความรู้ด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ครอบคลุมสาขาวิชาการปกครองท้องถิ่น การพัฒนาชุมชน นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ นิเทศศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ดนตรี ภาษา วรรณกรรม คติชนวิทยา ศิลปะ วัฒนธรรม ปรัชญาและศาสนา ภูมิศาสตร์ บรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ และสาขาวิชาอื่นที่เกี่ยวข้อง</p> th-TH <p>บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา</p> <p>ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสารฯ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความ และไม่ได้เป็นทัศนะและความรับผิดชอบของ กองบรรณาธิการ หรือ ของ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา</p> [email protected] (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นราธิป ปิติธนบดี) [email protected] (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นราธิป ปิติธนบดี) Tue, 26 Dec 2023 14:02:12 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 การระรานทางสื่อสังคมออนไลน์: กรณีศึกษาการแสดงความคิดเห็นในเพจ “Blasian Chick” https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoarujournal/article/view/266518 <p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาลักษณะประชากรของผู้ระรานทางสื่อสังคมออนไลน์ในเพจ “Blasian Chick” และ 2) ศึกษาลักษณะของการระรานทางสื่อสังคมออนไลน์ในเพจ “Blasian Chick” วิธีการศึกษาเป็นการวิจัยแบบผสมผสาน (mixed methods research) ทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ นำเสนอด้วยวิธีพรรณนาวิเคราะห์ ผลการวิจัยพบว่า ด้านลักษณะประชากร พบผู้ระรานเพศชายมากที่สุด รองลงมาคือไม่ระบุตัวตน และเพศหญิง ตามลำดับ ส่วนในด้านลักษณะของการระราน พบการการะรานที่กล่าวถึงรูปลักษณ์มากที่สุด รองลงมาคือการใช้คำหยาบ และชาติพันธุ์ ตามลำดับ ทำให้เห็นลักษณะของการระรานทางสื่อสังคมออนไลน์เกิดขึ้นจากโครงสร้างทางสังคมหลากหลายปัจจัยประกอบกัน ทั้งในเรื่องบรรทัดฐานทางความสวย ภายใต้ระบอบปิตาธิปไตยที่พบประชากรผู้ระรานเพศชายมากที่สุด อคติ ปัญหาการไม่ยอมรับความแตกต่างที่สร้างความเป็นอื่นให้เกิดขึ้นในสังคมไทย รวมถึงมุมมองของผู้ระรานที่มีต่อการระรานว่าเป็นเพียงเรื่องสนุกสนาน ไม่รุนแรง ประกอบกับการพบประชากรผู้ระรานที่ไม่ระบุตัวตนมากเป็นอันดับสอง ทำให้เห็นว่าสื่อสังคมออนไลน์ไม่มีข้อจำกัดด้านเวลา สถานที่ และสามารถปิดบังตัวตนได้ จึงเอื้อให้เกิดความรุนแรงในการระราน ปัจจัยดังกล่าวจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้การระรานมีความรุนแรงและยังคงอยู่ในปัจจุบัน</p> ชญานนท์ ชมดี, วิเชษฐชาย กมลสัจจะ Copyright (c) 2023 มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoarujournal/article/view/266518 Tue, 26 Dec 2023 00:00:00 +0700 การศึกษาความเสมอภาคทางเพศ: กรณีศึกษา ร่างพระราชบัญญัติสมรสเท่าเทียม พ.ศ. …….. https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoarujournal/article/view/266245 <p>การศึกษาวิจัยเรื่องการศึกษาความเสมอภาคทางเพศ กรณีศึกษา ร่างพระราชบัญญัติสมรสเท่าเทียม พ.ศ. ...... มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาหลักความเสมอภาคทางเพศ ความต้องการและข้อเรียกร้องในการเสนอร่างพระราชบัญญัติสมรสเท่าเทียม พ.