https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoarujournal/issue/feed
วารสารวิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา
2025-06-27T00:00:00+07:00
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ศุภกาณฑ์ นานรัมย์
husoarujournal@aru.ac.th
Open Journal Systems
<p><strong>วารสารวิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา</strong> เป็นวารสารวิชาการที่ตีพิมพ์เผยแพร่งานค้นคว้าวิจัยและองค์ความรู้ด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ครอบคลุมสาขาวิชาการปกครองท้องถิ่น การพัฒนาชุมชน นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ นิเทศศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ดนตรี ภาษา วรรณกรรม คติชนวิทยา ศิลปะ วัฒนธรรม ปรัชญาและศาสนา ภูมิศาสตร์ บรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ และสาขาวิชาอื่นที่เกี่ยวข้อง</p> <p>บทความทุกบทความผ่านการพิจารณากลั่นกรองจากผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง <strong>จำนวน 3 ท่านต่อบทความ</strong> ในลักษณะปกปิดรายชื่อ (Double blind peer-reviewed)</p> <p>วารสารมีกำหนดออกเผยแพร่ปีละ 2 ฉบับ ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม - มิถุนายน และฉบับที่ 2 เดือนกรกฎาคม - ธันวาคม สำหรับการจัดพิมพ์วารสารมี 2 รูปแบบ ได้แก่ รูปแบบการตีพิมพ์ (Print) และรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Online)</p> <p>ได้รับการ<strong>รับรองมาตรฐานคุณภาพวิชาการในกลุ่มที่ 2</strong> โดย ศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (TCI) <strong>ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2572</strong></p>
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoarujournal/article/view/284324
ความเชื่อเกี่ยวกับการบูชาและการบนบานอนุสาวรีย์นายขนมต้ม สนามกีฬาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
2025-02-13T12:41:46+07:00
ชนินทร์ ผ่องสวัสดิ์
chaninphopsawat@gmail.com
<p>บทความวิชาการนี้มุ่งศึกษาความเชื่อเกี่ยวกับ การบูชาและการบนบานอนุสาวรีย์นายขนมต้ม สนามกีฬาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นอนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อเชิดชูเกียรติของนายขนมต้ม นักมวยไทยผู้มีชัยชนะเหนือนักมวยพม่าและมอญ ทั้งยังได้รับการยกย่องและพระราชทานรางวัลจากพระเจ้าอังวะอีกด้วย นอกจากอนุสาวรีย์แห่งนี้จะเป็นการเชิดชูเกียรติของวีรบุรุษในประวัติศาสตร์แล้ว ยังมีบทบาทเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อำนวยพรให้ความช่วยเหลือแก่ผู้บูชาและผู้บนบาน การศึกษาพบว่า อนุสาวรีย์นายขนมต้มสามารถอำนวยพรและมอบความสำเร็จแก่ผู้ศรัทธาในด้านธุรกิจ การแข่งขันกีฬา และการสอบเข้าศึกษาต่อ ซึ่งนายขนมต้ม ได้รับการยกย่องเป็นครูมวยไทย แต่สามารถมอบความสำเร็จในด้านธุรกิจและการศึกษา ซึ่งไม่ได้เป็นตามบทบาทเด่นของท่าน นายขนมต้มจึงกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีความพิเศษกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์บางท่านที่สามารถมอบความสำเร็จในด้านที่ท่านถนัดเท่านั้น และความเชื่อเกี่ยวกับของบูชาและของแก้บนสะท้อนความคิดของผู้ศรัทธาว่า อิงตามชื่อของนายขนมต้ม เช่น ถวายขนมต้มและของต้มต่าง ๆ อิงตามวิถีชีวิตของผู้ชายในอดีต เช่น ถวายเหล้าขาวและไก่ชน และอิงตามความนิยม เช่น พวงมาลัยดอกดาวเรือง พวงมาลัยดอกมะลิ หมากพูล และ น้ำแดง</p>
