วิทยาการจัดการวไลยอลงกรณ์ปริทัศน์ https://so03.tci-thaijo.org/index.php/MSVAR <p>วารสารวิทยาการจัดการวไลยอลงกรณ์ปริทัศน์ รับพิจารณาบทความวิจัยและบทความวิชาการทางด้านบริหารธุรกิจ การบัญชี การท่องเที่ยวและโรงแรม ธุรกิจบริการ และนิเทศศาสตร์ ของคณาจารย์ นักศึกษา นักวิชาการ และผู้สนใจทั่วไปทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่บทความวิจัยและบทความวิชาการทางด้านบริหารธุรกิจ การบัญชี การท่องเที่ยวและโรงแรม ธุรกิจบริการ และนิเทศศาสตร์ ของคณาจารย์ นักศึกษา นักวิชาการ และผู้สนใจทั่วไปทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย โดยมีกำหนดการตีพิมพ์ 3 ฉบับต่อปี ดังนี้ ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม – เมษายน ฉบับที่ 2 เดือนพฤษภาคม – สิงหาคมฉบับที่ 3 กันยายน – ธันวาคม <br /><br />ค่าลงทะเบียน บทความละ 4,000 บาท (สี่พันบาทถ้วน) ชำระเมื่อผ่านการพิจารณาเบื้องต้นจากกองบรรณาธิการ ทั้งนี้วารสารจะไม่คืนเงินดังกล่าวแก่ผู้เขียน หากไม่ได้รับการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review)</p> th-TH <p>บทความ ข้อความ ภาพประกอบ และตารางประกอบที่ลงพิมพ์ในวารสารเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้นิพนธ์ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้นิพนธ์แต่เพียงผู้เดียว กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นตามและไม่มีส่วนรับผิดชอบใด ๆ</p> fmsjournal@vru.ac.th (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ประพันธ์พงษ์ ชิณพงษ์) fmsjournal@vru.ac.th (นางสาวเพชรกมล เพชรสุนทร) Fri, 27 Dec 2024 13:07:18 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 การศึกษาพฤติกรรมนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มีต่อการท่องเที่ยวมูเตลูของจังหวัดนครพนม https://so03.tci-thaijo.org/index.php/MSVAR/article/view/280363 <p>งานวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวไทยต่อการท่องเที่ยว มูเตลูในจังหวัดนครพนม และ 2) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะทางประชากรศาสตร์และพฤติกรรมนักท่องเที่ยวชาวไทยในการท่องเที่ยวมูเตลูของจังหวัดนครพนม โดยเก็บกลุ่มตัวอย่างจากนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางเข้ามาใช้ท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวเชิงศรัทธาในจังหวัดนครพนมทั้งหมด 400 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล และสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐาน โดยใช้สถิติ Chi – Square ผลการวิจัยพบว่า 1) นักท่องเที่ยวชาวไทยที่สนใจเดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดนครพนม มีวัตถุประสงค์ในการเดินทางมาท่องเที่ยว/เยี่ยมชมสถานที่เชิงศรัทธา(มูเตลู) มีความถี่ในการเดินทาง 1 ครั้ง/เดือน โดยมีผู้ร่วมเดินทางมากับญาติหรือคนในครอบครัว ซึ่งมีผู้ร่วมเดินทาง 5 คนขึ้นไป โดยมีรถยนต์ส่วนตัว ใช้ระยะเวลาในการเดินทางมา 5 วันหรือมากกว่า มีค่าใช้จ่าย เช่น ค่าเดินทาง ที่พัก ค่าอาหาร เป็นต้น มากกว่า 10,001 บาทขึ้นไป และทราบข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต/เว็บไซต์/โซเซียล เน็ตเวิร์ค และ 2) ผลการวิเคราะห์ พบว่า ในภาพรวมลักษณะทางประชากรศาสตร์ มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมของจังหวัดนครพนม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิตที่ระดับ 0.05</p> อภิไทย แก้วจรัส, ชลิดา ช่วยสุข, จิราภรณ์ พรหมเทพ, อัจฉริยา ทุมพาณิชย์ Copyright (c) 2024 วิทยาการจัดการวไลยอลงกรณ์ปริทัศน์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/MSVAR/article/view/280363 Fri, 27 Dec 2024 00:00:00 +0700 การปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการผลิตมอเตอร์เพื่อลดของเสีย ด้วยการประยุกต์ใช้แนวคิดลีน กรณีศึกษา : โรงงานผู้ผลิตมอเตอร์แห่งหนึ่ง https://so03.tci-thaijo.org/index.php/MSVAR/article/view/280637 <p style="text-align: justify; text-justify: inter-cluster; text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-size: 16.0pt; font-family: 'TH SarabunPSK',sans-serif;">งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัญหาในกระบวนการผลิตของแผนกประกอบมอเตอร์ในบริษัทผลิตมอเตอร์เครื่องซักผ้าและมอเตอร์เครื่องปรับอากาศแห่งหนึ่ง ซึ่งกำลังเผชิญกับปัญหาต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี พ.ศ. </span><span style="font-size: 16.0pt; font-family: 'TH SarabunPSK',sans-serif;">2566 <span lang="TH">โดยพบว่ามีปริมาณของเสียเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ โดยเฉพาะในช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ. </span>2566 <span lang="TH">ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายจากของเสียรวม </span>1,631,908.11 <span lang="TH">บาท จากการวิเคราะห์ปัญหาด้วยกราฟแท่งและพาเรโตพบว่า </span>LINE B <span lang="TH">มีมูลค่าความเสียหายสูงสุดที่ </span>303,305.02 <span lang="TH">บาท โดยปัญหาหลักคือมอเตอร์เสียงดัง (</span>A22) <span lang="TH">ซึ่งมีมูลค่าความเสียหาย </span>88,414.40 <span lang="TH">บาท ต่อมาได้ทำการวิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหานี้โดยใช้แผนผังก้างปลา</span></span> <span lang="TH" style="font-size: 16.0pt; font-family: 'TH SarabunPSK',sans-serif;">พาเรโต้ และผลลัพธ์เชิงตัวเลข และ </span><span style="font-size: 16.0pt; font-family: 'TH SarabunPSK',sans-serif;">OEE<span lang="TH">พบว่าสาเหตุหลักเกิดจากปัญหาในเครื่องจักรและแม่พิมพ์ ซึ่งเกิดจากการขาดการบำรุงรักษาและการสึกหรอของแม่พิมพ์ ในการแก้ไขปัญหา งานวิจัยนี้ได้นำแนวคิดลีนและการบำรุงรักษาแบบทวีผลที่ทุกคนมีส่วนร่วมมาใช้ โดยกำหนดมาตรฐานการดูแลรักษาเครื่องจักร และใช้ค่าประสิทธิผลโดยรวมของเครื่องจักร (</span>OEE) <span lang="TH">เป็นตัวชี้วัด หลังการปรับปรุงพบว่าค่าประสิทธิผลโดยรวมของเครื่องจักรเพิ่มขึ้นจากร้อยละ </span>85.65 <span lang="TH">เป็นร้อยละ </span>92.18 <span lang="TH">โดยมีอัตราความพร้อมใช้งานเพิ่มขึ้นจากร้อยละ </span>92.06 <span lang="TH">เป็นร้อยละ </span>97.70 <span lang="TH">และอัตราความเร็วหรือประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นจากร้อยละ </span>95.85 <span lang="TH">เป็นร้อยละ </span>96.00<span lang="TH"> ผลจากการปรับปรุงนี้ทำให้จำนวนของเสียในรหัส </span>A22 <span lang="TH">ลดลงจาก </span>223 <span lang="TH">ชิ้น เหลือ </span>51 <span lang="TH">ชิ้น คิดเป็นร้อยละ </span>77.13 <span lang="TH">และมูลค่าความเสียหายลดลงจาก </span>88,414.40 <span lang="TH">บาท เหลือ </span>20,220.33 <span lang="TH">บาท โดยรวมจำนวนของเสียใน </span>LINE B <span lang="TH">ลดลงจาก </span>765 <span lang="TH">ชิ้น เหลือ </span>223 <span lang="TH">ชิ้น คิดเป็นร้อยละ </span>70.85 <span lang="TH">ส่งผลให้มูลค่าความเสียหายลดลงจาก </span>303,305.02 <span lang="TH">บาท เหลือ </span>88,414.40 <span lang="TH">บาท และทำให้มูลค่าความเสียหายรวมในกระบวนการผลิตลดลงจาก </span>1,631,908.11 <span lang="TH">บาท เหลือ </span>1,013,198.82 <span lang="TH">บาท คิดเป็นการลดลงร้อยละ </span>36.98</span></p> โสภากรณ์ ครองยุทธ, อนุธิณี แก้วศรีงาม, ธนิษฐ์นันท์ จันทร์แย้ม Copyright (c) 2024 วิทยาการจัดการวไลยอลงกรณ์ปริทัศน์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/MSVAR/article/view/280637 Fri, 27 Dec 2024 00:00:00 +0700 ปัจจัยที่ส่งผลต่อการลาออกของพนักงานสายงานการจัดการธุรกิจและผลกระทบที่มีต่อองค์กร https://so03.tci-thaijo.org/index.php/MSVAR/article/view/282504 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการลาออกของพนักงานสายงาน<br />การจัดการธุรกิจ และศึกษาอิทธิพลของปัจจัยเหล่านั้นที่มีต่อผลกระทบขององค์กร ใช้วิธีวิจัย<br />เชิงปริมาณด้วยการใช้แบบสอบถาม เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างพนักงานสายงานการจัดการธุรกิจในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง จำนวน 516 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้าง ด้วยวิธี Multiple Indicator - Multiple Cause Model (MIMIC Model)</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า โมเดลปัจจัยที่ส่งผลต่อการลาออกของพนักงานสายงานการจัดการธุรกิจและผลกระทบที่มีต่อองค์กร มี ค่า Chi-Square/df เท่ากับ 1.657 มีระดับนัยสำคัญ (P-Value) เท่ากับ 0.157 ค่าดัชนี GFI มีค่าเท่ากับ 0.996 ค่าดัชนี NFI มีค่าเท่ากับ 0.999 ค่าดัชนี CFI มีค่าเท่ากับ 0.998 ค่าดัชนี RMSEA มีค่าเท่ากับ 0.036 และค่า RMR มีค่าเท่ากับ 0.004 โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อการลาออกประกอบด้วย ค่าตอบแทน ความสัมพันธ์กับหัวหน้างาน และสภาพแวดล้อมในที่ทำงาน โดยค่าตอบแทนมีอิทธิพลสูงสุด ส่วนผลกระทบต่อองค์กรพบว่ามี 3 ด้านหลัก โดยเรียงตามลำดับมากไปน้อย ดังนี้ ผลกระทบต่อความมุ่งมั่น (β = 0.898) ผลกระทบทางการเงิน (β = 0.866) และผลกระทบต่อองค์ความรู้ (β = 0.466)</p> รัญชิดา ดาวเรือง, ศิริพร ห้วยแก้ว, ธฤตาภา ปานบ้านเกร็ด Copyright (c) 2024 วิทยาการจัดการวไลยอลงกรณ์ปริทัศน์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/MSVAR/article/view/282504 Fri, 27 Dec 2024 00:00:00 +0700 แรงจูงใจและวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานร้านสะดวกซื้อในจังหวัดนครพนม https://so03.tci-thaijo.org/index.php/MSVAR/article/view/283652 <p>การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานร้านสะดวกซื้อในจังหวัดนครพนมตามปัจจัยส่วนบุคคล และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างแรงจูงใจและวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานร้านสะดวกซื้อในจังหวัดนครพนม กลุ่มตัวอย่างเป็นพนักงาน จำนวน 278 คน โดยใช้วิธีการสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบค่าที การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียวและการวิเคราะห์ความถดถอยเชิงเส้นแบบพหุคูณ พบว่า พนักงานร้านสะดวกซื้อมีประสิทธิภาพการทำงานอยู่ในระดับสูง ปัจจัยส่วนบุคคลด้านระดับการศึกษาต่างกันมีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานร้านสะดวกซื้อในนครพนมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ส่วนด้านเพศและอายุงานไม่แตกต่างกัน แรงจูงใจด้านแรงจูงใจภายนอกและด้านเป้าหมายและความต้องการส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานร้านสะดวกซื้อในนครพนมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยสามารถพยากรณ์ประสิทธิภาพการทำงานได้ร้อยละ 4.2 และวัฒนธรรมองค์กรด้านความห่างเหินทางอำนาจ ด้านความเป็นชายหรือหญิงและด้านการหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอนส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานร้านสะดวกซื้อในนครพนม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 โดยสามารถพยากรณ์ประสิทธิภาพการทำงานได้ร้อยละ 20.4</p> กุสุมา สร้อยทอง, ประสพสุข สร้อยทอง, เสกสรรค์ วีระสุข Copyright (c) 2024 วิทยาการจัดการวไลยอลงกรณ์ปริทัศน์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/MSVAR/article/view/283652 Fri, 27 Dec 2024 00:00:00 +0700