ศ. ...... ผลการวิจัยพบว่า หากร่างพระราชบัญญัติสมรสเท่าเทียม พ.ศ. ...... มีการประกาศใช้เป็นกฎหมาย จะสามารถส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศให้เกิดขึ้นได้ อาทิ หลักการแก้ไขในมาตรา 1448 เรื่องการสมรส โดยมีสาระสำคัญในการเปลี่ยนคำจาก ชายหญิงเป็นคำว่า บุคคลและการเพิ่มความในมาตรา 1598/42 คู่สมรสที่จดทะเบียนโดยชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิในการรับบุตรบุญธรรมร่วมกันได้ ให้มีสิทธิหน้าที่ระหว่างคู่สมรสด้วยกันและระหว่างบิดา มารดา และบุตร เป็นการสะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มบุคคลผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQ + ไม่ว่าจะเพศสภาพใด ก็สามารถสมรสจดทะเบียนสมรส และสามารถเข้าถึงสวัสดิการจากรัฐได้อย่างเสมอภาคและเท่าเทียมเช่นเดียวกับบุคคลอื่น ๆ </p> พรพรรณ ยานธุกิจ, ไททัศน์ มาลา Copyright (c) 2023 มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoarujournal/article/view/266245 Tue, 26 Dec 2023 00:00:00 +0700 ปัจจัยที่ส่งผลต่อการทำงานเป็นทีมของบุคลากรในสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoarujournal/article/view/267203 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับการทำงานเป็นทีมของบุคลากรในสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ 2) เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการทำงานเป็นทีมของบุคลากรในสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่าง คือ บุคลากรในสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย ข้าราชการ พนักงานราชการ และลูกจ้างประจำ จำนวน 136 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า การทำงานเป็นทีมของบุคลากรในสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญโดยรวมอยู่ในระดับมาก ปัจจัยที่ส่งผลต่อการทำงานเป็นทีมของบุคลากรในสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ มี 4 ปัจจัย คือ ปัจจัยด้านการสนับสนุนทางสังคม ปัจจัยด้านโครงสร้างของทีม ปัจจัยด้านการมีส่วนร่วมในการทำงาน และปัจจัยด้านภาวะผู้นำทีม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ซึ่งปัจจัยด้านการสนับสนุนทางสังคม เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการทำงานเป็นทีมของบุคลากรในสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากบุคลากรในสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้รับการสนับสนุนทางสังคมจากบุคคลในครอบครัว หัวหน้างานหรือผู้บังคับบัญชา และเพื่อนร่วมงาน ทำให้บุคลากรมีสัมพันธภาพที่ดี มีการยอมรับนับถือซึ่งกันและกัน และเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรให้ประสบความสำเร็จ</p> อริศรา กองแก้ว, ไททัศน์ มาลา Copyright (c) 2023 มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoarujournal/article/view/267203 Tue, 26 Dec 2023 00:00:00 +0700 ผลของการใช้ทักษะปฏิบัติของเดวีส์และการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของหน่วยการเรียนรู้ เรื่อง ระบำดอกบัว ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoarujournal/article/view/267122 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/4 ของหน่วยการเรียนรู้ เรื่อง ระบำดอกบัว