2025-06-27T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoarujournal/article/view/284587
บทบาทของการนวดแผนไทยศาสตร์วัดโพธิ์ : การทบทวนวรรณกรรมและแนวทางการพัฒนาในการดูแลสุขภาพ
2025-02-27T10:16:24+07:00
ธนัยนันท์ ยนวงศ์
sathapon.yonwong@gmail.com
<p style="margin: 0cm; text-align: justify; text-justify: inter-cluster;">การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับการนวดแผนไทยวัดโพธิ์ ซึ่งเป็นศาสตร์ดั้งเดิมที่ได้รับการยอมรับจากยูเนสโกในฐานะมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ โดยศึกษาแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนวดแผนไทยวัดโพธิ์ เน้นการใช้งานเชิงบำบัด การกระตุ้นเส้นประธานสิบ การปรับสมดุลร่างกาย และการส่งเสริมสุขภาพตามแนวคิดแพทย์แผนไทย รวมถึงวิธีการนวด เทคนิคการกด การยืดกล้ามเนื้อ และการใช้สมุนไพรเพื่อเสริมการรักษา จากการศึกษาพบว่าการนวดแผนไทยวัดโพธิ์มีประสิทธิผลในการบรรเทาปวด เพิ่มความยืดหยุ่นกล้ามเนื้อ และกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ซึ่งเหมาะสำหรับการรักษาอาการปวดเมื่อยหลังและศีรษะ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเครียดและส่งเสริมสุขภาพจิตผ่านการผ่อนคลายโดยการกดและยืดกล้ามเนื้อ ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าการนวดนี้เป็นทางเลือกการรักษาแบบธรรมชาติและไม่ใช้ยา เหมาะสมกับแนวโน้มการดูแลสุขภาพที่กลับสู่วิถีธรรมชาติ นอกจากนี้ การวิจัยยังนำเสนอข้อเสนอแนะในการพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และสนับสนุนการวิจัยเชิงทดลองเพิ่มเติม เพื่อยืนยันประสิทธิผลของการนวดแผนไทยวัดโพธิ์ในด้านการรักษาและการส่งเสริมสุขภาพ ให้ศาสตร์นี้คงคุณค่าและส่งต่อไปยังคนรุ่นต่อไป</p>
2025-06-27T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoarujournal/article/view/283473
บทบาทของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อป้องกันการคอร์รัปชัน
2025-01-15T12:54:01+07:00
โสฬสญา จีบสุวรรณ
solossaya@gmail.com
รัตพงษ์ สอนสุภาพ
rattsonsuphap@gmail.com
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษามาตรการและวิเคราะห์กรณีศึกษาการคอร์รัปชัน ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมถึงแนวทางที่เหมาะสมในการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยใช้วิธีวิจัยเชิงคุณภาพ ประกอบด้วย การวิจัยเอกสารและการสัมภาษณ์เจาะลึกกลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และผู้เกี่ยวข้อง จำนวน 8 คน และกรณีศึกษา จำนวน 7 บริษัท</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า หลักธรรมาภิบาลหรือบรรษัทภิบาลของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยยังไม่มีประสิทธิภาพอย่างเพียงพอในการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพราะยังมีช่องทางการกระทำผิดของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ อันเป็นผลมาจากมาตรการหรือแนวทางรวมทั้งสภาพแวดล้อม (Eco-system) ที่ยังนำไปสู่การทุจริตคอร์รัปชันได้ กรณีแรกมี 4 บริษัท ที่การกระทำความผิดโดยใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายกระทำความผิด รวมทั้งการปั่นหุ้นเพื่อสร้างราคา และกรณีที่สอง มี 3 บริษัท ที่การกระทำความผิดใช้การตกแต่งบัญชี ซึ่งได้สร้างผลกระทบต่อสังคมเป็นวงกว้าง รวมทั้งลดทอนความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อตลาดหลักทรัพย์ไทยอีกด้วย</p> <p>ข้อเสนอแนะจากการศึกษา 