วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม https://so03.tci-thaijo.org/index.php/humsujournal <p> </p> <p>วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มีนโยบายในการ ส่งเสริม เผยแพร่ผลงานวิชาการและงานวิจัยที่มีคุณค่าต่อการพัฒนาองค์ความรู้ทางวิชาการ และ เป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเชิงวิชาการ โดยครอบคลุมวิทยาการด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ การศึกษา ทัศนศิลป์ ศิลปะการแสดง ดุริยางคศิลป์ รัฐศาสตร์ ภาษา วรรณกรรม กำหนดการตีพิมพ์ปี ละ 6 ฉบับ ออกราย 2 เดือน คือ เล่ม 1 มกราคม – กุมภาพันธ์/ เล่ม 2 มีนาคม – เมษายน/เล่ม 3 พฤษภาคม – มิถุนายน/เล่ม 4 กรกฎาคม – สิงหาคม /เล่ม 5 กันยายน – ตุลาคม และ เล่ม6 พฤศจิกายน – ธันวาคม โดยรูปแบบผลงานที่วารสารจะรับพิจารณา มี 3 ประเภท คือ บทความวิชาการ บทความวิจัย และบทวิจารณ์หนังสือ บทความวิชาการและบทความวิจัยที่จะนำมา ตีพิมพ์วารสารมหาวิทยาลัยมหาสารคามจะต้องได้รับการตรวจสอบทางวิชาการ ( Peer review) โดยใช้ผู้พิจารณา3 คน (Three Reviewers) ทั้งภายในและภายนอก จากหลากหลายมหาวิทยาลัย เพื่อให้วารสารมีคุณภาพในระดับมาตรฐานสากล และนำไปอ้างอิงได้ ผลงานที่ส่งมาตีพิมพ์ จะต้องมีสาระ งานทบทวนความรู้เดิมและเสนอความรู้ ใหม่ที่ทันสมัยรวมทั้งข้อคิดเห็นที่เกิดประโยชน์ต่อผู้อ่าน ผลงานไม่เคยถูกนำไปตีพิมพ์เผยแพร่ใน วารสารอื่นใดมาก่อน และไม่ได้อยู่ในระหว่างการพิจารณาลงวารสารใดๆ</p> th-TH [email protected] (ศ.ดร.ปฐม หงษ์สุวรรณ) [email protected] (Jirarat Puseerit) Thu, 25 Apr 2024 16:05:28 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 ปัจจัยที่ส่งผลต่อการซื้อเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชาและกัญชงของผู้บริโภคในจังหวัดเชียงใหม่ https://so03.tci-thaijo.org/index.php/humsujournal/article/view/267090 <p> งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการซื้อเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชาและกัญชงของผู้บริโภค ในจังหวัดเชียงใหม่ และปัจจัยด้านการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชาและกัญชงของผู้บริโภค โดยเก็บข้อมูลตัวอย่างจากผู้บริโภคในจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 400 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และแบบจำลอง โลจิต ผลการวิจัย พบว่า ปัจจัยที่มีผลต่อการซื้อเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชาและกัญชง ได้แก่ เพศ อายุ อาชีพ และรายได้ ส่วนปัจจัยด้านการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ มีดังนี้ บรรจุภัณฑ์ที่สะอาด สะดวกในการซื้อ ราคาเหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ สถานที่จัดจำ หน่ายอยู่ใกล้บ้านหรือที่ทำ งาน รูปแบบของเครื่องดื่มที่ทันสมัยอยู่เสมอ ความสุภาพอ่อนโยนของพนักงาน ภายในร้านมีความสะอาด และการให้บริการอย่างเสมอภาค ซึ่งผู้ประกอบการสามารถนำ ข้อมูลไปใช้ในการวางแผนการจำ หน่ายเพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น</p> กันตพร ช่วงชิด, นิศาชล ลีรัตนากร Copyright (c) 2024 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม https://so03.tci-thaijo.org/index.php/humsujournal/article/view/267090 Thu, 25 Apr 2024 00:00:00 +0700 รูปแบบการบริหารต้นทุนและห่วงโซ่อุปทานธุรกิจไก่แจ้สวยงามบ้านวังนาค https://so03.tci-thaijo.org/index.php/humsujournal/article/view/267305 <p> การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาการจัดการห่วงโซ่อุปทานธุรกิจไก่แจ้สวยงามบ้านวังนาค 2)วิเคราะห์เพื่อหารูปแบบการบริหารต้นทุนธุรกิจไก่แจ้สวยงามบ้านวังนาค 3) วิเคราะห์ห่วงโซ่อุปทาน