ก่อนและหลังเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ทักษะปฏิบัติของเดวีส์และการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD และ 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของหน่วยการเรียนรู้ เรื่อง ระบำดอกบัว ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/4 หลังเรียน ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ทักษะปฏิบัติของเดวีส์และการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD กับเกณฑ์ที่กำหนดร้อยละ 75 เป็นการวิจัยกึ่งทดลองที่ใช้แบบแผนการวิจัยกลุ่มเดียวทำการทดสอบก่อนและหลังการทดลอง ผลการวิจัยพบว่า การใช้รูปแบบทักษะปฏิบัติของเดวีส์และการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ทำให้มีคะแนนเฉลี่ยอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" /> = 14.17) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังจากที่เรียนจบหน่วยการเรียน เรื่อง ระบำดอกบัว สูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 75 ที่โรงเรียนกำหนดไว้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</p> ณัฐวุฒิ ยิ่งยงยุทธ, พวงเพ็ญ อินทรประวัติ, ประณต นาคะเวช Copyright (c) 2023 มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoarujournal/article/view/267122 Tue, 26 Dec 2023 00:00:00 +0700 การมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์ขององค์การบริหารส่วนตำบลกุดสะเทียน อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoarujournal/article/view/266586 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์ขององค์การบริหารส่วนตำบลกุดสะเทียน 2) เปรียบเทียบการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์ และ 3) ศึกษาแนวทางในการพัฒนาการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์ กลุ่มตัวอย่าง คือ หัวหน้าครัวเรือน 326 คน และกลุ่มเป้าหมายที่ใช้ศึกษาข้อเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาการมีส่วนร่วม 35 คน ได้แก่ ตัวแทนหัวหน้าครัวเรือนที่อาศัยอยู่ในตำบลกุดสะเทียน 20 คน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลกุดสะเทียน 1 คน ตัวแทนสภาองค์การบริหารส่วนตำบลกุดสะเทียน 6 คน และกำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน 8 หมู่บ้าน 8 คน เครื่องมือวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง วิเคราะห์ข้อมูลโดยคำนวณค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน t-test (Independent Sample) และ F-test ผลการศึกษาพบว่า ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์ขององค์การบริหารส่วนตำบลโดยรวมในระดับปานกลาง โดยประชาชนในครัวเรือนที่มีระดับการศึกษาต่างกันมีส่วนร่วมในการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์แตกต่างกัน ส่วนประชาชนที่มีเพศต่างกันมีส่วนร่วมในการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์ไม่แตกต่างกัน สำหรับแนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์ แบ่งเป็น 4 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ควรสำรวจปัญหา ความเดือดร้อนและความต้องการของประชาชน 2) ด้านการมีส่วนร่วมดำเนินการ ควรจัดประชุมหรือประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ทราบแผนฯ และมีส่วนร่วมในการดำเนินงานโครงการ จัดประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน เสนอปัญหา ความต้องการและแสดงความคิดเห็นเสนอแนะ 3) ด้านการมีส่วนร่วมรับผลประโยชน์ ควรหาแนวทางให้คนในชุมชนมีรายได้ มีงานทำ มีอาชีพเสริม สร้างความรักความสามัคคีกันในชุมชน ดูแลผลประโยชน์ของชุมชนให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนทุกคน และ 4) ด้านการมีส่วนร่วมประเมินผลควรให้ประชาชนร่วมประเมินผลและติดตามแผนฯ จัดเวทีให้ประชาชนพบปะกันเป็นกลุ่มย่อย สอบถามความพึงพอใจและนำผลการประเมินมาปรับปรุงพัฒนาแผนครั้งต่อไปอย่างจริงจัง</p> ดนัย ลามคำ Copyright (c) 2023 มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoarujournal/article/view/266586 Tue, 02 Jan 2024 00:00:00 +0700 โครงสร้างระบบนิ้วซอไทยสำหรับบรรเลงวงดนตรีไทยร่วมสมัย https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoarujournal/article/view/266418 <p>บทความวิจัยเรื่อง โครงสร้างระบบนิ้วซอไทยสำหรับบรรเลงวงดนตรีไทยร่วมสมัยเป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยสร้างสรรค์เรื่องกลวิธีการใช้ระบบนิ้วเพื่อบรรเลงซอไทยสำหรับวงดนตรีไทยร่วมสมัย มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์โครงสร้างระบบนิ้วซอไทยสำหรับบรรเลงวงดนตรีไทยร่วมสมัยด้วยวิธีการดำเนินการวิจัยเชิงคุณภาพ โครงสร้างการใช้ระบบนิ้วซอไทยสำหรับวงดนตรีไทยร่วมสมัย ทางหนึ่งได้มาจากดนตรีตะวันตก ดนตรีชาติพันธุ์อื่น ๆ และดนตรีไทยแท้ที่เป็นประเภทเครื่องสีด้วยกัน อีกทางหนึ่งมาจากการฟังลักษณะของเสียง แล้วจึงนำมาวิเคราะห์หาวิธีการใช้ระบบนิ้วการบรรเลง เพื่อให้ได้ตามสำเนียง ซอไทยแต่ละชนิดมีกายภาพต่างกัน ซอด้วงเสียงนิ่ง แหลมใส ฟังระดับเสียงได้ชัดเจน นิยมใช้เทคนิคการสั่นสาย (Vibrato) ซออู้เมื่อนำเทคนิคการสั่นสาย (Vibrato) มาใช้อาจทำให้เสียงไม่นิ่งจึงใช้การพรมแทน อีกทางหนึ่งอยู่ที่การตอบโจทย์เพลงให้ตรงตามวัตถุประสงค์ของผู้ประพันธ์ ขอบเขตเสียงซอแต่ละชนิดมีความแตกต่าง ผู้บรรเลงต้องค้นหาวิธีการดำเนินทำนอง ระบบนิ้ว ระยะตำแหน่งนิ้ว และการย้ายช่วงตำแหน่ง (Position) ปรับท่วงทำนองให้เกิดความไพเราะ เอกลักษณ์ของสำเนียงเพลง มีบันไดเสียง (Scale) เป็นตัวแปรในการควบคุมเสียงให้ถูกต้อง นิ้วชิด-ห่าง ตามความถี่ในแต่ละบันไดเสียง ไม่ให้เพี้ยนไปจากสำนวนนั้น ๆ ปัญหามากที่สุด คือ เสียงที ตัวอย่าง ทีแฟล็ต (Bb) หรือ (ที-) ที่นิยมใช้ในเพลงสำเนียงมอญ หากเป็นเสียง ท สำเนียงไทย ฯลฯ นิ้วกลางจะออกห่างจากเสียง ล ตามสำนวนลีลา การฟังเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุดสำหรับนักดนตรีเครื่องสีที่ต้องมีโสตทักษะการรับรู้เสียงในระบบต่าง ๆ ให้เห็นภาพลักษณะเสียงต่าง ๆ ความแม่นยำ เข้าใจบันไดเสียงและหลักการประสานเสียงแบบสากล (Harmony) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดความกลมกลืนเข้ากับวงดนตรีที่ร่วมบรรเลง ผู้บรรเลงจึงควรตระหนักในการพัฒนาด้านโสตทักษะการฟัง เพื่อบรรเลงได้อย่างกลมกลืนสมบูรณ์</p> วีรวัฒน์ เสนจันทร์ฒิไชย Copyright (c) 2023 มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoarujournal/article/view/266418 Tue, 02 Jan 2024 00:00:00 +0700 จิตสำนึกในปรัชญาขงจื๊อ https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoarujournal/article/view/266579 <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา “จิตสำนึกในปรัชญาขงจื๊อ” ขงจื๊อมองว่า แนวคิดและการปฏิบัติตนอย่างมีจิตสำนึกเป็นรูปแบบการดำเนินชีวิต เนื่องจากเต๋าให้กำเนิดสรรพสิ่งและบทบัญญัติทางศีลธรรมไว้เป็นกฎเกณฑ์การปฏิบัติตนของมนุษย์ การปฏิบัติตนอย่างมีจิตสำนึกของมนุษย์ไม่ได้ขึ้นกับธรรมชาติของมนุษย์ ไม่ว่าธรรมชาติของมนุษย์จะดีหรือชั่วก็ตาม แต่ขึ้นอยู่กับการศึกษาเรียนรู้และการพัฒนาตนเองตามวิถีแห่งมนุษยธรรม เนื่องจากมนุษย์มีจิตสำนึกคิดถึงความถูกต้อง โดยไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนและเสียสละชีวิตตนเพื่อบ้านเมือง มรรควิธีของมนุษย์ที่มีความแตกต่างกับวิถีแห่งเต๋าที่เห็นว่ามนุษย์ควรปฏิบัติตนตามกฎเกณฑ์แห่งสวรรค์ ซึ่งเป็นวิถีแห่งเต๋าที่ต้องอาศัยมนุษย์เพื่อการดำรงอยู่ของวิถีแห่งเต๋าในทัศนะขงจื๊อ</p> สรวิชญ์ วงษ์สอาด, พระครูพิพิธวรกิจจานุการ, พระมหาณรงค์ศักดิ์ สุทนฺโต (สุทนต์), กฤติยา ถ้ำทอง Copyright (c) 2023 มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoarujournal/article/view/266579 Tue, 02 Jan 2024 00:00:00 +0700 ค่านิยมทางสังคมจากคำบริภาษ: บทร้องลิเก คณะศรราม น้ำเพชร https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoarujournal/article/view/266502 <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาค่านิยมทางสังคมจากคำบริภาษในบทร้องลิเกคณะศรราม น้ำเพชร โดยใช้วิธีศึกษาเอกสาร เก็บรวบรวมข้อมูลคำบริภาษในบทร้องลิเกคณะศรราม น้ำเพชร ที่ผลิตโดยบริษัท โรส มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด จากเว็บไซต์ยูทูป และนำเสนอด้วยวิธีพรรณนาวิเคราะห์ ผลการศึกษาพบว่า คำบริภาษในบทร้องลิเกคณะศรราม น้ำเพชร ปรากฏค่านิยมทางสังคม 11 ลักษณะ คือ 1) ด้านกิริยามารยาท 2) ด้านการเลือกคู่ครอง 3) ด้านการเป็นมิตรที่ดี 4) ด้านความกล้าหาญ 5) ด้านการลงโทษ 6) ด้านการประกอบสัมมาอาชีพ 7) ด้านความกตัญญู 8) ด้านชนชั้นทางสังคม 9) ด้านการศึกษา 10) ด้านศาสนา และ 11) ด้านบทบาทหน้าที่ ค่านิยมที่ปรากฏในบทร้องลิเกเป็นค่านิยมที่ถูกประดิษฐ์สร้างขึ้น โดยมีแบบแผนจากค่านิยมในอดีต ซึ่งปรากฏร่วมผสมผสานกับค่านิยมของสังคมปัจจุบัน</p> วิเชษฐชาย กมลสัจจะ Copyright (c) 2023 มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoarujournal/article/view/266502 Tue, 02 Jan 2024 00:00:00 +0700 Navigating copyright for library: Purpose and scope https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoarujournal/article/view/267124 <p>หนังสือเรื่อง <strong>Navigating copyright for libraries: Purpose and scope</strong> กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างกฎหมายลิขสิทธิ์และห้องสมุด การสร้างความเข้าใจในพื้นฐานที่จำเป็นเกี่ยวกับกฎหมายลิขสิทธิ์สำหรับบรรณารักษ์และนักวิชาชีพสารสนเทศ การดำเนินงานห้องสมุดที่เกี่ยวข้องกับลิขสิทธิ์มีวิธีปฏิบัติอย่างไร การพิจารณาแนวทางในการสนับสนุนความรู้ด้านลิขสิทธิ์ การมีส่วนร่วมในนโยบายด้านลิขสิทธิ์ การสนับสนุนลิขสิทธิ์ในระดับท้องถิ่นและระดับนานาชาติ ตลอดจนกรณีศึกษาที่เกี่ยวข้องกับลิขสิทธิ์ เนื่องจากกฎหมายลิขสิทธิ์มีลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไปตามบริบททางสังคม</p> วนิค์ฎา รอดอ่อน Copyright (c) 2023 มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoarujournal/article/view/267124 Tue, 26 Dec 2023 00:00:00 +0700