1) เมื่อบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว หน้าที่การกำกับดูแลบริษัทควรถ่ายโอนให้แก่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐที่มีอำนาจดูแลตามกฎหมาย เพื่อความโปร่งใสในการกำกับดูแลและลดปัญหาการทับซ้อน 2) ควรสร้างระบบประเมินเพื่อวัดระดับบรรษัทภิบาลให้สะท้อนความจริงและโปร่งใส และ 3) ควรบังคับใช้กฎหมายให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ จากกรณีที่บริษัทกระทำความผิดทั้งโทษทางแพ่งและอาญา เพื่อลดผลกระทบต่อสังคมและสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาดหลักทรัพย์ไทย</p>
2025-06-27T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoarujournal/article/view/284455
การพัฒนาสื่อมัลติมีเดีย เรื่อง การทำชิฟฟอนเค้ก วิชาขนมอบยอดนิยม สำหรับนักเรียนหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น วิทยาลัยสารพัดช่างสี่พระยา
2025-01-27T14:04:13+07:00
ชิตพิชา แก่นทับทิม
chitpicha-k@rmutp.ac.th
จุฑามาศ พีรพัชระ
chutamas.p@rmutp.ac.th
น้อมจิตต์ สุธีบุตร
nomjit.s@rmutp.ac.th
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างสื่อมัลติมีเดียเรื่องการทำชิฟฟอนเค้ก และ 2) ประเมินประสิทธิภาพของสื่อมัลติมีเดียเรื่องการทำชิฟฟอนเค้ก กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น 20 คน โดยใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบประเมินความเหมาะสมสื่อมัลติมีเดีย แบบประเมินทักษะการปฏิบัติงาน และแบบประเมินความพึงพอใจต่อสื่อมัลติมีเดีย วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าความสอดคล้องของผู้ประเมิน (RAI) ค่าประสิทธิภาพของสื่อมัลติมีเดีย E1/E2 ตามเกณฑ์แบบ 80/80 ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน</p> <p>ผลการวิจัย พบว่า 1) ประสิทธิภาพของสื่อมัลติมีเดียเรื่องการทำชิฟฟอนเค้ก มีค่าเท่ากับ 80.00/84.38 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์การประเมินประสิทธิภาพ 80/80 2) การประเมินค่าดัชนีความสอดคล้องของผู้ประเมินในภาพรวมเท่ากับ 0.93 แสดงว่ามีความสอดคล้องกันมาก และความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อสื่อมัลติมีเดียเรื่องการทำชิฟฟอนเค้ก โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" />= 4.95) งานวิจัยนี้มีข้อเสนอแนะให้ใช้สื่อมัลติมีเดียกับผู้เรียนต่างกลุ่ม และสนับสนุนการพัฒนาสื่อการสอนเพื่อช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากผู้สอนและสื่อการสอนที่หลากหลาย</p>
2025-06-27T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoarujournal/article/view/284552
แรงจูงใจในการท่องเที่ยวเชิงชาติพันธุ์มอญในจังหวัดปทุมธานี ของนักท่องเที่ยวเจเนอเรชันแซด
2025-01-16T15:36:05+07:00
ปณัญดา ทองหวาน
pananda.thon@bumail.net
อภิวัฒน์ วิชัยดิษฐ
apiwat.wicha@bumail.net
พงศ์เสวก เอนกจำนงค์พร
pongsavake.a@gmail.com
<p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับแรงจูงใจในการท่องเที่ยวเชิงชาติพันธุ์มอญและเปรียบเทียบแรงจูงใจในการท่องเที่ยวเชิงชาติพันธุ์มอญในจังหวัดปทุมธานี กับภูมิหลังของนักท่องเที่ยวเจเนอเรชันแซด เลือกตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามกับนักท่องเที่ยวเจเนอเรชันแซด 312 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนา คือ การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ส่วนสถิติอ้างอิง คือ ค่าทดสอบทีที่เป็นอิสระต่อกัน และการวิเคราะห์ความแปรปรวนหนึ่งทาง ผลการวิจัย พบว่า นักท่องเที่ยวเจเนอเรชันแซดมีแรงจูงใจในการท่องเที่ยวเชิงชาติพันธุ์มอญในจังหวัดปทุมธานีระดับสูง และนักท่องเที่ยวเจเนอเรชันแซดที่มีเพศ ระดับการศึกษา และภูมิลำเนาของครอบครัวต่างกันมีแรงจูงใจในการท่องเที่ยวเชิงชาติพันธุ์มอญในจังหวัดปทุมธานีแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05</p>