ธุรกิจไก่แจ้สวยงานบ้านวังนาค เพื่อให้ได้องค์ความรู้ต้นแบบการจัดการห่วงโซ่อุปทาน สำหรับธุรกิจไก่แจ้สวยงามบ้านวังนาค โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม(PAR) กำหนดกลุ่มตัวอย่าง จำ นวน 10 คน ซึ่งสรุปผลการวิจัยได้ดังนี้ การศึกษาการจัดการห่วงโซ่อุปทานธุรกิจไก่แจ้สวยงามบ้านวังนาคพบว่า ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตลูกไก่แจ้จนถึงขั้นตอนการจัดส่งให้ลูกค้าใช้ระยะเวลานานสามารถใช้แบบจำ ลอง SCOR ปรับปรุงสายสัมพันธ์ของห่วงโซ่อุปทานธุรกิจไก่แจ้สวยงามบ้านวังนาคโดยการวิเคราะห์เพื่อหารูปแบบการบริหารต้นทุนธุรกิจไก่แจ้สวยงามบ้านวังนาค โดยลดระยะเวลาในกระบวนการผลิตถึงลูกค้า ชั้นสุดท้ายส่งผลให้กลุ่มผู้ประกอบการสามารถสร้างรายได้ให้กับตนเองเพิ่มมากขึ้น ช่วยสร้างเครือข่ายกลุ่มธุรกิจไก่แจ้ในการผลิต เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของลูกค้าและสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ </p> เตชิตา สุทธิรักษ์ , กุลวดี จันทร์วิเชียร, วิสุตร์ เพชรรัตน์, วราพร กาญจนคลอด Copyright (c) 2024 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม https://so03.tci-thaijo.org/index.php/humsujournal/article/view/267305 Thu, 25 Apr 2024 00:00:00 +0700 การศึกษาการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของเลี่ยนหนีฉังจากนิยายกำลังภายในเรื่องนางพญาผมขาวสู่ละครโทรทัศน์เรื่องเดชนางพญาผมขาว ปี ค.ศ. 2012 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/humsujournal/article/view/265334 <p><strong>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; </strong>งานวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของเลี่ยนหนีฉังจากนิยายกำลังภายในเรื่องนางพญาผมขาวซึ่งประพันธ์โดยเหลียงอี่ว์เซิงสู่ละครโทรทัศน์เรื่องเดชนางพญาผมขาวในปี ค.ศ. 2012 ที่กำกับโดยหวงเหว่ยเจี๋ย ผลการศึกษาพบว่าภาพลักษณ์ของเลี่ยนหนีฉังประกอบด้วยสี่ปัจจัย ดังนี้ 1) พื้นหลังครอบครัวที่ไร้บิดา มารดา เลี่ยนหนีฉังดื่มนมสุนัขป่าตัวเมียจนเติบใหญ่ส่งผลสู่ภาพลักษณ์ความโหดเหี้ยม 2) ความสัมพันธ์กับตัวละครในเรื่อง นิยายกำลังภายในเรื่องนางพญาผมขาวพบตัวละครสองตัวคือ จั๋วอี้หังและนักพรตไป๋สือที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์เลี่ยนหนีฉัง ส่วนละครโทรทัศน์พบตัวละครสามตัวคือ จั๋วอี้หัง นักพรตไป๋สือและเถี่ยเฟยหลงที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์เลี่ยนหนีฉัง และ 3) เหตุการณ์ในเรื่องทั้งนิยายกำลังภายในเรื่องนางพญาผมขาวและละครโทรทัศน์เรื่องเดชนางพญาผมขาวในปี ค.ศ. 2012 ที่ส่งผลกระทบภายในเรื่องทำให้สะท้อนสู่ภาพลักษณ์ช่วยเหลือผู้อื่น เห็นใจผู้อื่น กตัญญู เสียสละและศรัทธาในความรัก เมื่อมีการนำมาดัดแปลงเป็นละครโทรทัศน์มีทั้งการคงเดิมภูมิหลังของครอบครัว การขยายความตัวละคร การตัดทอนภาพลักษณ์และการดัดแปลงเหตุการณ์ในเรื่อง ทั้งนี้ภาพลักษณ์เหล่านี้สามารถสะท้อนสู่เรื่องคุณธรรมขนบประเพณี 5 ประการ(五常)ของขงจื๊อและ 4) ยุคสมัยของทั้งสองเวอร์ชันต่างกัน จึงทำให้ภาพลักษณ์ของเลี่ยนหนีฉังต่างกันด้วย</p> กนกวรรณ ว่องไว, กนกพร นุ่มทอง Copyright (c) 2024 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม https://so03.tci-thaijo.org/index.php/humsujournal/article/view/265334 Thu, 25 Apr 2024 00:00:00 +0700 การส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศด้วยโครงการหนึ่งจังหวัดหนึ่งมาราธอน https://so03.tci-thaijo.org/index.php/humsujournal/article/view/267463 <p> ปัญหาโรคระบาด Covid-19 ได้ส่งผลต่อภาคการท่องเที่ยวของประเทศที่มีอัตราการพึ่งพาการท่องเที่ยวจากต่างประเทศสูงอย่างประเทศไทย การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาบทบาทของการจัดงานวิ่งมาราธอนต่อการท่องเที่ยวรายจังหวัด วิเคราะห์บทบาทของงานวิ่งมาราธอนต่อการท่องเที่ยวราย<br />จังหวัด โดยใช้ข้อมูลการจัดการแข่งขันมาราธอนในช่วงปี 2565-2566 จาก SportStat Asia จำ นวน 41รายการใน 21 จังหวัด ทำ การวิเคราะห์ความแตกต่างรายคู่และวิเคราะห์สมการถดถอยเชิงซ้อน พบว่าอัตราการเข้าพัก จำ นวนผู้เข้าพัก จำ นวนผู้มาเยือน และรายได้จากการท่องเที่ยวของพื้นที่ที่จัดงานวิ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำ คัญทางสถิติในเดือนที่มีการจัดการแข่งขัน นอกจากนี้จำ นวนนักวิ่งที่เพิ่มขึ้นยังส่งผลต่อการขยายตัวของตัวชี้วัดทั้ง 4 ตัว นำ ไปสู่ข้อเสนอในเชิงวิชาการ และการนำ ไปใช้ประโยชน์ในการส่งเสริมให้แต่ละจังหวัดควรมีการจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอน โดยมีธีมและช่วงเวลาการแข่งขันที่สอดคล้องกับอัตลักษณ์และฤดูการท่องเที่ยวของแต่ละจังหวัด ทำ ให้ได้ปฏิทินมาราธอนรายจังหวัดของประเทศไทยเพื่อเป็นข้อมูลในการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวสำ หรับนักท่องเที่ยวที่สนใจในการแข่งขันกีฬาวิ่งมาราธอน</p> คมกริช วงศ์แข, ประภัสสร วารีศรี Copyright (c) 2024 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม https://so03.tci-thaijo.org/index.php/humsujournal/article/view/267463 Thu, 25 Apr 2024 00:00:00 +0700 ความรู้สึกและสัญญาณของความเคารพของเจเนอเรชัน Z ในประเทศไทย https://so03.tci-thaijo.org/index.php/humsujournal/article/view/265694 <p> งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อระบุความรู้สึกและสัญญาณของความเคารพของเจเนอเรชัน Z ในประเทศไทย กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยนักศึกษา 400 ราย ที่มีอายุอยู่ในช่วงวัยของเจเนอเรชัน Z โดยมีอายุระหว่าง 18 – 21 ปี ใช้วิธีการเลือกตัวอย่างตามสะดวก เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลคือแบบสอบถาม โดยประเมินค่าความเที่ยงตรงของแบบสอบถาม (IOC) จากผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่านและได้ IOC ของคำถามอยู่ในช่วง 0.67-1.00 ซึ่งเป็นค่าความเที่ยวตรงที่ยอมรับได้ โดยการศึกษาในส่วนของ “ความรู้สึก” ผู้วิจัยใช้คำถามให้กลุ่มเจเนอเรชัน Z ประเมินตนเองว่าให้ความเคารพต่อผู้อื่นในระดับใด ประกอบกับคำถามว่ากลุ่มเจเนอเรชัน Z รับรู้ว่าได้รับความเคารพจากผู้อื่นในระดับใด ในส่วนของ “สัญญาณ” ผู้วิจัยออกแบบโดยสมมุติสถานการณ์ที่มีความขัดแย้งและถามว่ากลุ่มเจเนอเรชัน Z จะมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างไร การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนา ประกอบด้วย ความถี่ ร้อยละ และค่าเฉลี่ย ผลการศึกษา ระบุว่ามีผู้ให้ข้อมูลเป็นเพศหญิง 299 รายและเป็นเพศชาย 101 ราย ผลการศึกษาเกี่ยวกับความรู้สึกของเจเนอเรชัน Z พบว่าพวกเขาเชื่อว่าเขาได้แสดงความเคารพต่อผู้อื่นในระดับสูงที่สุด อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับได้รับความเคารพจากผู้อื่นในระดับปานกลางถึงสูง นอกจากนี้ มากกว่าครึ่งของผู้ให้ข้อมูลเจเนอเรชัน Z มีแนวโน้มที่จะแสดงสัญญาณของความเคารพผ่านปฏิกิริยาการตอบสนองเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่มีความขัดแย้ง</p> พิชญลักษณ์ พิชญกุล, เอก บุญเจือ Copyright (c) 2024 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม https://so03.tci-thaijo.org/index.php/humsujournal/article/view/265694 Thu, 25 Apr 2024 00:00:00 +0700 การสร้างบอร์ดเกมเพื่อส่งเสริมการรู้เท่าทันภัยการระรานทางไซเบอร์ https://so03.tci-thaijo.org/index.php/humsujournal/article/view/267794 <p> การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อสร้างบอร์ดเกมเพื่อส่งเสริมการรู้เท่าทันภัยการระรานทางไซเบอร์ 2) เพื่อหาคุณภาพของบอร์ดเกมเพื่อส่งเสริมการรู้เท่าทันภัยการระรานทางไซเบอร์ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างที่มีต่อบอร์ดเกมเพื่อส่งเสริมการรู้เท่าทันภัยการระรานทางไซเบอร์ กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักศึกษาสาขาวิชาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 ใช้วิธีการสุ่มอย่างง่าย (Simple random sampling) ด้วยวิธีการจับฉลาก จำนวน 36 คน เก็บข้อมูลโดยนำบอร์ดเกมเพื่อส่งเสริมการรู้เท่าทันภัยการระรานทางไซเบอร์ไปให้กับกลุ่มตัวอย่างได้เล่นจริง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ยและค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัย พบว่า บอร์ดเกมเพื่อส่งเสริมการรู้เท่าทันภัยการระรานทางไซเบอร์ มีเนื้อหาเข้าใจง่าย นำไปประยุกต์ใช้ได้จริง มีความสนุกสนานและแปลกใหม่ คุณภาพของบอร์ดเกมเพื่อส่งเสริมการรู้เท่าทันภัยการระรานทางไซเบอร์ ด้านเนื้อหาอยู่ในระดับดีมาก ( = 4.83, S.D. =.38) ด้านสื่ออยู่ในระดับดีมาก ( = 4.67, S.D. = .48) และกลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจต่อบอร์ดเกมเพื่อส่งเสริมการรู้เท่าทันภัยการระรานทางไซเบอร์ อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.82, S.D. = .48) </p> หฤชัย ยิ่งประทานพร, เพียงเพ็ญ จิรชัย, เมธาวี อิ่มใจกล้า, อรอารียา ฉั่วตระกูล Copyright (c) 2024 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม https://so03.tci-thaijo.org/index.php/humsujournal/article/view/267794 Thu, 25 Apr 2024 00:00:00 +0700 ปัจจัยความสำเร็จในการดำเนินงานตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น : กรณีศึกษาจังหวัดหนองบัวลำภูและอุดรธานี https://so03.tci-thaijo.org/index.php/humsujournal/article/view/265782 <p> การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาระดับการดำ เนินงานตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2. เพื่อศึกษาปัจจัยความสำเร็จในการดำ เนินงานตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยใช้การวิจัยแบบผสมผสาน เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง คือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำ นวน 8 แห่งในจังหวัดหนองบัวลำ ภูและอุดรธานีประกอบด้วยผู้บริหารหรือตัวแทนผู้บริหารที่ได้รับมอบหมายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 1คน หัวหน้าส่วนราชการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 2 คน ผู้นำ ชุมชน ตัวแทนกลุ่มต่างๆ ในชุมชน จำ นวน 2 คน จากทั้งหมด 8 แห่งๆ ละ 5 คน รวมเป็นจำ นวนทั้งสิ้น 40 คน เครื่องมือในการ เก็บข้อมูล ได้แก่ 1) แบบตัวชี้วัดระดับการเป็นเศรษฐกิจพอเพียง 2) แบบสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง 3) แบบสรุปการสนทนากลุ่มและแบบสำ รวจความคิดเห็น ผลการศึกษาพบว่า 1) ระดับการดำ เนินงานตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นจำ นวน 8 แห่งอยู่ในระดับไม่เข้าข่ายจำนวน 1 แห่ง ระดับเข้าใจจำ นวน 6 แห่ง และระดับเข้าถึง จำ นวน 1 แห่ง 2) ปัจจัยความสำ เร็จต่อการดำ เนินงานตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปัจจัยแรกคือ การบริหารงานและวัฒนธรรมองค์กรแบบมีส่วนร่วม<br />โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีการบริหารงานที่ให้ความสำ คัญกับการมีส่วนร่วมโดยการสร้าง เครือข่ายความร่วมมือ ทั้งบุคลากรในองค์กรและประชาชนในท้องถิ่น ปัจจัยที่สองคือ ภาวะผู้นำ ของ ผู้บริหารซึ่งมีวิสัยทัศน์ ยึดหลักธรรมาภิบาล ให้ความสำคัญ กับหลักการเข้าใจ เข้าถึง พัฒนาและมีความสามารถในบริหารงบประมาณ และปัจจัยที่สามคือ การสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับองค์กรภายนอกเพื่อเสริมสร้างพลังการพัฒนาที่เกิดประโยชน์สุขต่อประชาชน ปัจจัยดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนเสริมสำคัญที่ทำ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประสบความเร็จจากการประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง</p> กฤษฎา ณ หนองคาย, สุนิตย์ เหมนิล , พัชฎาภรณ์ แสงทามาตย์ , มานน เซียวประจวบ Copyright (c) 2024 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม https://so03.tci-thaijo.org/index.php/humsujournal/article/view/265782 Thu, 25 Apr 2024 00:00:00 +0700 กลยุทธ์อภิปัญญาเพื่อพัฒนาทักษะการพูดภาษาจีนสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่เรียนภาษาจีนในฐานะภาษาต่างประเทศ https://so03.tci-thaijo.org/index.php/humsujournal/article/view/267835 <p> งานวิจัยเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำ รวจผลกระทบของกลยุทธ์อภิปัญญาต่อการพัฒนาทักษะการพูดภาษาจีนของนักเรียนโดยใช้การประเมินตนเองสำ หรับนักเรียนและความคิดเห็นจากครูผู้สอนเพื่อ ปลูกฝังความสามารถทางด้านอภิปัญญาของนักเรียน การวิจัยครั้งนี้ได้ใช้การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นภูมิและมีนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นจำ นวน 36 คน (นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำ นวน 17 คน และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำ นวน 19 คน) ที่เรียนภาษาจีนในฐานะภาษาต่างประเทศของโรงเรียน พระหฤทัย เชียงใหม่ถูกเลือกมาเป็นกลุ่มตัวอย่าง เพื่อสำ รวจการประยุกต์ใช้และผลกระทบของกลยุทธ์อภิปัญญา การเรียนการสอนได้ดำ เนินการในระหว่างกระบวนการการวิจัย ซึ่งรวมถึงการทดสอบก่อนเรียน การดำ เนินกิจกรรมการพูดภาษาจีนโดยใช้กลยุทธ์อภิปัญญา การสร้างความสามารถในการเรียนรู้อภิปัญญาของนักเรียนโดยใช้การประเมินตนเองสำ หรับนักเรียนและความคิดเห็นจากครูผู้สอน และการ ทดสอบหลังเรียน วิธีการวิเคราะห์เนื้อหาถูกนำ มาใช้วิเคราะห์การประเมินตนเองสำ หรับนักเรียนเพื่อรับรู้ความสามารถในการเรียนรู้อภิปัญญาของนักเรียนและสำ รวจการกระจายของการกระทำ การเรียนรู้อภิปัญญา ผลการวิจัยพบว่านักเรียนสามารถใช้แบบจำลอง MLC (Metacognitive Learning Cycle) เพื่อดำเนินการเรียนรู้อภิปัญญาได้ แต่ให้ความสำ คัญกับกลยุทธ์การติดตามมากขึ้น การทดสอบสมมติฐาน ของกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่มที่สัมพันธ์กันถูกนำ มาใช้วิเคราะห์ข้อมูลในคะแนนการทดสอบก่อนและหลัง เรียน ผลปรากฏว่าคะแนนค่าเฉลี่ยหลังเรียน (M=13.25) ของกิจกรรมการพูดภาษาจีนสำหรับนักเรียนได้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับคะแนนค่าเฉลี่ยก่อนเรียน (M=11.58) และมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t=7.77, p&lt;0.01) ซึ่งบ่งชี้ว่ากลยุทธ์อภิปัญญามีผลเชิงบวกต่อการพัฒนาทักษะการพูดภาษาจีน<br />ของนักเรียน การวิจัยนี้ได้นำ เสนอมุมมองใหม่สำ หรับการเรียนการสอน CFL โดยใช้กลยุทธ์อภิปัญญาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการส่งเสริมทักษะการพูดของนักเรียน ซึ่งมีส่วนช่วยในการพัฒนาการเรียนการสอน CFL ในอุตสาหกรรมการศึกษา อย่างไรก็ตาม หลักฐานยังเผยให้เห็นว่าการกระจายการเรียนรู้ อภิปัญญาของนักเรียนนั้นไม่สมดุล ดังนั้น จึงแนะนำ ว่าครูผู้สอนที่สอน CFL ควรพัฒนากลยุทธ์ อภิปัญญาเพิ่มเติมเพื่อมุ่งความสนใจของนักเรียนไปที่กลยุทธ์การวินิจฉัยตนเอง กลยุทธ์การกำกับตนเองและกลยุทธ์การสะท้อนตนเอง ซึ่งจะช่วยให้พัฒนาการไตร่ตรองของนักเรียนในการเรียนรู้อภิปัญญาดังนั้น จึงจะส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน CFL อย่างต่อเนื่องในการปลูกฝังทักษะการพูดภาษาจีนของนักเรียน</p> เฉิน ซูน, สิระ สมนาม, จารุณี ทิพยมณฑล Copyright (c) 2024 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม https://so03.tci-thaijo.org/index.php/humsujournal/article/view/267835 Thu, 25 Apr 2024 00:00:00 +0700 ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการซื้อซ้ำสำหรับสินค้าโอทอปของผู้บริโภคในตลาดกลางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย https://so03.tci-thaijo.org/index.php/humsujournal/article/view/100-113 <p> งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิผลต่อการซื้อซ้ำของผู้ซื้อในตลาดกลางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ที่เคยซื้อสินค้า OTOP จำนวน 400 ราย ผ่านเว็บไซต์ตลาดซื้อขายสินค้าของภาครัฐ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ<br /> ผลการวิจัยพบว่า 1) ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด (Marketing Mix) ผลิตภัณฑ์ (Product) ช่องทางการจัดจำหน่าย (Place) การส่งเสริมการตลาด (Promotion) มีอิทธิพลต่อความพึงพอใจของผู้ซื้อ 2) ปัจจัยคุณภาพการบริการ (Service Quality) ด้านประสิทธิภาพ (Efficiency) ด้านความเชื่อมั่นในบริการ (Reliability) ด้านความลับข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy) มีอิทธิพลต่อความพึงพอใจของผู้ซื้อ 3) ความพึงพอใจ (Satisfaction) มีอิทธิพลต่อความตั้งใจซื้อซ้ำ (Repurchase Intention) ของผู้ซื้อ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05</p> นงค์รัตน์ แสนสมพร, ชมพูนุท ด้วงจันทร์ Copyright (c) 2024 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม https://so03.tci-thaijo.org/index.php/humsujournal/article/view/100-113 Thu, 25 Apr 2024 00:00:00 +0700 ความรู้ทางกฎหมายเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและรู้เท่าทันการใช้สื่อสังคมออนไลน์สำหรับเยาวชนจังหวัดอุดรธานี https://so03.tci-thaijo.org/index.php/humsujournal/article/view/268296 <p> ความรู้ทางกฎหมายเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและรู้เท่าทันการใช้สื่อสังคมออนไลน์ สำหรับเยาวชนจังหวัดอุดรธานี มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบกระบวนการให้ความรู้และศึกษาผลสัมฤทธิ์ความรู้ทางกฎหมายเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและรู้เท่าทันการใช้สื่อสังคมออนไลน์สำ หรับเยาวชน จังหวัดอุดรธานี ผู้วิจัยทำ การศึกษาประชากรที่เป็นเยาวชนที่มีอายุระหว่าง 17-18 ปี ทำ การเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (simple random sampling) จำ นวน 120 คน เพื่อเข้าร่วมการอบรมให้ความรู้ทางกฎหมายเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและรู้เท่าทันการใช้สื่อสังคมออนไลน์ เครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัยคือ 1. ชุดความรู้ทางกฎหมายเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและรู้เท่าทันการใช้สื่อสังคมออนไลน์ 2. แบบทดสอบก่อน การอบรมและหลังการอบรม มีค่าความยากง่ายอยู่ในช่วง 0.20 - 0.55 มีค่าอำ นาจจำแนกอยู่ในช่วง 0.25 - 0.50 และมีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.7 สถิติที่ใช้ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน Paired Sample t-test และ Willcoxon Signed Ranks Test ผลการวิจัยพบว่า1. ชุดความรู้ทางกฎหมายเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและรู้เท่าทันการใช้สื่อสังคมออนไลน์ มีความชัดเจนของเนื้อหาอยู่ในระดับมาก 71.90 มีความเหมาะสมที่จะนำ ไปใช้ อยู่ในระดับมาก คิดเป็นร้อยละ 68.30 และมีความเป็นไปได้ที่เยาวชนจะนำ ไปใช้ในทางปฏิบัติ อยู่ในระดับมาก คิดเป็น ร้อยละ 51 2. ในการทำ แบบทดสอบก่อนและหลังการอบรม ของกลุ่มเยาวชนตัวอย่างทั้ง 3 โรงเรียนแสดง ให้เห็นว่าหลังอบรมให้ความรู้ทางกฎหมายเกี่ยวกับการถูกกลั่นแกล้งและการถูกหลอกลวงบนสื่อสังคม ออนไลน์ โดยใช้คู่มือที่จัดทำ ขึ้นประกอบการอบรม เยาวชนมีความรู้ทางกฎหมายเกี่ยวกับการถูกกลั่นแกล้งและการถูกหลอกลวงบนสื่อสังคมออนไลน์เพิ่มขึ้นทั้ง 3 โรงเรียน โดยโรงเรียนหนองหานวิทยา มีคะแนนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 33.8 โรงเรียนอุดรพิชัยรักษ์พิทยา มีคะแนนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 32.5 และ โรงเรียน เพ็ญพิทยาคม มีคะแนนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 20</p> กัญญาภัค บึงไสย์ Copyright (c) 2024 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม https://so03.tci-thaijo.org/index.php/humsujournal/article/view/268296 Thu, 25 Apr 2024 00:00:00 +0700 สิิทธิที่จะมีส่วนในเมืองของคนจนเมืองอีสาน: พื้นความรู้และปรากฏการณ์ จากการพัฒนา https://so03.tci-thaijo.org/index.php/humsujournal/article/view/268953 <p> การพัฒนาเมืองของจังหวัดขอนแก่นตามทิศทางการพัฒนาสู่ความทันสมัย ส่งผลให้เมืองมีการปรับเปลี่ยนทั้งด้านกายภาพ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาเศรษฐกิจ ตลอดจนการให้บริการของเมืองที่มุ่งสนองตอบต่อคนเมือง ท่ามกลางจินตนาการและความคาดหวังที่จะเข้าถึงการปรับเปลี่ยน<br />ของเมือง บทความนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำ เสนอบริบทการพัฒนาเมืองของจังหวัดขอนแก่น และสิทธิที่จะมีส่วนในเมืองของคนจนเมืองอีสานในบริบทของการพัฒนาเมือง ใช้วิธีการศึกษาศึกษาเชิงคุณภาพโดยการทบทวนเอกสารทางวิชาการ รายงานวิจัย บทความ ร่วมกับข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากการสนทนากลุ่ม (focus group) ร่วมกับคนจนเมือง ผลการศึกษาพบว่า การพัฒนาเมืองของจังหวัดขอนแก่นมีรัฐและกลุ่มทุนเป็นผู้มีบทบาทสำ คัญในการพัฒนาเมืองที่กระทำ ผ่านการพัฒนาเศรษฐกิจในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การกระจายความเจริญตามทิศทางการพัฒนา ในฐานะเมืองศูนย์กลางภาคอีสาน เรื่อยมาจนถึงการพัฒนาเมืองสมัยใหม่ เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของเมือง พื้นที่ของเมืองมีราคาและสามารถสร้างมูลค่าได้ ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ในสิทธิที่จะมีส่วนในเมืองของคนเมือง โดยเฉพาะคนจนเมืองผู้ที่มีทรัพยากรดำรงชีพที่จำ กัดแต่เป็นผู้วิถีชีวิตที่สอดคล้องไปกับการเปลี่ยนแปลงของเมือง โดยคนจนเมืองมีมุมมองต่อสิทธิ ที่จะมีส่วนในเมืองที่ทันสมัยนี้ ในการเข้าถึงที่อยู่อาศัยในฐานะเป็นคนเมือง การเข้าถึงการใช้ประโยชน์<br />จากพื้นที่เมือง และกิจกรรมของเมือง ตลอดจนการขยับขยายไปถึงสิทธิที่จะรับรู้ สิทธิที่จะแสดงความ เห็น สิทธิที่กำ หนดพื้นที่ของตนเอง และสิทธิที่จะเข้าถึงประโยชน์จากเมือง อย่างไรก็ดี หากจะทำให้คนจนเมืองมีสิทธิที่จะมีส่วนในเมืองได้เช่นคนเมืองทุกคน ประการสำคัญคือ ควรตระหนักถึงการเป็น </p> พัชนีย์ เมืองศรี, ธนพฤกษ์ ชามะรัตน์ Copyright (c) 2024 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม https://so03.tci-thaijo.org/index.php/humsujournal/article/view/268953 Thu, 25 Apr 2024 00:00:00 +0700 คัมภีร์สำคัญเพื่อการศึกษาอายุรเวท https://so03.tci-thaijo.org/index.php/humsujournal/article/view/267164 <p> บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายคัมภีร์สำ คัญสำ หรับการศึกษาอายุรเวทโดยเรียบเรียงเนื้อหาจากการทบทวนวรรณกรรม ศึกษาค้นคว้าข้อมูลจากหนังสือ บทความ เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ผลการศึกษาพบว่า อายุรเวทเป็นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เกี่ยวข้องกับการดำ เนินชีวิตของมนุษย์ การรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ โดยคำนึงถึงร่างกายและจิตใจไปพร้อมกัน อายุรเวทเป็นศาสตร์การแพทย์อินเดียโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยพระเวท ทั้งยังพบแนวคิดเกี่ยวกับอายุรเวทในวรรณคดีสันสกฤตอื่นๆ อีกด้วย แต่เนื้อหานั้นไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้คัมภีร์สำ คัญที่มีเนื้อหาครบถ้วน ใช้เพื่อการศึกษาอายุรเวทเป็นหลักทั้งในเชิงทฤษฎีและปฏิบัติ ได้แก่“พฤหัตตรยี” ประกอบด้วย 1) จรกสังหิตา 2) สุศรุตสังหิตา 3) อัษฏางคหฤทยะ ถือเป็นยอดแห่งคัมภีร์อายุรเวท และ “ลฆุตรยี” ประกอบด้วย 1) มาธวนิทานะ 2) ศารังคธรสังหิตา 3) ภาวปรกาศะ เป็นคัมภีร์รองของอายุรเวท โดยคัมภีร์เหล่านี้ถือเป็นรากฐานขององค์ความรู้ด้านอายุรเวททั้งหมดที่จะทำ ให้ผู้ศึกษาเข้าใจหลักอายุรเวทได้อย่างลึกซึ้ง</p> วุฒิพงษ์ ถวิลสมบัติ Copyright (c) 2024 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม https://so03.tci-thaijo.org/index.php/humsujournal/article/view/267164 Thu, 25 Apr 2024 00:00:00 +0700 แนวทางการพัฒนารถไฟความเร็วสูงในประเทศที่ใช้ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม และระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม: บริบทการพัฒนารถไฟความเร็วสูงในลาว https://so03.tci-thaijo.org/index.php/humsujournal/article/view/268957 <p> การพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคมทั้งประเทศที่ใช้ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมและประเทศที่ใช้ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมหรือระบบเศรษฐกิจแบบผสม ได้ส่งผลให้เกิดการขยายตัวของเมือง ซึ่งทำ ให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา เช่น ปัญหาการจราจรปัญหามลพิษ ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาสังคม เป็นต้น บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอแนวทางการพัฒนารถไฟความเร็วสูงของประเทศที่ใช้ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมและประเทศที่ใช้ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมในบริบทที่แตกต่างกัน รวมถึงหลักการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งมวลชนและการเสนอแนะแนวทางบูรณาการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีรถไฟความเร็วสูงนครหลวงเวียงจันทน์และวังเวียงในลาวโดยการเก็บรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากการตีความจากหนังสือ บทความวิชา การงานวิจัย และวารสารต่างๆ ตามแนวทางระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ ผลการศึกษาพบว่าแนวทางของการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันขึ้นกับบริบทของพื้นที่ทางภูมิศาสตร์งและเน้นการสร้างเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงเชื่อมระหว่างเมืองและระหว่างประเทศเพื่อพัฒนาในมิติต่างๆ<br />สำ หรับการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีรถไฟความเร็วสูงของลาวเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ควรบูรณาการในหลายมิติทั้งบริบทของพื้นที่/ความพร้อมทางกายภาพของพื้นที่ การปรับตัวของชุมชนที่ได้รับผลกระทบและหลักการของการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีรถไฟความเร็วสูง</p> สมสำเร็จ ทวีคำ, ธนพฤกษ์ ชามะรัตน์ Copyright (c) 2024 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม https://so03.tci-thaijo.org/index.php/humsujournal/article/view/268957 Thu, 25 Apr 2024 00:00:00 +0700