2025-06-27T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoarujournal/article/view/284531
การศึกษาสมรรถนะการสื่อสารของบุคลากร คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
2025-02-20T13:33:14+07:00
จารุวิทย์ จันทร
note.jaruwit@gmail.com
หฤทัย ปัญญาวุธตระกูล
harutai_p@hotmail.com
<p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์สมรรถนะการสื่อสารของบุคลากรคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยศึกษาระดับความคิดเห็นของกลุ่มผู้บริหารและกลุ่มปฏิบัติการ ตลอดจนความสัมพันธ์และการเปรียบเทียบสมรรถนะการสื่อสารระหว่างสองกลุ่ม ใช้วิธีวิจัยเชิงปริมาณ เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 373 คน ด้วยการสุ่มแบบโควตา (Quota Sampling) โดยใช้แบบสอบถามที่ผ่านการตรวจสอบความเที่ยงตรงของเนื้อหาและความเชื่อมั่น (Cronbach’s Alpha = 0.990) วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ Independent Sample t-test และ Chi-square ผลการศึกษาพบว่า บุคลากรมีระดับความคิดเห็นต่อสมรรถนะการสื่อสารในระดับสูงสุด (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{X}" alt="equation" /> = 4.29, SD = 0.62) โดยสมรรถนะด้านบุคลิกภาพได้รับคะแนนสูงสุด รองลงมาคือ การพูด การสร้างความสัมพันธ์ และการฟัง กลุ่มผู้บริหารมีสมรรถนะการสื่อสารสูงกว่ากลุ่มปฏิบัติการ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.05) นอกจากนี้ ตำแหน่งงานมีความสัมพันธ์กับสมรรถนะด้านการพูด การสร้างความ สัมพันธ์ และภาพลักษณ์ของบุคลากร (p < 0.05) แต่ไม่มีความสัมพันธ์กับสมรรถนะด้านบุคลิกภาพ การฟัง และการสร้างช่องทางการสื่อสาร จากผลการศึกษา เสนอแนวทางพัฒนาสมรรถนะการสื่อสารของบุคลากร ได้แก่ การจัดอบรมทักษะการสื่อสาร การปรับปรุงระบบ สื่อสารในองค์กร การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และการพัฒนาทักษะการสื่อสารในระดับสากล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารองค์กรและเสริมสร้างความร่วมมือภายในคณะแพทยศาสตร์</p>
2025-06-27T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoarujournal/article/view/284545
ปัญหาการสื่อสารภาษาอังกฤษของผู้ให้บริการนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ในอำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
2025-01-20T11:58:33+07:00
เอกพล วิงวอน
wekaphon@aru.ac.th
วีรพล น้อยคล้าย
weerapolnoiklai@gmail.com
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัญหาการสื่อสารภาษาอังกฤษของผู้ให้บริการนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในอำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 2) เพื่อศึกษา<br />แนวทางการแก้ไขปัญหาการสื่อสารภาษาอังกฤษของผู้ให้บริการนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในอำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาคือ ผู้ให้บริการนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทั้งหมด 6 กลุ่มบริการ บริการขนส่งสาธารณะ บริการร้านอาหาร บริการที่พัก บริการธุรกิจนำเที่ยว บริการร้านขายของที่ระลึก และบริการด้านอำนวยความสะดวกทางการท่องเที่ยว รวมจำนวน 50 คน โดยใช้วิธีเลือกแบบเจาะจงจากกลุ่มผู้ให้บริการในพื้นที่อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามเเละแบบสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และนำมาวิเคราะห์หาข้อมูล</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า ปัญหาการสื่อสารภาษาอังกฤษของผู้ให้บริการนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในอำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อยู่ในเกณฑ์ระดับมาก มีปัญหาฟังคำศัพท์ที่ออกเสียงคล้ายกันแต่ความหมายต่างกันไม่ได้ โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.98 ทักษะการพูดภาษาอังกฤษไม่ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.96 ขาดความมั่นใจในการพูดภาษาอังกฤษ โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.94 ในส่วนภาพรวมของแนวทางการแก้ไขปัญหาการสื่อสารภาษาอังกฤษของผู้ให้บริการนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในอำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นั่นคือฝึกสนทนาจริงกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในแหล่งท่องเที่ยว มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.30 ฝึกฟังสำเนียงภาษาอังกฤษจากภาพยนตร์ เพลงสากล สื่ออื่น ๆ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.16 ศึกษาหาความรู้ด้านการท่องเที่ยวผ่านหนังสือ หรือสื่อออนไลน์มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.14</p>
2025-06-27T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/husoarujournal/article/view/284594
การศึกษาวิเคราะห์คีตวรรณกรรมความรุ่งเรืองแห่งกรุงศรีอยุธยา
2025-01-29T15:28:07+07:00
รุจิภาส ภูธนัญนฤภัทร
musika_7xmba@hotmail.com
<p>คีตวรรณกรรมมรดกทางวัฒนธรรม การเชื่อมโยงเรื่องราวความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรม กับการเปลี่ยนผ่านกาลเวลาในแต่ละยุคสมัย เป็นอีกภาพสะท้อนหนึ่งที่ทำให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองในสมัยกรุงศรีอยุธยา จากการศึกษาข้อมูลผลงานทางดนตรี วรรณกรรมเพลง การขับร้อง การบรรเลง หรือองค์ประกอบของโครงสร้างทางดนตรี โดยมีวัตถุประสงค์ของโครงการวิจัยเพื่อศึกษาคีตวรรณกรรมในสมัยกรุงศรีอยุธยา ที่ได้รับความนิยมถึงปัจจุบัน และเพื่อวิเคราะห์โครงสร้างทางดนตรี ระบบเสียง และเทคนิคการประพันธ์ของบทเพลง สิ่งสำคัญที่อยู่นอกเหนือจากแรงบันดาลใจ คือ การศึกษาองค์ความรู้ในความสำเร็จจากผลงานคีตวรรณกรรมที่ผ่านการมีบทบาททางสังคม วัฒนธรรม ประเพณี พิธีกรรมในแต่ละยุคสมัย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของการศึกษาเพื่อการพัฒนาผลงานสร้างสรรค์ในด้านเทคนิค วิธีการ หรือการผสมผสานแนวคิดสร้างสรรค์ทางด้านดนตรีนั้น ควรต้องมีที่มาขององค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับผลงานนั้น เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ หรือการสื่อสารในความหมายของการสร้างสรรค์ในด้านต่าง ๆ เช่น เนื้อหาสาระในเรื่องราว ลีลาเสียง สำนวนภาษา สถาปัตยกรรม ปติมากรรม สถานที่สำคัญของพื้นที่นั้น ในสิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่การสร้างสรรค์ผลงานการประพันธ์เพลงการเรียบเรียงดนตรี ซึ่งจะต้องมีการบูรณาการต่อไป</p>
2025-06-27T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา